มาร์คไม่เลิกพรก. ปัดอานันท์ ดีเอสไอจับสิบโท

ชื่อป๊อด - เจ้าหน้าที่ดีเอสไอคุมตัว ส.ท.รชต วงค์ยอด  มาฝากขังต่อศาล
ก่อนส่งต่อเข้าเรือนจำ  ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธไม่ได้ชื่อเล่นว่า"กบ"
แต่ชื่อ"ป๊อด"ทั้งยังเขียนจดหมายลายมือส่งให้นักข่าว
ยืนยันตนเองไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย ตามข่าว

"อภิสิทธิ์"ปัดข้อเสนอ"อานันท์"ยันยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งหมด ตอนนี้ไม่ได้ โยนฝ่ายความมั่นคงประเมินสถานการณ์แล้วเสนอขึ้นมา จากนั้นก็จะพิจารณาทยอยสั่งยกเลิกเป็นพื้นที่ๆไป ซัด "โรเบิร์ต อัมสเตอร์ ดัม" แค่คนรับจ้างเขียนหนังสือปกขาวแฉการเมืองไทยให้ทักษิณ 


ด้านดีเอสไอดิ้นรวบทหารยศ"สิบโท"จากใต้ อ้างซี้กับหรั่ง-แถมเป็นคนสนิทเสธ.แดง ระบุเป็นมือยิงเอ็ม79-เอ็ม16 ถล่มทหาร เจ้าตัวเขียนจดหมายด้วยลายมือโต้ทันที ยันไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย จริงๆชื่อ"ป๊อด"ไม่ได้ชื่อ"กบ" ด้าน"คณิต ณ นคร"เตรียมเสนอเลิกตี ตรวนแกนนำนปช.ที่มาขึ้นศาล ระบุละเมิดความ เป็นมนุษย์ ขัดข้อบัญญัติยูเอ็น

-รวบ"ส.ท.รชต"-ระบุซี้"เสธ.แดง"

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ควบคุมตัวส.ท.รชต วงค์ยอด อายุ 27 ปี อยู่เลขที่ 41/1 ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ขึ้นเฮลิคอปเตอร์มายังร.11รอ. เพื่อสอบสวน หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย และเป็นหนึ่งในคนสนิทของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก สำหรับส.ท.รชต ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ในช่วงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ก.ค. พล.ต.ต.ธนพล สนเทศ ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก สปพ. พร้อมกำลังจับกุมนายสุรชัยหรือหรั่ง เทวรัตน์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันหรือใช้ให้ผู้อื่นหรือสนับสนุนให้มีการกระทำผิดการก่อการร้าย และเป็นอดีตมือขวาของเสธ.แดง ภายในโรงแรมฟอร์ยู ห้องหมายเลข 11 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี มาแล้ว

แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยืนยันว่าส.ท.รชต อยู่ในการควบคุมตัวของดีเอสไอ ภายในห้องควบคุมชั้น 6 เพื่อสอบสวนขยายผลในคดีก่อการร้าย ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นนายกบตัวจริง ไม่ใช่คนที่มีชื่อ-สกุลซ้ำกัน สำหรับส.ท.รชต เป็นกำลังพล ประจำการที่กองพลทหารราบที่ 15 อ.ปราณบุรี จ.ประจวบ คีรีขันธ์ 

รายงานข่าวระบุว่า ส.ท.รชต ยังคงให้การภาคเสธ อ้างว่าถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้าย การยิงเอ็ม 79 แต่ยอมรับเพียงว่าเคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงและมีความชื่นชอบศรัทธาในอุดมการณ์ของเสธ.แดง ที่ผ่านมามีส่วนได้รับฟังการวางแผนของชุดกองกำลังชายชุดดำเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัฐบาล แต่ไม่เคยเข้าไปร่วมก่อเหตุในคดีอุกฉกรรจ์ 

-ฝากขังทันที 1 ผลัด-ค้านประกัน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.พิภพ สุขก่ำ พนักงานสอบคดีพิเศษ ควบคุมตัวส.ท.รชต มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.-วันที่ 3 ส.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมอีก 20 ปาก และรอผลตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ ข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน ประกอบการดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวด้วย เนื่องจากมีพยานหลักฐานเชื่อว่าผู้ต้องหากับพวกกระทำผิดอาญาร้ายแรง มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต จึงเกรงว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปก่อเหตุวุ่นวายร้ายแรงอื่นอีก ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ก็ไม่เป็นที่ไว้วางใจด้านความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในประเทศ

คำร้องระบุพฤติการณ์ผู้ต้องหาสรุปว่า ระหว่าง เดือนพ.ย. 2552-พ.ค. 2553 ในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และพื้นที่บางจังหวัด ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางจังหวัด ผู้ต้องหาซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ร่วมกับผู้ต้องหาคน อื่นๆ ในการเตรียมอาวุธหรือใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 79 หรือปืนกล เอ็ม16 เพื่อใช้ปฏิบัติการก่อวินาศกรรมต่อสู้กับ ทหาร ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จนทำให้มีทหารและประชาชนบาดเจ็บล้มตายในระหว่างการชุมนุมของนปช. โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 09.30 น. ตามหมายจับของศาลอาญา โดยแจ้งข้อหากระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135 /1 -3 ประ กอบมาตรา 83-86 ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้ การปฏิเสธโดยตลอด ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง 

-เขียนจ.ม.ลายมือ-ยืนยันบริสุทธิ์

วันเดียวกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่นำตัวไปขออำนาจศาลเพื่อฝากขัง ส.ท.รชต ได้ยื่นจดหมายเขียนด้วยมือ ฝากผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ความว่า"ตั้งแต่ผมเข้ารับราชการ ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งกับการชุมนุมใดๆแม้แต่ครั้งเดียว รูปที่ผมดู ดีเอสไอ มันเป็นรูปก่อนเข้ารับราชการ ผมสามารถชี้แจงได้ วัน เวลา พยาน ผมทำงานอยู่ในหน่วยตลอด ผมมั่นใจหลักฐานพยานว่าเป็นผมบริสุทธิ์ ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ สาบานให้ตายเลยครับ ถ้าผมทำจริง ผมคงหนีไปนานแล้ว"

ท้ายจดหมาย ส.ท.รชต ได้เขียนว่า"ฝากขอบคุณพี่ก๊อบ พี่ออมด้วยครับ"

-โต้ในเน็ตยัน-ไม่ใช่ก่อการร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ท.รชต ได้เขียนไว้ในบล็อกส่วนตัวไว้เมื่อวันอังคารที่ 25 พ.ค. ความว่า

"ผมถูก DSI กล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายก่อน อื่น ผมต้องขอสวัสดีพี่น้องชาวบล็อก ผมหายไปนาน เนื่องจากติดภารกิจต้องปกป้องสามจังหวัดชายแดนใต้ และก็ฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมอยู่ตลอด จนมาถึงวันที่ 19 พ.ค 53 ผมได้ติดตามข่าว ทีวี หนังสือพิมพ์ และข่าวทางอินเตอร์เน็ต อ่านข่าวทั่วไปและติดตามสถานการณ์ที่กรุงเทพ มหานคร เพราะรู้ดีว่าสถานการณ์ที่กรุงเทพมหา นครไม่ค่อยปกติมากนัก จนมีข่าว ดีเอสไอ ได้นำหลักฐานไปศาลให้ออกหมายจับ 10 คน ข้อหา ผู้ก่อการร้ายและที่สำคัญมีชื่อผมอยู่ 1 ใน 10 ผู้ต้องหาก่อการร้าย ตอนแรกผมก็ไม่สนใจเพราะผมไม่ได้ไปก่อการร้ายอะไร....? และผมก็อยู่สามจังหวัดชายแดนใต้ตลอด และไม่เคยเข้าไปยุ่ง เกี่ยวกับการเมืองและชุมนุมของคนเสื้อแดงใดๆ ทั้งสิ้น

ผมถูกออกหมายจับ "ผู้ก่อการร้าย" ลำดับที่ 10

ผมชื่อ ส.ท.รชต 

ผมนามสกุล วงค์ยอด ไม่ตรงกับที่หนังสือ พิมพ์ลง (วงศ์ยอด) ถึงไง ผมจะอ่านหนังสือพิมพ์ กี่ฉบับหลายสำนัก อ่านกี่ครั้ง ผมก็คิดว่าเป็น ชื่อผม ทั้งๆที่ผมไม่รู้เรื่อง"

ชื่อเล่น ผมชื่อ ป๊อด ไม่ใช่ กบ...ตามสื่อหลายสำนัก ลง

ผมไม่ใช่ "ผู้ก่อการร้าย"

ผมไม่ใช่ "ผู้ก่อการร้าย"

นอกจากนี้ ส.ท.รชต ได้ลงรูปภาพต่างๆ ทั้งที่อยู่ในม็อบเสื้อแดง และอยู่ใกล้พล.ต.ขัตติยะด้วย

-ดีเอสไอชี้ฮาร์ดคอร์-เพื่อน"หรั่ง"

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมตัวส.ท.รชตว่าดีเอสไอมีหลักฐานยืนยันว่าส.ท. รชตอยู่ในกลุ่มการ์ดฮาร์ดคอร์ มีความใกล้ชิดกับพล.ต.ขัตติยะจึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบ สวนนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องขอฝากขังที่ศาลอาญา เพื่อนำตัวไปควบคุมในเรือนจำพิเศษกรุง เทพมหานคร ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาปฏิเสธไม่ขอให้การโดยจะใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีในชั้นศาล 

ด้านพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า ส.ท.รชตเป็นผู้ต้องหาตัวจริง ซึ่งดีเอสไอมีภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่าส.ท.รชตอยู่ใกล้ชิดเสธ.แดง รวมถึงภาพถ่ายขณะออกจากด่านสุวรรณภูมิ ก่อนออกเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนร่วมในคณะเดียวกับนายสุรชัยหรือหรั่งด้วย

ที่ศาลอาญา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัด ส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษจับนายสุรชัย ด้วยว่า เป็นเรื่องตลกที่มีการล่อซื้ออาวุธแล้วไม่จับกุมทันที กรณีที่กันลูกเมีย และแม่ของนายหรั่งเป็นพยาน ไม่มีอยู่ในสารบบ อยากฝากถึงนายธาริตว่าที่สอบสวนกรณี ท่อน้ำเลี้ยงนั้น ขอให้เตรียมรับข้อมูลท่อน้ำเลี้ยงภรรยาหลังบ้านของตนเองด้วย เพราะถ้าเปิดเผยข้อมูลแล้วนายธาริต ต้องหน้าหงายแน่นอน 

-เผย"เคทอง"ก็รู้จัก-ซี้หรั่งสุรชัย

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณห้องเยี่ยมญาติว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงกว่า 50 คน รวมทั้งครอบครัวของแกนนำนปช. อาทิ นางศิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ภรรยาน.พ.เหวง โตจิราการ และนางกุลรัตน์ พิกุลทอง ภรรยานายก่อแก้ว พิกุลทอง รวมทั้งแฟนสาวของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ได้เดินทางมาเยี่ยมในเวลา 11.00 น. ใช้เวลาเข้าเยี่ยมประมาณ 15 นาที ก่อนที่กลุ่มญาติของแกนนำนปช.จะเดินทางกลับ ได้มีทนาย ความของนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง คนสนิทของพล.ต.ขัตติยะเดินทางมาพบและหา รือกันภายในห้องเยี่ยม

รายงานข่าวจากเรือนจำ เปิดเผยว่า นายเคทอง ยืนยันว่ารู้จักกับนายสุรชัยหรือหรั่งเป็นอย่างดีและเคยเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน แต่นายหรั่งไม่ใช่มือขวาของเสธ.แดง เป็นเพียงคนติดตามธรรมดาเท่านั้น และขณะนี้ทางเรือนจำได้จับตาดูพฤติกรรมนายเคทองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเริ่มพูดคุยกับบรรดานักโทษ รวมทั้งกลุ่มแกนนำนปช. จึงเกรงว่าจะเกิดการซ่องสุมกันภายในเรือนจำ 

-จับก่อนหน้านี้-"บัง"คนติดตาม

รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า ในกลุ่มผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ยังมีนายยงยุทธหรือบัง ท้วมมี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคนสนิทของเสธ.แดงเช่นกัน โดยนายยงยุทธเพิ่งถูกส่งตัวเข้ามายังเรือนจำเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ค.ทางเรือนจำได้นำไปควบคุม ตัวอยู่แดน 5 ระหว่างการควบคุมตัวในเรือนจำนายยงยุทธได้ขอทำงานภายในโรงงานพับถุงกระ ดาษ โดยเริ่มเปิดเผยกับเจ้าหน้าที่และเพื่อนร่วมแดนคุมขังว่า ไม่ใช่มือขวาของเสธ.แดง เพียงแค่ชื่นชอบเสธ.แดง ที่เป็นนายทหารระดับนายพล และมีอุดมการณ์ในแนวทางเดียวกับคนเสื้อแดง ทุกครั้งที่ร่วมชุมนุมจะคอยดูแลและติดตามเสธ. แดง โดยเฉพาะช่วงที่เสธ.แดงเดินตรวจการณ์รักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ชุมนุม นายยงยุทธจะเดินติดตามจนกระทั่งเสธ.แดงกลับออกนอกพื้น ที่การชุมนุม หากเป็นเวลากลางคืนนายยงยุทธจะช่วยถือไฟฉายคอยส่องให้ เวลาเสธ.แดง แจกลายเซ็นให้กับผู้ร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตาม นายยงยุทธปฏิเสธว่าไม่สนิทสนมกับนายหรั่ง 

-"ชัยอนันต์"ยันคปร.ไม่อุ้ม"มาร์ค"

ที่สำนักงานพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นายชัยอนันต์ สมุทวณิช คณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประ ธาน กล่าวถึงมติของคณะกรรมการเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และถูกตั้งข้อสังเกตเป็นการหา ทางลงให้รัฐบาลว่า ไม่ใช่ มติที่ออกมากรรม การทุกคนเห็นชอบตามนั้น เมื่อถามว่าหากรัฐ บาลไม่รับข้อเสนอดังกล่าวจะทำอย่างไร นายชัยอนันต์กล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณาอย่างไร ก็เรื่องของรัฐบาล 

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคปร.มีมติเสนอให้รัฐบาลยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ หากให้ความเห็นไม่ว่าจะทางบวกหรือลบจะกระทบกับหน่วยงานอื่น เมื่อถามว่าการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจหรือไม่ นายไตรรงค์กล่าวว่า ขอคิดก่อน ตนไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่พอกดแล้วมันจะออกมา ไม่ได้ตั้งโปรแกรมไว้ เวลาถามจะให้ตอบทันทีไม่ได้

-ส.ว.หนุนคปร.-คง"ฉุกเฉิน"มีแต่เสีย

วันเดียวกัน นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว. ศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมาธิการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา กล่าวถึงคปร. ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเสนอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยด่วน ว่า ขอสนับ สนุน เพราะคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง เคยเสนอต่อรัฐบาลไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยเร็ว เพราะ ความวุ่นวายต่างๆ หมดไปแล้ว การยังมีพ.ร.ก. ฉุกเฉินอยู่จะกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนมาก รวมถึงกระทบเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว เพราะต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน หากเห็นว่า ประเทศนั้นๆ ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ก็จะ กังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยของประเทศ 

นายจิตติพจน์ กล่าวว่า ส่วนผลกระทบด้านสังคม เป็นเรื่องการรับรู้ข่าวสารของประชาชน แม้แต่ด้านการเมืองเอง อาจส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้มีการเลือกตั้งซ่อมอยู่ ทำให้เกิดปัญหาการไปใช้สิทธิได้อย่างไม่เต็มที่ หรือแม้แต่เรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่จะผลส่งกระทบต่อสิทธิมนุษยชน ที่ส่งผลไปถึงการปรองดองกันภายในประเทศอีกด้วย รัฐบาลอาจกังวลในหลายๆ เรื่องอยู่ จึงยังไม่ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอาจมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่คณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมืองเห็นว่า การยังใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ มีแต่ข้อเสียมากกว่าข้อดี เพราะเป้าหมายหลักของสังคมคือ การให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบได้โดยเร็ว ฉะนั้นบรรยากาศที่ต้องมีเสรีภาพ จึงสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของสื่อที่จะคอยตรวจสอบเรื่องราวทั้งหลายอย่างรอบด้าน ชัดเจน ตรงไปตรงมา และเป็นอิสระ หรือแม้แต่องค์กรอิสระต่างๆ ที่จะสามารถทำงานได้อย่างปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป

-พท.จี้อานันท์ออก-ถ้ารัฐไม่สนอง

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลง ถึงกรณีนายอานันท์ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าถือเป็นข้อเสนอที่คณะกรรมการปฏิรูปฯเสนอต่อรัฐบาลและควรนำไปพิจารณาโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ หลังจากทุกฝ่ายได้ออกมาเรียกร้องในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ถ้านายอภิสิทธิ์ ไม่รับฟังนายอานันท์ และทำตาม ก็จะสะท้อนให้เห็นว่าแผนปรองดองของรัฐบาลเป็นเพียงการสร้างภาพ ใช้งบ 600 ล้านบาท หลอกคนแก่ ซื้อเวลาให้รัฐบาลอยู่ต่อไปได้เท่านั้น 

"ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ขอเรียกร้องให้นายอานันท์ ที่เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี พิจารณาทบทวนบทบาท หากรัฐบาลไม่ยกเลิกตามเสียงเรียกร้องก็น่าจะลาออกจากกรรมการชุดนี้ ท่านเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี อย่าอยู่ให้เด็กถอนหงอกรายวัน หรือต้องมาเสียคนเอาตอนแก่ เพราะแค่เรื่องแรก เสนอไปรัฐบาลก็ไม่ฟังแล้ว เรื่องต่อๆไปที่มีตามมารัฐบาลจะฟังหรือ" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

-ชทพ.ชี้อานันท์ไร้ค่า-ถ้ารัฐคัดค้าน

เวลา 11.00 น. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดียวกันว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เพราะไม่มี วาระซ่อนเร้น ซึ่งรัฐบาลต้องรับฟังและอย่ารีบแสดงความเห็นสวนทาง ไม่อย่างนั้นประชาชนจะมองว่ารัฐบาลไม่จริงใจปรองดอง แต่ถ้าข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการตอบสนอง คณะกรรมการของนายอานันท์จะไร้ค่า หมดราคาทันทีและทำให้ประชาชนหมดหวัง จนทำให้แผนการปฏิรูปประเทศไทยของรัฐบาลจบสิ้นไปด้วย

นายวัชระกล่าวว่า การขับเคลื่อนของหน่วยงานรัฐหลายๆ เรื่อง เช่น กรณีนายพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ดารานักแสดง เข้าชี้แจง ซึ่งเจ้าหน้า ที่มีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย กำลังมีปัญหา และจะสร้างปัญหาให้รัฐบาลในประเด็นสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นสัญญาณที่สะท้อนชัดขึ้นว่า จะเป็นปัญหาที่ให้และหนักของรัฐบาลถ้ารัฐบาลไม่แก้ไข หยุดยั้ง 

นายวัชระ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติกำลังตกอยู่ระหว่างเขาควายที่ขยับซ้ายหรือขวาหรืออยู่นิ่งๆก็โดน ทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และแผนปรองดองของนายกฯ เพราะรัฐ บาลส่งสัญญาณไม่ชัดเจนว่าแนวทางที่รัฐบาลต้องการเวลานี้คือการปฏิบัติแบบใดเพื่อไม่ให้เกิดผิดคิวอย่างที่เกิดขึ้น และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับนี้ถือเป็นยาแรงและเป็นมือเหล็ก หากใช้ผิดวัตถุประสงค์จะเกิดแต่ความเสียหาย ดังนั้นรัฐบาลควรใช้พ.ร.ก.ฉบับนี้ให้เหมือนตีนช้างที่เหยียบไข่ไม่ฝ่อ

-มาร์คให้สมช.พิจารณาเลิกฉุกเฉิน

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเรียกนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบเป็นเวลา 40 นาทีว่าตนมอบหมายนายถวิลสรุปเรื่องการใช้อำนาจต่างๆ ในพ.ร.ก.และในพื้นที่ต่างๆ เข้า มาเพื่อเป็นฐานพิจารณายกเลิกในพื้นที่อื่นๆ อีก นายถวิลจึงมาสรุปในภาพรวม ตนพูดถึงข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูป ที่มีนายอานันท์เป็นประธาน นายถวิลบอกว่าจะนำไปประกอบการพิจารณาในที่ประชุม ศอฉ.ช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ความเห็นดังกล่าวไม่ได้เป็นเพราะความเห็นของกรรมการปฏิรูป

เมื่อถามว่าข้อเสนอของกรรมการปฏิรูปทำ ให้รัฐบาลต้องเร่งพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยเร็วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลพยายาม ทำอยู่แล้ว แต่การประเมินของฝ่ายต่างๆ แตกต่างกัน คนภายนอกอยากเห็นทุกอย่างกลับสู่ภาวะ ปกติ คือ ไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษโดยเร็วที่สุด แต่ถ้ามองจากมุมผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงเขากังวลยังไม่อยากยกเลิก ตนอยู่ตรงกลาง ต้องการ เห็นทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ไม่ต้องการ ใช้กฎหมายพิเศษเกินความจำเป็น แต่ขณะเดียว กันตนก็ต้องรับผิดชอบ หากยกเลิกแล้วเกิดความ วุ่นวายขึ้นจะเป็นผลเสียมาก บางคนอาจบอกว่ายกเลิกวันนี้ก็ได้ แล้วถ้ามีอะไรพรุ่งนี้ก็ประกาศใหม่ พูดอย่างนั้นก็พูดได้แต่ต้องคิดถึงผลกระทบ เชิงภาพลักษณ์ของประเทศด้วย ดังนั้น รัฐบาลต้องเดินหน้ายกเลิกแต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นปัญหา ยังมีอีก 2 สิ่งต้องทำให้มากขึ้นคือ 1.ชี้ แจงความเข้าใจผิดที่เกี่ยวกับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ ละวันมีการนำเสนอประเด็นที่คลาดเคลื่อน ต้องยอมรับว่าบางพื้นที่บางกรณีเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจ พ.ร.ก.ตามกฎหมาย แม้ทำแล้วจะเป็นผลดีด้านความมั่นคง แต่อาจตกเป็นเหยื่อการเคลื่อนไหวที่ต้องการสร้างเรื่องนี้ให้เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง 

-ไม่ยกเลิกทั้งหมด-แต่จะทยอยเลิก

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่ากรรมการปฏิรูปจะน้อยใจที่รัฐบาลไม่ทำทันที และอาจมีกรรมการบางคนลาออก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำทันทีทันใด ถ้อยคำที่กรรมการใช้บอกว่า "โดยเร็ว" และกรรมการได้แสดงความเข้าใจต่อมุมมองของทางรัฐบาล ตนยืนยันว่าแนวทางของกรรมการปฏิรูปกับรัฐบาลก็สอด คล้องกันอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่ยกเลิกก่อนครบ 90 วันในหลายจังหวัด และรัฐบาลพยาย ามเดินหน้าอย่างต่อเนื่องไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยจะทำให้เร็วที่สุด 

เมื่อถามว่าจะยกเลิกเพียงบางส่วนหรือทั้ง หมด นายกฯ กล่าวว่า ถ้าทำทันทีตนตอบได้เลยว่าคงยังไม่ยกเลิกทั้งหมด แต่จะทำเป็นลำดับไป ซึ่งจะช่วยให้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง 2 ด้าน เพราะถ้ากระโดดไปเร็วเกินไปแล้วพลาดขึ้นมามันก็เป็นความเสียหาย และไม่เป็นผลดีต่อสิทธิของประชาชนเอง และต้องดูด้วยว่าไม่ควรเก็บปัญหาไว้ถ้าไม่มีความจำเป็น

เมื่อถามว่ากรรมการปฏิรูประบุเหตุผลว่าถ้ายังประกาศใช้พ.ร.ก.อยู่จะไม่สร้างบรรยากาศเรื่องความปรองดอง แล้วคิดว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นอุปสรรคต่อเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายกรัฐ มนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าต้องระวังถึงได้ให้นายถวิลไปสรุปข้อมูลมาว่าการใช้อำนาจอยู่ตรงไหน อย่างไร เพราะถ้าถามประชาชนทั่วไปก็ไม่ได้รับผลกระทบ แต่บางส่วนมีความกังวล เพราะมีประชาชนผู้ที่เดือดร้อนและต้องการแสดงออกทางการเมือง แต่ก็กังวลว่าจะมีปัญหากับพ.ร.ก. ฉุกเฉิน แต่ขณะเดียวกันเมื่อมีรายงานถึงการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ในแง่ของการสร้างบรรยากาศความปรองดองก็ได้ตักเตือน และตรงไหนถ้าจะยกเลิกได้ก็จะยกเลิกไม่ต้องห่วง

-พร้อมทำตามฝ่ายความมั่นคงชง

เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะยกเลิกได้กี่จังหวัด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนคงยังระบุเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่าจะยกเลิกได้ไปเป็นลำดับ และต่อไปคิดว่าคงไม่ต้องรอที่ประชุม ครม. เพราะหากฝ่ายความมั่นคงรายงานมาโดยตรงว่าเห็นควรยกเลิกพื้นที่ไหน ตนก็จะใช้อำนาจนายกรัฐมนตรียกเลิกไปเลย ซึ่งการยกเลิกก็จะทำไปเป็นลำดับ จนไม่มีจังหวัดไหนใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินอีก 

ต่อข้อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะมีผลต่อธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มคนด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องคดีความตนมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สรุปมาว่าจะมีผลกระทบหรือไม่ ในภาพรวมขณะนี้ตัวคดีคงไม่กระทบ สามารถเดินต่อไปได้ เพียงแต่จะมีบางประเด็นเท่านั้นที่ต้องพิจารณา อาทิ อำนาจการค้นที่อาจจะไม่สะดวก ซึ่งจะพยายามสอบถามไปให้ลึก โดยเฉพาะคดีหลักเรื่องการก่อการร้ายว่ามีผลกระทบหรือไม่ อย่างไร 

เมื่อถามว่ารูปแบบที่รัฐบาลยังเป็นห่วงและคิดว่ายังต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปคือปัญหาการก่อวินาศกรรมหรือการกลับมาชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอีก นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาพื้นฐานตั้งแต่ต้นคนส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมไม่ได้มีปัญหา ไม่ต้องการมาสร้างความวุ่นวาย ไม่ต้องการให้มีความรุนแรง แต่มีหลายคนไม่ทราบว่าการที่เขามาชุมนุม เช่น ราชประสงค์ ก่อให้เกิดปัญหาความเดือดร้อน นอกจากนี้มีกลุ่มคนอีกกลุ่มที่ไม่ยึดหลักสันติวิธี เวลาชุมนุมได้ก่อกิจกรรมที่ทำให้เกิดความรุนแรง และนำไปสู่ความสูญเสีย นี่คือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความสูญเสีย

-อัด"อัมสเตอร์ดัม"รับจ้างทักษิณ

นายอภิสิทธิ์ยังให้สัมภาษณ์กรณีที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนสำนัก งานทนายความอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เพอรอฟฟ์ ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้เป็นทนายความส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกสมุดปกขาววิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีการทำงานของรัฐบาล ว่า ตนคิดว่าส่วนใหญ่เขาก็ทราบว่าจ้างมาเขียน มันก็ไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะในอดีตเขาก็มีประวัติพอสมควร นอกจากนั้นมีการถ่วงดุลพอสมควร เนื่องจากรายงานที่ออกมาเริ่มมีองค์กรต่างๆ ที่เป็นกลางออกมาชี้ว่ามีความคลาดเคลื่อนอย่างไร อย่างไรก็ตามเราต้องทำหน้าที่ในการชี้แจง อย่างต่อเนื่องต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าในเนื้อหามีการพาดพิงองค มนตรีและกระบวนการยุติธรรมของไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "อย่างที่ผมเรียนว่ารับจ้างมาตามวัตถุประสงค์ของนายจ้าง เป็นเรื่องที่เราต้อง ช่วยกันทำความเข้าใจ อะไรที่มีการละเมิดกฎ หมายก็ต้องดำเนินการ" 

เมื่อถามว่านอกจากจะทำความเข้าใจแล้วจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อกฎหมาย ถ้าทำผิดกฎหมายก็ดำเนินการได้

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนเขียนคำนำในสมุดปกขาว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาเขียนให้คุณทักษิณ" 

เมื่อถามว่าการที่จ้างมาเป็นผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "น่าเสียใจว่ามีคนไทยเอาเงินมาจ้างชนต่างชาติมาเขียนทำร้ายให้ร้ายประเทศไทย" เมื่อถามว่ามีแนวทางเชิญองค์กรระหว่างประเทศมาทำความเข้าใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนพยายามให้เจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ ได้พูดคุย แต่องค์กรระหว่างประเทศจำนวนมากจะรับข้อมูลหลายด้าน เขาจะไม่เอียงไปด้านหนึ่งด้านใด ตรงไหนที่เราเห็นว่ายังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเราก็ทำความเข้าใจกับเขา เมื่อถามว่าตำรวจสากลดำเนินแปลความหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณเสร็จแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาดำเนินไปบ้างแล้ว ซึ่งต้องตรวจสอบจากหน่วยงานเขา โดยตรง

-คอป.เสนอเลิกตีตรวน"นปช."

วันเดียวกัน นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวว่า คอป.เตรียมทำข้อเสนอถึงหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องถึงกรณีที่มีการตีตรวนแกนนำกลุ่มนปช.

โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. ที่ตนเห็นในภาพข่าววานนี้ เพราะเป็นการกระ ทำที่ถือว่าขัดหลักการสิทธิมนุษยชนแห่งองค์ การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แต่ในเมืองไทยมีการปฏิบัติมานานจนกลายเป็นความเคยชิน คิดว่าถูกต้องทำได้ แต่ไม่ถูกต้องตามหลักสากล และยังจะเป็นเงื่อนไขให้กลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลนำไปขยายผลปลุกระดมเคลื่อนไหวได้อีกด้วย 

"กรรมการปฏิรูปประเทศได้เสนอให้ยก เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเรื่องที่ฝ่ายบ้านเมืองต้องไปพิจารณา ส่วนคอป.จะเสนอแนวทางปฏิบัติในเรื่องสิทธิมนุษยชนที่รัฐบาลยังทำไม่ถูกต้องเพื่อให้ปรับปรุงแก้ไข ไม่ใช่จะเป็นประโยชน์ต่อแกนนำนปช.แต่ยังเป็นผลดีกับประเทศ เพราะถ้ายังปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่ คอป.ก็จะพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนได้อย่างไร" ประธานคอป.กล่าว 

-"ไก่อู"อ้างป๊อกสั่งจี้-รวบ"ส.ต.รชต"

เวลา 18.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงภายหลังการประชุม ศอฉ.ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์ สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมว่า กรณีส.ต.รชต ที่ถูกออกหมายจับนั้น จากการตรวจสอบปรากฏว่า นายรชต เป็นเจ้าหน้าที่ทหารยศสิบตรี สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 15 เริ่มเข้ารับราชการเมื่อ 1 พ.ย.2544 ถึง 1 พ.ย.2546 ในสังกัดกรมทหารราบที่ 12 จ.ปราจีนบุรี หลังจากนั้นขอเข้ารับราชการต่อในสังกัดกองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งนายทหารพระธรรมนูญ และหน่วยต้นสังกัดได้นำตัวส่งมอบให้ดีเอสไอตามขั้นตอนที่ร.11รอ. เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว 

"ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าทำไมทหารไม่ทราบ ทั้งที่ตำรวจออกหมายจับแล้ว เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าหมายจับตรงนี้บางทีคนทั่วไปอาจจะไม่รู้ในรายละเอียด เพราะชื่อที่ออกหมายจับออกมาเป็นนาย ไม่ได้มียศทางทหาร ดังนั้น ส่วนกลางจึงไม่มีการตรวจสอบ แต่เมื่อเรื่องนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. สั่งการให้ตรวจสอบว่าผู้บังคับหน่วยในพื้นที่รู้หรือไม่ว่า มีหมายจับนายรชต และทันทีที่เรารู้ว่ากำลังพลของเรามีหมายจับ ทางหน่วยต้นสังกัดจึงประสานกับดีเอสไอจนมีการนำตัวมาส่งมอบในที่สุด ซึ่งในขั้นต้น ยังไม่ทราบว่าจะพัก ราชการส.ต.รชต หรือไม่ แต่ถ้าเป็นคดีอาญาน่าจะต้องพักราชการ" โฆษกศอฉ. กล่าว 

-ไม่มีเคลื่อนไหว-พร้อมเลิกฉุกเฉิน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนเรื่องพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ที่มีความเห็นจากองค์กรที่นำเสนอเกี่ยวกับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทางศอฉ.ได้รับฟังข้อมูลทุกส่วน ซึ่งช่วงที่ผ่านมา ศอฉ.พิจารณาเฉพาะในมุมเรื่องความมั่นคงอย่างเดียว แต่คณะกรรมการคปร. ได้มองในภาพกว้าง ดังนั้น รมว.กลา โหม จึงสั่งการในที่ประชุมให้เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะเลขาฯ ศอฉ. พิจารณารวบรวมข้อมูลว่าพื้นที่ใดที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่จะสร้างความวุ่นวาย ให้เร่งรวบรวมข้อมูล เพื่อรีบนำเสนอให้รัฐบาลรับทราบ เพื่อพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ต่างๆ ตามข้อมูลที่มีอยู่ ส่วนรัฐบาลจะพิจารณาอย่างไรก็สุดแล้วแต่รัฐบาล 

"เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่สั่งผ่านรมว.กลาโหม มาว่า ให้ศอฉ.พิจารณาในเรื่องนี้ ระหว่างที่ศอฉ.กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะต้องเร่งบูรณาการการปฏิบัติของหน่วยในพื้นที่ เพื่อรองรับสถานการณ์ได้ทันท่วงที หากมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนที่ขณะนี้ทุกหน่วยงานมีความคิดเห็นเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ปรารถนาดีให้บ้านเมืองสงบ เกิดบรรยากาศที่ดี ให้ประเทศเดินหน้าไปได้" โฆษกศอฉ.กล่าว

-ส่งตร.1 กองร้อยคุมแอโรบิกแดง

วันเดียวกัน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. กล่าวถึงกลุ่มแดงวันอาทิตย์ที่จะจัดกิจกรรมเต้นแอโรบิกที่สวนลุมพินี ในวันที่ 25 ก.ค. ว่า ขอเตือนให้ผู้มาทำกิจกรรมให้ดำเนินการให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะตำรวจเองไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่ได้ จะทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน ส่วนเรื่องเพชรมูลค่า 5 ล้านบาทที่หายไปตนไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 กล่าวว่า การเข้ามาทำกิจกรรมของกลุ่มแดงวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ขอยืนยันว่าวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. ที่บริเวณป้ายราชประสงค์ เป็นการทำงานของตำรวจในการดูแลความเรียบร้อยไม่ให

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์