มาร์คเฟซบุ๊ก 91ศพ ภาค2 เทียบตนเองรักษากฎหมาย อีกฝ่ายสั่งฆ่าประชาชน

เวลา 19.00 น.  วันที่ 16 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
 
ได้บันทึกลงในเฟซบุ๊ก "จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 4Ž ตอน 91 ศพสังเวยความต้องการใคร (ภาค 2)" มีเนื้อหาระบุว่า หลังจากสังคมได้รับรู้เรื่องเหตุการณ์ 10 เม.ย. 53 และปรากฏการณ์ชายชุดดำ ปัญหาการชุมนุมก็ยังไม่ยุติ ตรงกันข้ามมีการใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องกับประชาชนผู้บริสุทธิ์

 ตนแบกรับอย่างต่อเนื่อง แต่อดทนเพื่อหาแนวทางสันติ จนต้นเดือนพ.ค. จึงเสนอแผนปรองดองที่พูดถึงการแก้ปัญหาในประเด็นที่เกี่ยวกับการเรียกร้องของผู้ชุมนุมในทุกเรื่อง โดยเฉพาะหากยกเลิกการชุมนุมก็จะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย. ทั้งที่ตนถูกก่นด่าว่าอย่างรุนแรงจากคนที่สนับสนุน


 "สิ่งที่ผมสังหรณ์ใจไม่ผิดก็คือ แผนปรองดองทั้งหมดมีจุดอ่อนจุดเดียว คือไม่มีการนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ (ชินวัตร) แม้แกนนำหลายคนก็เริ่มอยากให้แผนนี้เป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย การเจรจาคืบหน้าจนถึงจุดว่าจะช่วยกันดูแลให้คนเสื้อแดงที่มาชุมนุมกลับบ้านได้อย่างไร เช่น ประสานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แต่สุดท้าย การเจรจาล้มเหลว เพราะไม่ได้รับไฟเขียวจากนายใหญ่ ฝ่ายเจรจาของผู้ชุมนุม ที่แปลกใจหรือผิดหวังตั้งแต่ 10 เม.ย.ว่ามีคนตายแล้วแต่รัฐบาลยังอยู่ได้ มองว่าหากไม่มีการนิรโทษกรรม คุณทักษิณก็ไม่ได้ประโยชน์ จึงไม่ต้องการให้คลี่คลายเพราะไม่ได้รับชัยชนะ แม้แต่ก่อนสลาย เราพยายามจะเจรจาให้ส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านก่อนมอบตัว แต่ถูกปฏิเสธ"Ž นายอภิสิทธิ์ ระบุ


 ในที่สุด เวลาผ่านไป 10 วันก็ชัดเจนว่าจะไม่มีการเลิกการชุมนุม ศอฉ.จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรักษากฎหมายโดยการกระชับพื้นที่Ž

ไม่ได้เข้าไปสลายการชุมนุม ความสูญเสียระหว่างวันที่ 14-18 พ.ค. ไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่มีใครสั่งฆ่าประชาชน แต่มีกลุ่มคนติดอาวุธโจมตีด่าน ทำให้เกิดการปะทะกัน โดยศอฉ.ได้เตือนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มอาสาสมัครและสื่อให้ระวังตัวว่าจะเป็นเป้าของการยั่วยุให้ปะทะ และชายชุดดำซึ่งอยู่ที่ตึกชีวาทัย (ถ.ราชปรารภ) และบริเวณใต้ทางด่วน ถ.พระราม 4 หลายคนเคยเห็นภาพที่ทำได้กระทั่งเอาเด็กมาเป็นโล่มนุษย์ จนในที่สุด ศอฉ. จำเป็นต้องตัดสินใจเข้ายึดพื้นที่สวนลุมฯ ซึ่งเป็นที่ซ่องสุมของอาวุธและชายชุดดำในเช้าวันที่ 19 พ.ค. แต่ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ชุมนุม จนแกนนำยอมสลายเอง ซึ่งหากไม่ทำเช่นนั้น ความสูญเสียก็จะมีต่อไปไม่รู้จบ

เหตุการณ์ที่สะเทือนใจคนไทยอย่างมากก็คือ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นที่วัดปทุมฯ ผมรู้ว่าต้องมีคนติดอาวุธเข้าไปด้วย ต่อมามีการพบอาวุธที่ถูกนำไปซ่อนในที่นั้น ผมเคยถามด้วยซ้ำว่าหากมีการยิงกัน ปะทะกันจนเกิดความสูญเสีย ใครจะรับผิดชอบ แม้ในวันที่ 19 พ.ค.เอง ยังมีคนจากอีสานที่รับจ้างทำบ้องไฟกับเพื่อนๆ แต่สุดท้ายไม่ได้รับค่าจ้าง หลบหนีเข้าไปอยู่ในวัดปทุมฯ ต่อมาพยายามหนีกับเพื่อนๆ ออกจากประตูวัดด้านใกล้แยกอังรีดูนังต์ แต่เพื่อนที่วิ่งนำหน้าถูกกลุ่มชายชุดดำใส่หมวกไหมพรม 5-6 คน ยิงจนเสียชีวิตและลากศพไปเผาบริเวณที่บังเกอร์หน้าวัด เขาจึงวิ่งย้อนกลับไปหลบหนีออกด้านหลังวัด ในที่สุดชายคนนี้ได้ให้ปากคำที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในฐานะพยานผู้เห็นเหตุการณ์การกระทำอันโหดร้ายของกลุ่มชายชุดดำŽ

 นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า แม้จะอยู่ในอารมณ์เศร้าสะเทือนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขี้น แต่รู้ดีว่ามีหน้าที่ในฐานะนายกฯ เป็นนักการเมืองที่อาสาตัวมารับใช้ประชาชน ตนท้อไม่ได้ และไม่มีสิทธิ์ถอยเพราะถ้าทำอย่างนั้นเท่ากับตนทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ที่ให้โอกาสเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยมายาวนานเกือบ 20 ปี

 นายอภิสิทธิ์ ระบุอีกว่า การอยู่ท่ามกลางระหว่างสี ทำให้ตนเปรอะเปื้อนไปด้วยการสาดสีใส่โคลน แต่ตนรับสภาพด้วยความอดทนอดกลั้น
 
เพราะรู้ดีว่าการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างการเมืองสุดโต่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตนยังไม่ละความพยายามที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศให้จงได้ ไม่ใช่ความปรองดองในหมู่นักการเมืองด้วยกัน แต่ต้องปรองดองบนความถูกต้อง ไม่ให้หลักการของประเทศเสียหาย วันนี้หลังเหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งปี ยังคงมีกระบวนการที่ตั้งธงว่าตนเป็นฆาตกร ลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่ตากใบ กรือเซะ และการฆ่าตัดตอน 2,000 กว่าศพ แล้วจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างการสั่งฆ่าประชาชน กับการรักษากฎหมาย


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์