มาร์คลั่งปลดพัชรวาทเซ่นม็อบ7ต.ค. ปุระชัย-พิชิต วอร์กเอ๊าต์ ก.ตร.อนุมัติตั้งตำรวจ1,560นาย


"นายกฯ"เห็นด้วยความเห็น 4 หน่วย สั่งปลด "พัชรวาท" ออกจากราชการ เหตุสลายม็อบ 7 ต.ค. ก.ตร.อนุมัติตั้งตำรวจ 1,560 นาย "ปุระชัย-พิชิต" ไม่เห็นด้วยวอล์กเอ๊าต์ออกจากห้องประชุม

ก.ตร.อนุมัติตั้งตำรวจ1,560นาย"ปุระชัย-พิชิต"ไม่เห็นด้วยวอล์กเอ๊าต์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 16  ต.ค.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร.  จเรตำรวจ และก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า2 ชั่วโมง ทั้งนี้เวลา 11.20น.  ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ  ก็เดินออกมา และตามด้วย พล.ต.อ พิชิต ควรเตชะคุปต์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ อีก 1 ท่าน เดินตามออกมา แต่การประชุมก็ดำเนินต่อไปจนถึงเวลา 13.20 น.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พล.ต.อ.พิชิต เดินทางกลับนั้น มีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อถามถึงมติการประชุมก.ตร.ว่าแต่งตั้งได้หรือไม่ ตอบว่าไม่รู้ ตนออกมาก่อน และท่านปุระชัยจะให้สัมภาษณ์ ส่วนที่ตนไม่เห็นด้วยนั้น เพราะยึดตามหลักการ


พล.ต.ท.พงศพัศ  พงษ์เจริญ  ผช.ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ที่ประชุมมีมติ 2 เรืองที่สำคัญเพื่อแจ้งให้ทราบและที่วันนี้ใช้เวลานานเนื่องจากที่ประชุมให้กต.ร. ทุกท่านแสดงความคิดเห็นในเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปีในระดับรองผบ.ตร.ลงไป  ว่าควรดำเนินการต่อไปหรือไม่  ซึ่งที่ประชุมได้มีมติใน2 เรื่อง ว่าควรแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 1,560 ตำแหน่ง  โดย ก.ตร. ทั้งหมด 18 ท่าน มี 16 ท่านให้ความเห็นว่า ควรดำเนินการแต่งตั้งทันทีที่พร้อม เนื่องมีตำแหน่งหลักที่ว่างลงจำนวนและหากไม่แต่งตั้ง จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของตำรวจ และประชาชน ส่วนอีก 2 ท่านทีไม่เห็นด้วย คือ ร.ต.อ.ปุระชัย และ พล.ต.อ.พิชิต ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ  โดยให้เหตุผลว่า ยังไม่ควรทำ ให้รอไว้ก่อน ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมได้ โดยปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นการวอล์คเอาท์แต่อย่างใด


เมื่อถามว่า ทั้งสองท่านต้องการให้ได้ ตำแหน่งผบ.ตร.ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดอย่างชัดเจนขนาดนั้น  เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และเสียงส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยก็เป็นไปตามมติ


พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ 2 คือ ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกจากชุดเดิมที่มี ผบ.ตร. เป็นประธานบอร์ดกลั่นกรอง และมี รองผบ.ตร. จต.ช. เป็นคณะกรรมการ แต่ครั้งนี้เห็นว่าให้มีการพิจารณาร่วมกัน โดยเสนอให้เพิ่ม ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าไปในคณะกรรมการคัดเลือกอีก 6 ท่านประกอบด้วย นางเบญจวรรณ สร่างนิทร  เลขา ก.พ. นายชัยเกษม นิติศิริ พล.ต.อ.นพดล  สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ นายสีมา สีมานันท์ และนายสมศักดิ์ บุญทอง โดยที่ประชุมมีมติให้นายสมศักดิ์ เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก ทั้งนี้ การเพิ่มคณะกรรมการขึ้นดังกล่าว เนื่องจากการแต่งตั้งครั้งนี้สังคมจับตามอง ต้องการความโปร่งใส และเป็นธรรม โดยนายสุเทพจะรายชื่อดังกล่าวออกประกาศ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนาม  ซึ่งในสัปดาห์ นายสุเทพ จะประกาศคณะกรรมการกลั่นกรองอย่างเป็นทางการ และจะนัดคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายก่อนเสนอให้ ก.ตร.พิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการแต่งตั้งระดับรองผบ.ตร.ลงไปจนถึงระดับ ผบ.ช. ก่อนเป็นอันดับแรก คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 20 พ.ย.


พล.ต.ท.พงศ์พัศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมสรุปว่า ให้มีการแต่งตั้งเนื่องจากเหตุผลความจำเป็นเปลี่ยนไป คนทำบัญชีไม่ได้เกษียณอายุราชการ เหมือนพล.ต.อ.ธานี  สมบูรณ์ทรัพย์  รรท.ผบ.ตร.  ส่วนที่ก.ตร. 2 ท่านไม่เห็นด้วย ไม่ถือว่ามีปัญหาอะไร เพราะ ก.ตร.ที่เหลืออีก 16ท่านเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งเนื่องจากตำแหน่งหลักที่ขาดจากการเกษียณอายุราชการมีถึง 1,560 ตำแหน่ง การรักษาราชการแทนก็มีข้อจำกัดในเรืองการทำงานบ้าง การแต่งตั้งลงไปก็เพื่อดูแลประชาชนได้มากขึ้น


"มาร์ค"ยกความเห็น4หน่วยงานปลดออกพัชรวาท


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตัดสินโทษ พล.ต.อ.พัชรวาท ในคดีสลายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ทำความเห็นร่วมกันมาโดยใช้หลักเกณฑ์การชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เทียบเคียงกับข้อเดียวกันกับที่เคยมีการชี้มูล รวมถึงกรณีอย่างอื่นที่เกิดขึ้นในอดีต และเหตุการณ์พิจารณาชั้นการลงโทษ ทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักเลขาธิการ ครม. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และ ก.ตร.มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าควรจะปลดออก ซึ่งตนเห็นด้วยว่าเมื่อความเห็นของหน่วยงานที่ทำงานเรื่องนี้โดยตรงและเคยพิจารณากรณีอย่างอื่นมามีความเห็นเป็นเอกฉันท์จะดำเนินการตามนั้น ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเทียบเคียงกับความผิดที่มีการชี้มูลกับกรณีอื่นคือ เรื่องการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อราชการ แต่ไม่ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่



ผู้สื่อข่าวถามว่า จะลงโทษให้มีผลย้อนหลังหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอไปดูอีกครั้งหากจำไม่ผิดน่าจะเป็นวันที่ ป.ป.ช.ชี้มูลที่ตนต้องสั่งภายใน 30 วัน แต่ให้มีผลตั้งแต่เมื่อไหร่ต้องไปดูตามข้อกฎหมาย ขณะนี้ตนกำลังให้ทำการยกร่างรายละเอียดคำสั่งอยู่ เมื่อถามว่า กรณีของ พล.ต.อ.สุชาติ จะตัดสินในลักษณะเดียวกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ ก.ตร. 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์