มาร์คเร่งแก้ลูกจ้างถูกลอยแพ ออกวิธีกระตุ้นศก.รับปีใหม่นี้

“มาร์ค” โปรยยาหอมวาระเร่งด่วน แก้ปัญหาลูกจ้างถูกลอยแพ ประกาศคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วน รับปีใหม่นี้ รองรับวิกฤติเศรษฐกิจโลก ด้านสมาพันธ์ลูกจ้างนายจ้าง ถกปัญหาวิกฤติเลิกจ้างงาน นายจ้างเรียกร้องรัฐบาลหาแหล่งเงินกู้ฉุกเฉิน ก.แรงงานสั่งจับตาปัญหานายจ้างเบี้ยวโบนัส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะทำงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรค และนายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.สัดส่วน ได้จัดเสวนาโต๊ะกลม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังปัญหาจากกลุ่มตัวแทนคณะกรรมการลูกจ้างและนายจ้าง สหพันธ์ธนาคารและการเงิน และผู้ประกอบการธุรกิจ เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาการเลิกจ้างงาน  นายประเทือง แสงสังข์ ประธานสหพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้รัฐบาลนำเงินกองทุนประกันสังคมกว่า 1 หมื่นล้านบาท มาให้ผู้ประกอบการกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 1 เปอร์เซ็นต์ เพื่อช่วยเหลือบริษัทไม่ให้เลิกจ้างพนักงาน ทั้งนี้การนำเงินจากกองทุนดังกล่าวมากู้นั้น ไม่สามารถกู้ได้โดยตรง รัฐบาลต้องให้นโยบายกับธนาคารของรัฐปล่อยเงินกู้ ซึ่งอาจจะได้ 2-3 หมื่นล้านบาท 


ขณะที่น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า รัฐบาลจต้องหาเงินมาช่วยเหลือกรณีลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยด่วน

โดยเป็นรูปของการตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลลูกจ้างที่เลิกจ้างงาน และหามาตรการดูแลลูกจ้างอายุ 55 ปีขึ้นไป ที่ถูกเลิกจ้าง และยังไม่มีสิทธิรับเงินกองทุนประกันสังคม หามาตรการประกันการว่างงาน หามาตรการลดภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง รวมทั้งขอให้มีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตแรงงาน ต่อนายอภิสิทธิ์ด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลจะทำคือ มาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาการเลิกจ้าง เพราะไม่อยากให้ผู้ใช้แรงงานเสียโอกาส ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการต้องมาดูว่าจะมีใคร สามารถถอยได้คนละก้าวหรือไม่ ยอมรับว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะมีความผันผวนมาก โดยภายในเดือน ม.ค.ปีหน้า รัฐบาลจะประกาศเกี่ยวกับมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนให้ชัดเจน เพื่อรองรับกับปัญหาเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ โดยจะเชิญผู้ประกอบการและลูกจ้างมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาประกอบการตัดสินใจ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พรรคอยากเห็นคือความสมานฉันท์ระหว่างลูกจ้าง กับนายจ้าง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน แม้จะมีการต่อรองขัดแย้งกันบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เปลี่ยนจากยุคเกษตรกรรม เป็นยุคอุตสาหกรรม

โดยมีลูกจ้างเป็นตัวขับเคลื่อน แต่ที่ผ่านมากระบวนการทั้งหมดยังไม่เข้าสู่มาตรฐาน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ความเสมอภาค และสวัสดิการที่ทั่วถึง ดังนั้นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องเดินหน้าสร้างมาตรฐานให้เกิดความเท่าเทียมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นจุดใหญ่ที่รัฐบาลต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้ได้ ต้องหากลไกในการแก้ปัญหา โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับได้ของ 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตามอยากให้ลูกจ้างกับนายจ้างมีความยืดหยุ่น เพราะเข้าใจว่าภายใต้วิกฤติเศรษฐกิจ ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากันไม่อยากลูกจ้างถูกเลิกจ้าง และนายจ้างต้องเสียโอกาสให้การประกอบกิจการ ทุกอย่างต้องได้ข้อมูลที่สอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกัน


ทำบุญทำเนียบฯพรุ่งนี้สั่งทำบิ๊กคลีนรับนายกฯใหม่

 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานทั้งหมดภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือและเตรียมการทำกิจกรรมการพัฒนาบริเวณทำเนียบรัฐบาล (Big Clean) ในวันที่ 19 ธ.ค. นี้ โดยนายลอยเลื่อน กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯถอยออกไปเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)เข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นหน่วยแรก ซึ่งทำเนียบรัฐบาลมีทั้งหมด 15 อาคาร สลน.ดูแลทั้งสิ้น 12 อาคาร ซึ่งทางรัฐบาลชุดใหม่ได้เร่งรัดให้ซ่อมแซม ปรับปรุงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเข้ามาทำงานในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็ต้องการให้ปรับปรุง ซ่อมแซมทำเนียบรัฐบาลให้เสร็จทันการประชุมอาเซียนซัมมิท ดังนั้นทุกหน่วยอาจจะต้องเร่งทำการปรับปรุงทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ตึกบัญชาการ 1 ที่ได้รับความเสียหายนั้น ในวันนี้หน่วยทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ได้เข้ามาขนย้ายออกไปแล้ว และอีก 2 วันก็จะขนเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้ามาแทน

 นายลอยเลื่อน กล่าวว่า กิจกรรมการพัฒนาบริเวณทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ จะเริ่มด้วยพีธีทำบุญเลี้ยงพระ 9 รูป ที่ตึกสันติไมตรี ในเวลา 07.00 น. โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดสระเกศให้มาทำพิธี ซึ่งจะโยงสายสิญน์ไปทุกอาคาร พร้อมกับพรมน้ำมนต์และทำพิธีให้ครบถ้วน จากนั้นจะเชิญชวนให้ทุกหน่วยงานร่วมกันทำ 5 ส. ทาสีกำแพง รั้วทำเนียบใหม่ อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของ กทม.จะเริ่มเข้ามาทำความสะอาดกำแพง พร้อมกับกวาดล้างถนนในบริเวณทำเนียบรัฐบาลและพื้นที่รอบนอก เก็บเศษวัสดุ ลอกท่อระบายน้ำ รวมถึงฉีดยาฆ่าเชื้อ ยาฆ่ายุงและแมลง โดยจะมีกำลังทหารจากหน่วยทหารพัฒนาเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ของ กทม.ในการทำความสะอาดด้วย

 นายลอยเลื่อน กล่าวว่า ทุกหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาลจะเริ่มทำงานได้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.นี้ และหลังจากนั้นทุกหน่วยงานจะต้องทำเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดเหตุการณ์บุกยึดทำเนียบรัฐบาลอีก นอกจากนี้ตนจะเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตำรวจ ทหาร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เพื่อทบทวนมาตรการเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย

ก.แรงงานสั่ง จนท.เร่งช่วยเหลือแรงงานนอกระบบ

ที่กระทรวงแรงงาน นาย มนูญ ปุญญกริยากร รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้สั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงแรงงานในส่วนภูมิภาค เร่งสำรวจพร้อมช่วยเหลือแรงงานนอกระบบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการอิสระให้มีรายได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้กระทรวงแรงงานจะส่งเสริมสร้างความมั่นคงของรายได้จากการประกอบอาชีพ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินโครงการในกลุ่มแรงงานดังกล่าวทั้งหมด 51 จังหวัด ภาคกลาง 17 จังหวัด ภาคใต้ 12 จังหวัด ภาคอีสาน 13 จังหวัดและภาคเหนือ 9 จังหวัด

 นายมนูญ กล่าวว่า ทั้งนี้ ได้เร่งสั่งการให้เข้าไปช่วยในการบูรณาการแก่แรงงานนอกระบบใน 51 จังหวัดเพื่อปรับเปลี่ยนอาชีพพร้อมทั้งแนะวิธีพัฒนาการผลิตและบริการให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ได้ ในขณะเดียวกัน จะสำรวจและรวบรวมข้อมูลปัญหาและผลดี ผลเสีย ว่าในแต่ละพื้นที่มีการประกอบอาชีพอะไร อาชีพไหนที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงให้สอดคล้องในแต่ละพื้นที่ ต่อไป

 “ เจ้าหน้าที่ของเราจะทำหน้าที่ช่วยผู้ประกอบการอิสระ เช่น การพัฒนากระบวนการผลิตหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบบรรจุภัณฑ์และบริการให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น หากไม่สำเร็จก็พร้อมที่จะเจรจากับธนาคารที่เป็นแหล่งเงินทุนและแนะนำอาชีพใหม่เพื่อหาทางออกให้ ทั้งนี้การดำเนินโครงการนี้จะช่วยให้ปัญหาวิกฤติคนตกงานหรือว่างงานที่หลายฝ่ายระบุว่าในปี 52 จะมีตัวเลขถึง 1 ล้านคนได้เป็นอย่างดี ” นายมนูญ กล่าว

ก.แรงงานสั่งจับตาปัญหานายจ้างเบี้ยวโบนัส

ด้านนางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลให้สถานประกอบการหลายแห่งเกิดปัญหาความขัดแย้ง ข้อพิพาทแรงงานไปจนถึงการเลิกจ้าง ประกอบกับช่วงปลายปีมักจะมีการยื่นข้อเรียกร้องเรื่องการปรับค่าจ้างประจำปี และโบนัสประจำปีของลูกจ้าง ก่อให้เกิดปัญหาขัดแย้งอื่น ๆ ตามมา ซึ่งในปี 51 (ต.ค.50 – ก.ย.51) มีสถานประกอบกิจการแจ้งข้อเรียกร้องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง จำนวน 342 ครั้ง ในสถานประกอบการทั้งหมด 320 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 243,956 คน

 ส่วนใหญ่เป็นการเรียกร้องเกี่ยวกับการปรับ ค่าจ้าง สวัสดิการ การร้องทุกข์ เวลาในการทำงาน สภาพการจ้างงาน และสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างควรได้รับ ทั้งนี้นายจ้างและลูกจ้างจะตกลงกันได้ผ่านระบบทวิภาคี จำนวน 234 แห่ง แต่ก็มีสถานประกอบการที่ตกลงกันไม่ได้จนสุดท้ายต้องเข้าไปสู่การดำเนินงานของพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานจำนวน 84 แห่งและอยู่ในระหว่างเจรจากันเองทั้งหมด 2 แห่ง

 “ อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้เจ้าหน้า กสร.ทุกจังหวัดรายงานสถานการณ์ด้านแรงงานที่คาดว่าจะเกิดการยื่นข้อเรียกร้อง   ปิดงาน และการนัดหยุดงานในทุกสัปดาห์ และหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะมีการรายงานทันที ในส่วนของนายจ้าง ลูกจ้าง ที่เกิดข้อขัดแย้งควรใช้ระบบแรงงานสัมพันธ์เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาและควรปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ” นางอัมพร กล่าว

 นาย สมชาย วงศ์ทอง ผู้อำนวยการสำนักแรงงานสัมพันธ์ กสร. กล่าวว่า ขณะนี้มีลูกจ้างร้องเรียนเรื่องเงินโบนัสหรือเงินพิเศษประจำปีมายัง กสร. 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จ.ระยอง บริษัท คอบร้า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จ.ชลบุรี และ บริษัท ไทยซัมมิด ออโต้บอดี้ อินดัสทรี่ จำกัด จ.สมุทรปราการ ซึ่งเบื้องต้นได้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเพื่อหาข้อยุติระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเองโดยลูกจ้างจะต้องยื่นหนังสือให้กับนายจ้าง แต่หากว่ายังหาข้อยุติไม่ได้ภายใน 3 วันตาม ซึ่งทางกระทรวงแรงงานจะเข้าไปทำการไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อยุติซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์

  นายสมชาย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาระหว่างนายจ้างและลูกจ้างบริษัทคอบร้า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดที่ทำการไกล่เกลี่ยในช่วงเช้าของวันที่ 17 ธ.ค.สรุปยังไม่ได้รับข้อตกลงที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายจึงได้มีการนัดไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) และจะมีการนัดประชุมให้ติดต่อกันมากที่สุด จนกว่าจะได้รับข้อตกลงที่เป็นธรรมต่อนายจ้างและลูกจ้าง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์