มึนน์ซ์ซ์ซ์!!!

บรรดาคนแก่เหล่านั้นก็น่าจะเป็นคนเก่ง .....


อันดับแรก...คงต้องยอมรับกันก่อนว่า ในคณะรัฐบาลชุดนี้ ที่แม้นว่าจะเต็มไปด้วย คนแก่ จำนวนไม่น้อย แต่บรรดาคนแก่เหล่านั้นก็น่าจะเป็นคนเก่ง คนที่มีประสบการณ์ และที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นผู้ที่น่าเชื่อว่าเป็น คนดี กันเป็นส่วนใหญ่ หรือเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจได้กันเป็นหลัก...

เช่นเดียวกันกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดนี้...แม้นว่าจะมาจากการแต่งตั้งก็ตามที แต่มาตรฐานในการแต่งตั้งนั้น ก็น่าจะมาจากมาตรฐานอันประกอบไปด้วย ความเก่ง ความมีประสบการณ์ และความดีอีกด้วยเช่นกัน...ด้วยเหตุนี้เมื่อทั้งรัฐบาลและทั้งสภาฯ ชุดนี้...ต่างเห็นดีเห็นงามในการผ่านร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ...ร่างพระราชบัญญัติแปรรูปการศึกษาให้เป็นไปในแบบเสรี ในชนิดรวดเดียวจบ...หรือโดยแทบไม่มีเสียงคัดค้านท้วงติงกันเลยแม้แต่น้อย สิ่งเหล่านี้...ย่อมทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ เก่งหรือไม่เก่ง หรืออาจจะมีประสบการณ์อยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ...ก็ออกจะ...งงๆ...อยู่พอสมควรเหมือนกัน???


ผู้ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นหัวหอก ..........


เพราะอันที่จริงแล้ว...ผู้ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นหัวหอก หรือเป็นแรงผลักดันสำคัญ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนแนวคิดในการแปรรูปการศึกษาให้เป็นเสรี หรือคิดจะปฏิรูปการศึกษาด้วยการเสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว ก็คือผู้ที่มีบุคลิกภาพในทางที่ค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับผู้คนในรัฐบาลชุดนี้ หรือในสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดนี้ไม่น้อยทีเดียว...นั่นก็คือ ผู้ที่มีชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร ผู้นี้...นี่เอง...


ปรับตัวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ...

ในการให้เหตุผลกับใครต่อใคร ถึงแรงจูงใจที่ทำให้ตัวเองพยายามเร่งรัดผลักดัน พ.ร.บ.แปรรูปการศึกษาที่ว่านี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้เคยกล่าวเอาไว้ในระหว่างการปฐกถาพิเศษ เนื่องในงาน ปฏิรูปการศึกษายุคใหม่ ในขณะที่ตัวเองดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเอาไว้ว่า...ผมต้องการให้สถาบันการศึกษาต่างๆ ปรับตัวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว โดยอาศัย...กลไกธรรมชาติ...มาให้รางวัล หรือลงโทษ...สำหรับสถาบันการศึกษาที่ไม่ยอมปรับตัว
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการแข่งขันระหว่างสถานศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ผมมีแนวคิดเปิดเสรีค่าเล่าเรียนสถานศึกษาได้เต็มที่ รวมทั้งกำหนดค่าจ้างครู (อาจารย์) ได้เอง แล้วให้นักเรียนเป็นผู้เลือกว่าจะเรียนที่ไหน หากสถานศึกษาใดจัดการเรียนการสอนไม่ได้คุณภาพคุ้มค่าราคา...ก็จะไม่มีนักเรียนไปเรียน...??? ??? ???


เป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ....


ด้วยรากฐานแนวคิดเช่นนี้...หรือด้วยรากฐานแนวคิดที่ต้องการทำให้ การศึกษากลายเป็นสินค้า โดยผู้ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาทะเยอทะยาน และขาด ความพอเพียง ในเรื่องใดๆ ก็ตามนี่เอง...ที่เป็นตัวก่อให้เกิดร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ดังที่รัฐมนตรีศึกษาฯ คนปัจจุบันได้สรุปเอาไว้นั่นแหละว่า เป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่เมื่อมันต้องตกทอดมาสู่รัฐบาลชุดนี้...สิ่งที่ใครต่อใครอดตั้งคำถามขึ้นมาไม่ได้ว่า...มันได้มีการใช้เวลาในการกลั่นกรองสิ่งต่างๆ ที่มีที่มาจากแนวคิดเหล่านี้กันโดยละเอียดรอบคอบตามวิสัยของคนแก่ คนที่มีประสบการณ์ คนที่มีความพอเพียง กันอย่างครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่? เพียงใด???
การผลักดัน พ.ร.บ.ดังกล่าวสู่สภาฯ ในช่วงระยะเวลาแค่เดือนสองเดือนนั้น...มันออกจะ เร่งร้อน ผิดวิสัยคนแก่ไปบ้างหรือไม่? ทั้งๆ ที่เรื่องราวเหล่านี้...มันน่าจะพอมีเวลาพินิจพิเคราะห์กันไปจนถึงรัฐบาลชุดใหม่ ก็ไม่น่าจะทำให้บ้านเมืองต้องพินาศวอดวาย เหมือนกับกรณีคอขาด-บาดตายในอีกหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งอาจจะยังไม่ได้เริ่มต้นร่างอะไรต่อมิอะไรกันเลยแม้แต่น้อย...???


น่าจะมีทั้งคนเก่งคนดีอยู่ไม่น้อย .....


ที่น่างงง์ง์...น่ามึนซ์ซ์ไปยิ่งไปกว่านั้นก็คือ...เมื่อมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ ชุดนี้ ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า น่าจะมีทั้งคนเก่งคนดีอยู่ไม่น้อย มิหนำซ้ำยังมีคนประเภทที่ ไม่เอาทักษิณ กันในทุกเรื่อง ทุกกรณี อีกต่างหาก...แต่มันก็น่าแปลกใจไม่น้อยว่า...เหตุใด??? กระบวนการตัดสินใจผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ถึงได้เป็นไปในแบบแทบจะปราศจากปฏิกิริยาในการท้วงติงใดๆ กันเลยแม้แต่น้อย จะไปสรุปว่าเป็นเพราะผู้คนในสภาฯ ชุดนี้ไม่สนใจที่จะใช้เหตุผลในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวกันอย่างถี่ถ้วน อย่างจริงๆ จังๆ หรือยกไม้ยกมือกันโดยไร้สมอง ไร้วิญญาณแบบสภาฯ ชุดที่แล้ว...ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้แน่ๆ???


แม้นว่าจะยังคงงงๆ มึนๆ ......


แต่ก็อย่างว่า...ภายใต้ความเชื่อมั่น ความศรัทธา ที่ยังมีต่อความดีและคนดีทั้งหลาย...แม้นว่าจะยังคงงงๆ มึนๆ กันยังไงก็ตามที...ก็คงได้แต่ต้องภาวนาเอาไว้ล่วงหน้าว่า บรรดาผู้คนเหล่านี้จะอาศัย ความดี ความเก่ง และประสบการณ์ที่สั่งสมกันมา สามารถมองลึก มองไกล ไปถึง ผลกระทบ ต่างๆ ที่มันจะตามมา ไม่ว่าจะเป็นผลที่จะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจาก การศึกษา ซึ่งถือได้ว่าเป็นพื้นฐานของความรู้สึกนึกคิดในแทบทุกด้านของมนุษย์ ได้ถูกทำให้กลายเป็น สินค้า ผลอันเนื่องมาจากสิ่งที่เรียกๆ กันว่า เสรี ทั้งหลาย ซึ่งมันมักถูกสอดแทรกเข้ามาสู่การค้าในแทบทุกชนิด และเคยทำให้ผู้เปิดรับความเสรีโดยส่วนใหญ่ต้องกลายมาเป็นอาณานิคมในแต่ละรูปแบบ รวมไปถึง อาณานิคมทางปัญญา อีกด้วย ผลที่จะนำไปสู่ ช่องว่าง ทางโอกาสระหว่างผู้คนในสังคม ที่อาจจะขยายกว้างยิ่งขึ้นไปอีกตาม กลไกตลาด หรือตามธรรมชาติของทุนนิยมเสรี ที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ด้อยกว่ามีเสรีกันเลยแม้แต่น้อย ผลอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางรายได้...ที่จะทำให้ผู้ที่มีโอกาสทางการศึกษา ต้องถูกตัดขาดออกไปจากพันธกิจที่ตัวเองควรมีต่อสังคม...ฯลฯ สิ่งเหล่านี้...มันจะเกิดขึ้นหรือไม่? เพียงใด? ก็คงต้องมอบให้อนาคตและกาลเวลาเป็นผู้วัดตัดสินกันเอาเองก็แล้วกัน!!!



ผู้ที่มีการศึกษา...ก็คือ..

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จากสุนทโรวาท อิหม่าม อาลี....ผู้ที่มีการศึกษา...ก็คือผู้ที่ถูกสั่งสอน อบรม ให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ด้วยจิตใจและวิญญาณ ส่วนผู้ที่ถูกสั่งสอน อบรม ให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้โดยแต่เพียงดวงตาสองข้างของเขาเท่านั้น...ก็คือผู้ที่ไร้การศึกษา...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์