วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรค
แถลงข่าวว่ากรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องชะลอโครงการรถเมล์เอ็นจีวีออกไป เพื่อหาข้อสรุปในปัญหาต่างๆ ว่า พรรคการเมืองใหม่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ มาตั้งแต่ต้น เพราะในเชิงของที่มาของโครงการไม่ชอบ มาพากลตั้งแต่เช่ากับซื้ออะไรดีกว่า จากโครงการแสนล้าน ลดลงมาเหลือ 64,000 ล้านบาท ก็เป็นเงินมหาศาล เชื่อว่า สุดท้ายไม่ว่าจะชะลอ ทบทวนอย่างไร รัฐบาลต้องอนุมัติโครงการนี้ในที่สุด ไม่ว่านายกฯจะรู้ดีว่าภาคประชาชน จับจ้อง ทุจริต รูรั่วขนาดไหน ไม่ว่าที่มาตัดตอน แต่งแต้มอย่างไร สุดท้ายก็อนุมัติอยู่ดี เราได้ข่าวมาว่าจะออกลูกเป็นการนำเข้าสองพันคัน ผลิตในประเทศอีกสองพันคัน ชี้ให้เห็นว่าการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ที่ทำไม่เด็ดขาด ต้องจบกันแบบครึ่งๆกลางๆ สร้างคำถามคาใจให้ประชาชนต่อไป ขอเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการนี้ทันทีเพราะไม่คุ้ม ค่าทั้งต้นทุน การบำรุงรักษา ซึ่งคนกรุงเทพฯ ต้องการแค่มีรถบริการอย่างเพียงพอ มีการบริการที่ดี คนขับมารยาทดี
"ยะใส" ชี้ รบ.อ่อนแอไม่เด็ดขาด
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา รักษาการเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า โครงการรถเมล์เอ็นจีวี เป็นเครื่องมือต่อรองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของพรรคภูมิใจไทย แม้รถเมล์ไม่ผ่าน แต่ได้กระทรวงมหาดไทยมา ได้ปลัดเป็นสิงห์ทองคนแรก ได้ผลประโยชน์มากกว่ารถเมล์ด้วยซ้ำไป อีกไม่กี่เดือนแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯ 20 กว่า จังหวัดรับมือเลือกตั้งเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองที่คุ้มค่ามาก เป็นความน่ารังเกียจของการเมืองแบบนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเอ็มโอยู ปัญหารถเมล์เอ็นจีวี ภาพสะท้อนของความไม่กล้าหาญของนายกรัฐมนตรีที่ตกวังวนของการต่อรอง โดยเฉพาะเอ็มโอยู 43 ได้ถูกต่อรองจากกลุ่มผลประโยชน์ที่ได้ประโยชน์จากกัมพูชาและรถเมล์เอ็นจีวีด้วย สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร ทั้งสองเรื่องนายกฯไม่กล้าตัดสินใจจะเป็นปัญหากับรัฐบาลในที่สุด ปลายปีนี้เป็นช่วงโยกย้ายใหญ่ของข้าราชการทุกกระทรวง และประชาชนไม่ได้อะไรจากรัฐบาลนี้ นายกฯต้องใช้ความกล้าหาญในการตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของประชาชนมาก่อน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
