ม็อบเชียร์เมินคำสั่งห้าม ยังแห่บุก กกต.ให้กำลังใจ 3 หนา

ม็อบเชียร์เมินคำสั่งห้าม ยังแห่บุก กกต.ให้กำลังใจ 3 หนา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤษภาคม 2549 21:25 น.

ม็อบเชียร์ กกต.ยังแห่ให้กำลังใจทั้งที่มีคำสั่งห้าม ด้านแกนนำอ้างกลัว กกต.น้อยใจลาออก ระบุ ไม่เห็นที่จะห้ามแสดงพลัง ยืนยันมาด้วยใจ ไม่ได้จัดตั้ง ขณะที่ รองเลขาฯ กกต.เผย ผลสอบเอกสารผลสรุปอนุฯพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กรั่ว คืบหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนเรื่องต้องเชิญ นาม ชี้แจงยังไม่ชัดเจน คาด สัปดาห์หน้าพร้อมเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะ

วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 12.30 น.นายชูชีพ ชีวสุทธิ์ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และเครือข่ายฯ อีก 6 องค์กร ได้เดินทางมาพร้อมกับสมาชิกกว่า 30 คน เพื่อมาให้กำลังใจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ปรากฏว่า ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณชั้น 1 ของอาคารศรีจุลทรัพย์ ไม่อนุญาตให้ขึ้นมายังสำนักงาน กกต.เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทาง กกต.ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้ที่จะมาให้กำลังใจแล้ว ว่า ขอเปลี่ยนจากการเดินทางมา เป็นการส่งไปรษณียบัตร หรือโทรสาร มาให้กำลังใจแทน ทั้งนี้ ทางกลุ่มได้เตรียมเข็มกลัดหัวใจสีชมพูเพื่อมามอบให้กับ กกต.ด้วย

นายชูชีพ กล่าวว่า ทางกลุ่มและเครือข่ายพยายามจะไม่มาอยู่แล้ว แต่การที่ประชาชนต้องการให้กำลังใจกับ กกต.ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะทราบว่า วันที่ 26 พ.ค.นี้ จะมีการตั้งเวทีใหญ่ของกลุ่มขับไล่ กกต.ที่หน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ จึงกลัวว่า กกต.จะน้อยใจแล้วลาออกไป ทุกคนเลยจำเป็นต้องมาให้กำลังใจ อีกทั้งที่หน้าสำนักงาน กกต.ก็ยังมีการปักหลักตั้งเต็นท์เพื่อขับไล่ กกต.และมีการติดข้อความกล่าวหาโจมตี กกต.และพรรคไทยรักไทยล้วนผิดกฎหมาย ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีการดำเนินการ แต่ทีคนที่มาให้กำลังใจกลับถูกห้าม

นายชูชีพ ยังกล่าวว่า การเดินทางมาให้กำลังใจทุกครั้ง ได้พยายามบอกประชาชนที่เดินทางร่วมคณะมา อย่าใช้ความรุนแรงกับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับเรา และอย่าไปมีเรื่องกับสื่อ เพราะหากผู้ใดไปมีเรื่องกับสื่อ ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล กลุ่มจะไม่รับผิดชอบ แต่ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่ากลุ่มประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจ ไม่ได้จัดตั้งมาทำให้ไม่สามารถที่จะไปสั่งให้ทำหรือไม่ให้ทำอะไร แต่ก็ไม่ควรเอาเหตุกระทบกระทั่งของคนแค่ 1-2 มาเป็นเหตุห้ามไม่ให้มาให้กำลังใจ

อย่างไรก็ตาม ผู้มาให้กำลังใจได้เข้าไปในเต็นท์ของกลุ่มผู้มาขับไล่ กกต.โดยได้นำหุ่นที่มีใส่หน้ากาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมหุ่นสุนัข 3 ตัว ขึ้นรถเพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท ที่ สน.ปทุมวัน อีกทั้งจะประสานกับ ผอ.เขตปทุมวัน และเทศกิจ เพื่อมาดำเนินการรื้อถอนเต็นท์ที่อยู่หน้าอาคารดังกล่าว และดำเนินคดีข้อหาสร้างสิ่งกีดขวางบนทางเท้า

นายชูชีพ ยังเปิดเผยว่า ในวันนี้ เวลา 15.00 น.จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เพราะ มาตรา 276 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาคดีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างหน่วยราชการกับเอกชน หรือหน่วยราชการด้วยกัน แต่ศาลปกครองกลับมาวินิจฉัยเพิกถอน พ.ร.ฎ.แปรรูป กฟฝ.ทั้งที่มาตราดังกล่าวไม่พบว่าให้อำนาจศาลปกครองดำเนินการได้

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ประเสิรฐ์ สุทธิสนธิ์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กกต.ได้เป็นตัวแทน กกต. ลงไปรับดอกไม้จากผู้ที่มาให้กำลังใจ

วันเดียวกัน นายศรีสัจจ์ สัตยโยธี อดีตผู้ขอจัดตั้งพรรคชาวพุทธ ได้มายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ระบุว่า เมื่อกลางเดือน เม.ย.2547 ได้มีชาวพุทธกลุ่มหนึ่งจำนวน 19 คน ปรึกษากันขอจัดตั้ง พรรคชาวพุทธ โดยตนจะเป็นเลขาธิการพรรค แต่เมื่อยื่นเรื่องต่อ กกต.ไม่ได้รับการอนุมัติ โดยอ้างว่าจะเป็นการสร้างความแตกแยกขึ้นในประเทศ ดังนั้น ในขณะนี้ที่มีข่าวว่าจะมีการขอจัดตั้งพรรคมุสลิม ชาวพุทธ จึงขอคัดค้านและขอให้ กกต.ปฏิบัติเช่นเดียวกัน

ด้าน นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เห็นเรื่องการขอจัดตั้งพรรคมุสลิมเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ ในการขอจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นในกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 10 ได้ระบุไว้ว่า พรรคการเมืองต้องมีนโยบายและข้อบังคับพรรคการเมือง ซึ่งต้องไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในเรื่องเชื้อชาติ หรือศาสนา และระหว่างคนในชาติ ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ขัดต่อกฎหมาย และความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งการจัดตั้งพรรคการเมืองเราต้องตรวจสอบและดูว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองระบุไว้

ส่วน นายรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนกรณีผลสอบของอนุกรรมการสอบพรรคการเมืองขนาดใหญ่ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานรั่วไหลไปถึงสื่อมวลชน ว่า คณะทำงานได้สอบสวนไปแล้วครึ่งหนึ่ง และกำลังเรียกอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเอกสารเป็นรายบุคคลมาสอบถาม ส่วนจะเชิญนายนามมาให้ข้อมูลหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้เชิญและคงต้องดูก่อนว่าจะเชิญมาหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นกับข้อมูลที่ได้ตามกระบวนการสอบสวน ทั้งนี้ ผลสอบสวนจะไม่เลยไปถึงการที่ต้องเปลี่ยนอนุกรรมการสอบสวนทั้งชุดหรือไม่ เพราะตนมีหน้าที่สอบสวนว่า ผลสอบของอนุกรรมการหลุดออกไปได้อย่างไรเท่านั้น คาดว่า การสอบสวนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในสัปดาห์หน้าเนื่องจากประธาน กกต.(พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ)ให้เวลาไว้ 10 วัน และจึงจะเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะต่อไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์