21 มี.ค.55 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง BLUE SKY CHANNEL เกี่ยวกับมติของกรรมาธิการปรองดอง ว่า
กรรมาธิการไม่ควรจะลงมติ เพราะนี่ คือ ข้อเสนอสำคัญของทางสถาบันพระปกเกล้าฯ เพราะฉะนั้นการที่คณะกรรมาธิการพยายามที่จะหาข้อสรุปโดยการใช้การลงมติก็เท่ากับการไม่ยอมรับแนวทางของสถาบันพระปกเกล้าฯ ซึ่งพูดว่า ประเด็นที่จะมีความขัดแย้งอยู่ ถ้าทำอย่างนี้ก็เท่ากับว่า ไม่ได้มีความตั้งใจในการที่จะใช้แนวทางที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอมาอย่างแท้จริง หากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ใช่แนวทางปรองดอง ถ้าจะทำอย่างนี้ไม่ต้องตั้งกรรมาธิการก็ได้ ส่วนคนที่ไปสัมภาษณ์หลายคนก็ติดคดี เขาก็บอกหากอยากจะเลิกทะเลาะกันก็ต้องไม่ให้ติดคุก ไม่ให้ถูกลงโทษ ไม่ให้ถูกดำเนินคดี แล้วก็คนอย่างนี้ก็บังเอิญมีเสียงข้างมากอยู่ในสภาอยู่ในกรรมาธิการ แล้วก็บอกว่ามาลงมติ ตนยังไม่เห็นว่ามันเป็นกระบวนการที่มันเป็นเรื่องการปรองดองตรงไหน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ขอให้สถาบันพระปกเกล้า ตอบคำถาม 4 ข้อ ที่ตนได้ถามไว้ คือ
1.ยืนยันหรือไม่ ว่าจะไม่สนับสนุนให้มีการใช้วิธีการลงมติ ใช้เสียงข้างมาก 2.คณะของผู้วิจัยนั้นมีข้อเสนอให้ คอป. เร่งรัดหาข้อเท็จจริง แปลว่า ยังไม่ได้ข้อยุติ แล้วเหตุใดจึงรีบสรุปและมีข้อเสนอแนะ 3.ประเด็นนิรโทษกรรม จะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่ายด้วย เพราะการนิรโทษกรรมทุกกรณีไม่มีประเทศไหนทำแบบนี้ การทำเช่นนี้แปลว่า การก่อการร้ายสมควรได้รับนิรโทษกรรมใช่หรือไม่ แล้วที่รัฐธรรมนูญที่เขียนเอาไว้ว่า สิทธิ เสรีภาพทางการเมือง ซึ่งต้องทำโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ก็ไม่มีความหมาย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเมื่อเร็ว ๆกรณีเผาธนาคารกรุงเทพ ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับธนาคารกรุงเทพ 20 กว่าล้านบาท ถ้านิรโทษกรรมหมด ธนาคารกรุงเทพได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ และ 4 กรณี ยกเลิกผล คตส. ที่ควรเปิดให้มีการรับฟังข้อท้วงติงจากฝ่ายต่าง ๆ ด้วย เพราะข้อเสนอต้องการให้เลิกแปลว่าโกงกันไปตามสบาย เพียงเพราะว่ามีคตส. ที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร อีกทั้ง คตส. ก็ไม่มีอำนาจพิพากษา
"บางคดีตัดสินบางคนไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสิน หรือยังไม่ได้พิจารณาคุณทักษิณ เพราะหนีไปซะก่อน อย่างนี้ก็เดินไม่ได้ จะเดินยังไง แปลว่าคนอื่นก็โดนตัดสินไป คุณทักษิณก็ได้รับสิทธิพิเศษหรืออย่างไร ก็เกิดความไม่เป็นธรรมอีก แล้วก็บางคดี ในขณะที่คุณทักษิณก็บอกว่าไม่ยอมรับ คตส. ไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลที่ตัวเองแพ้คดี แต่ตรงไหนที่เป็นคุณกับตัวเอง ผมก็เห็นไม่โต้แย้งนี่ครับ เช่นกรณีกรมสรรพากรวินิจฉัยบอกว่า ลูก ๆ ไม่ต้องเสียภาษี" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่มองว่า ไม่เข้าร่วมกระบวนการปรองดองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ สถาบันพระปกเกล้า ควรการนำข้อท้วงติงกลับมาทบทวน และพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ตนไม่ได้ไม่ได้บอกว่าให้เห็นด้วยกับตนทั้งหมด แต่หัวใจก็คือว่า ถ้าบอกว่าฟังคนแล้วเอามาเป็นทางเลือก แล้วมาลงมตินั้น อย่างนี้ไม่ต้องมีคณะกรรมาธิการปรองดองก็ได้
“ผมว่าคนที่จะมาอย่างสมศักดิ์ศรีนั้น คือ คนที่ต้องยอมรับว่า ตัวเองทำอะไรลงไป ไม่ใช่เอาอำนาจมาล้มล้างสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะฉะนั้นผมไม่ค่อยเชื่อครับว่า จะกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี ยกเว้นมายอมรับกระบวนการยุติธรรม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว