ม็อบอีแต๋นตาสว่างแฉหมดเปลือก รับค่าจ้างหัวละ 200 หนุนทักษิณ

ม็อบอีแต๋นตาสว่างแฉหมดเปลือก รับค่าจ้างหัวละ 200 หนุน"ทักษิณ"

คมชัดลึก

ม็อบอีแต๋นจากพะเยา ตาสว่าง แฉถูกว่าจ้างไปร่วมแสดงพลังสนับสนุน "ทักษิณ" หัวละ 200 บาทต่อวัน รอกลับเมื่อได้รับเงิน ระบุเข้าร่วมขบวนเพื่อหาเงินจ่ายค่าเกี่ยวข้าว ลั่นหากเบี้ยวจะไม่มีที่ฝังกระดูกบรรพบุรุษ แม่หลั่งน้ำตา วอนลูกกลับบ้าน เช่นเดียวกับชาวร้อยเอ็ดถูกว่าจ้างตั้งแต่เมืองอุบลฯ

ตามที่มีกลุ่มคนผู้สนับสนุน พ.ต.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งต่อไป และร่วมรณรงค์ให้ประชานออกไปเลือกตั้ง ซึ่งประกอบด้วยคาราวานอีแต๋นภาคเหนือ และคาราวานคนจนภาคอีสาน โดยรวมตัวชุมนุมที่ส่วนจตุจักร กทม.ท่ามกลางกระแสถูกว่าจ้างหรือไม่

วันที่ 21 มี.ค.ได้มีบุคคลออกมาเปิดเผยหมดเปลือกอย่างเช่น นายศักดิ์ (นามสมมติ) ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง ใน จ.พะเยา ที่ร่วมกับม็อบอีแต๋นและเดินทางกลับมาแล้ว เปิดเผยว่า ตอนแรกที่ร่วมขบวนม็อบอีแต๋นด้วย เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มาจากการเลือกตั้งที่ใสสะอาด ตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ทั้งการแก้ปัญหายาเสพติด กองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค ล้วนเป็นนโยบายที่ดี

ช่วงแรกหลงเชื่อมีคนพูดกรอกหู

ผู้ใหญ่บ้านจาก จ.พะเยาคนนี้ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันก็มองกลุ่มคนต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพ่อค้ายาเสพติด นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาต่อต้านเพราะขอตั้งสถานีโทรทัศน์ไม่ได้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกลุ่ม ขอเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ก็ใส่ไฟ หรือแม้กระทั่งนายเสนาะ เทียนทอง แกนนำวังน้ำเย็น ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน เนื่องจากมีคนพูดกรอกหูม็อบอีแต๋นทุกวัน ประกอบกับมีเงินที่หยิบยื่นให้ จึงเต็มใจเข้าร่วม

นายศักดิ์ กล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้ก็ได้ติดตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ท้องสนามหลวง ลานพระบรมรูปทรงม้า หรือที่อื่นๆ และคำตอบที่ดีที่สุดก็คือพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เอาแต่หลบหนี พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่รู้จักเบื้องต่ำเบื้องสูง

ตาสว่างเมื่ออ่านเบื้องหลังขายหุ้นชิน


ผมได้อ่านหนังสือเบื้องหลังขายหุ้นชินคอร์ปให้บริษัทในประเทศสิงคโปร์ของสภาทนายความและสภาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จึงได้รู้ว่าเทพเจ้าที่ผมนับถืออยู่ทุกวันนั้นก็คือผู้ที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกงสารพัด ผมจึงพาลูกบ้านผมอีก 6- 7 ชีวิตกลับบ้าน ถ้าผมถูกปลดก่อนที่จะหมดวาระในเร็วนี้ ผมก็ถือว่าผมเสียสละเพื่อบ้านเพื่อเมืองและในหลวงของเราแล้ว" นายศักดิ์ กล่าว

ขณะที่นายเอ (นามสมมติ) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ลูกบ้านของนายศักดิ์ ซึ่งยังปักหลักอยู่กับม็อบอีแต๋นที่กรุงเทพฯขณะนี้ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า แม้จะอยากกลับบ้านก็ไม่สามารถกลับได้ เสียดายเวลาที่เสียไป เงินก็ยังไม่ได้ ถ้างานเสร็จคงได้เงินมาทำทุนจ้างเขาเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังที่ทำไว้ ยังโชคดีที่ไม่มีครอบครัวจึงไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก

"อย่างไรก็ตาม หากมีการปะทะกันขึ้นเชื่อว่าจะไม่มีม็อบอีแแต๋นคนไหนกล้าเอาชีวิตเข้าแลก เพราะแต่ละคนรู้ว่ามาทำอะไรและเพื่ออะไร" ลูกบ้านของนายศักดิ์ กล่าว นายบี (นามสมมติ) ผู้รักษาความสงบหมู่บ้าน (ผรส.) ลูกบ้านของนายศักดิ์อีกราย กล่าวว่า ตนกับเพื่อนม็อบอีแต๋นมีหน้าที่ถือป้ายเชียร์ ออกท่าออกทาง แกว่งผ้า ชูกำปั้น ตะโกนเชียร์ ให้นักข่าว ช่างภาพ ถ่ายรูป แต่ถ้านอกเหนือจากนี้กลุ่มม็อบจะไม่ฟังคำสั่ง เพราะก่อนที่จะมาตกลงราคาและบทบาทกันเพียงเท่านี้

ขู่ไม่ได้รับเงินจะไม่มีแผ่นดินอยู่


"ผมจะกลับบ้านเมื่อได้รับค่าจ้างเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ถ้าคิดเบี้ยว อย่าว่าแต่ไม่มีแผ่นดินอยู่เลย แม้กระทั่งที่ฝังกระดูกบรรพบุรุษของ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อที่ให้คำสัญญากับเราก็จะไม่มีเช่นกัน นี่คือคำสัญญาของคนในม็อบอีแต๋น หากมีการเบี้ยวค่าจ้างนายบี กล่าว

นางกี่ มารดาของนายบี (นามสมมติ) กล่าวว่า นายบีเป็นคนที่รักแม่มาก ไม่เคยทิ้งแม่และถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำนามาตลอด ก่อนที่จะไปร่วมขบวนม็อบอีแต๋น บุตรชายบอกว่าว จะหาเงินมาเป็นค่าจ้างเกี่ยวข้าวนาปรัง เพื่อที่แม่จะไม่ต้องไปเกี่ยวข้าวเอง ซึ่งไม่รู้ว่าลูกจะไปร่วมขบวนอีแต๋น มารู้อีกครั้งเมื่อผู้ใหญ่บ้านมาบอกว่าลูกชายเข้าร่วมขบวนม็อบอีแต๋น และไม่ยอมกลับเพราะยังไม่ได้เงินค่าจ้าง

"ถ้าลูกได้อ่านหนังสือพิมพ์ ขอให้รู้ว่าแม่ยอมเหนื่อยเกี่ยวข้าวเพียงไม่กี่ไร่แม่ทำได้ แม่ทำมาเกือบตลอดชีวิต กลับบ้านเถอะลูก ข้าวที่ได้ เงินที่มี มันจะมีประโยชน์อะไร เมื่อแม่ไม่มีลูก" นางกี่ กล่าวด้วยน้ำตานองหน้า

ชาวร้อยเอ็ดแฉถูกจ้างวันละ200บาท


นายเหลิม (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาวบ้าน อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด หนึ่งในผู้เข้าร่วมขบวนรถอีแต๋น คาราวานคนจนภาคอีสาน และกลับมาบ้านหลังจากร่วมเดินทางไปถึงรังสิต จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนเป็นชาวบ้านธรรมดาประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ใช้ชีวิตอยู่กับท้องไร่ท้องนา จนกระทั่งวันหนึ่งมีแกนนำเกษตรกรชวนไปร่วมเดินขบวนให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ จ.อุบลราชธานี โดยมีข้อเสนอให้ค่าเบี้ยเลี้ยงคนละ 200 บาทต่อวัน ซึ่งช่วงนั้นประจวบกับเป็นช่วงที่ไม่มีงานทำ จึงตกลงเข้าเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุม

นายเหลิม กล่าวต่อว่า เบื้องลึกแล้วตนคงไม่สามารถตอบได้ว่าใครเป็นคนว่าจ้างหรือมีจุดประสงค์อะไร เพราะตนรอทำตามคำสั่งของคนที่พาไปเพียงอย่างเดียวเพื่อแลกกับเงิน 200 บาท เพราะค่าแรงงานปกติรับจ้างแบกอ้อยก็ได้ไม่ถึงนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผมและเพื่อนพูดคุยกันอยู่เสมอก็คือไม่ขอเดินทางไปกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน เพราะเกรงว่าอาจจะมีการปะทะกันกับกลุ่มชุมนุมขับไล่นายก

ร่วมม็อบดีกว่าได้เงินง่ายดี


ผมเคยไปร่วมชุมนุมมาแล้วหลายครั้ง และหากมีคนมาจ้างไปม็อบผมก็คงจะรับปากโดยไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจยากนัก เพราะผมมองว่าการไปม็อบสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรคนจนอย่างผมและชาวบ้านที่ต้องหาเช้ากินค่ำอีกหลายคนมากพอสมควร นายเหลิม กล่าวและว่า

มีวัยรุ่นและคนชราอีกหลายคนในหมู่บ้านที่ไปร่วมชุมนุมภายใต้จุดประสงค์คล้ายๆกัน คือ เงินค่าเบี้ยเลี้ยงที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ทุกครั้งที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นตนและเพื่อนบ้านก็มักจะพบหน้ากันเสมอ ถึงแม้ว่าจะถูกมองอย่างไร ตนก็ไม่สนใจ เพราะนี้ถือว่าเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง

ขณะที่นายนิพนธ์ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ชาว อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ได้ร่วมเดินทางไปให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยไปเริ่มต้นที่ จ.อุบลราชธานี เนื่องจากมีแกนนำในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นผู้หญิงและเป็นแกนนำคนสำคัญของกลุ่มคาราวานคนจนมาชักชวน เนื่องจากแกนนำคนนี้เคยเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อเรียกร้องรัฐให้แก้ไขปัญาหต่างๆ มากมาย และตนมองว่าการเข้าร่วมชุมนุมสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ ไม่ต้องทำอะไรมากแค่ไปร่วมเดินขบวนเท่านั้น ซึ่งจะได้รับเงินค่าแรงวันละ 200 บาททุกวัน

หวังโชคห่าใหญ่โคล้านตัว


นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นตนยังให้เช่ารถ ในการขนอุปกรณ์ อาหารการกิน ไปร่วมชุมนุมด้วย โดยเบื้องต้นตกลงค่าเช่ารถกันที่คันละ 800 บาท ต่อวัน และค่าน้ำมันอีกวันละ 300 บาท ซึ่งตนได้รับเงินในการร่วมขบวนครั้งนี้วันละ 1,300 บาท ซึ่งถือว่าเงินดีมาก เพราะหากอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรและมีแต่จะเสียเงินเท่านั้น

"ที่เข้าร่วมเดินขบวน นอกจากอยากได้เงินค่าจ้างแล้ว ผมยังจะไปร่วมเสนอปัญหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แก้ไขปัญหาเรื่องโคล้านครอบครัวด้วย เพราะแกนนำบอกว่า หากไปร่วมเดินขบวนครั้งนี้ พอรัฐอนุมัติโครงการโคล้านครอบครัวล็อตใหม่มา เราก็จะได้ก่อนคนอื่น ซึ่งเป็นอีกแรงจูงใจหนึ่งที่ทำให้ผมอยากจะเข้าร่วมด้วย" นายนิพนธ์ กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์