มาร์คยันปรับลดงบปี′53 ไม่แตะสวัสดิการขรก.-ไม่หั่นงบสุขภาพถ้วนหน้า เล็งถกครม.แก้มะนาว-หมูแพง


"มาร์ค" ยันปรับลดงบปีหน้า 2 แสนล้าน ไม่แตะสวัสดิการ ขรก.-ไม่ได้หั่นงบรายหัวสุขภาพถ้วนหน้า เล็งถกครม.แก้มะนาว-หมูแพงเอาใจชาวบ้าน "กนก"อ้างภาพรวม"ต้นกล้าอาชีพ"ไม่เฉา งบฯถูกหั่นเพราะศก.ส่อฟื้น คนถูกเลิกจ้างลดลง


นายกฯ เล็งถกแก้"หมู-มะนาว"แพง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท. 11) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 เมษายน ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ทางการเมือง ล่าสุดประเมินว่าจะทำให้รายได้ของรัฐบาลหายไป และกระทบต่อการจัดทำตัวเลขงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ซึ่งต้องปรับลดจากเดิมถึง 2 แสนล้านบาท ซึ่งจะเร่งหาแหล่งเงินกู้เพื่อใช้ในการลงทุนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะปรับลดงบฟุ่มเฟือย และที่ไม่จำเป็นของหน่วยงานรัฐก่อน โดยจะไม่ตัดงบที่กระเทือนต่อสิทธิของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการหรือกระทบกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงข้าราชการด้วย  
  
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวสับสน เช่น รัฐบาลจะตัดงบโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งไม่จริงเลย เพราะวิธีจัดสรรงบประมาณแบบคำนวณค่าเฉลี่ยต่อหัวประชากร  ปัจจุบันอุดหนุนให้  2,202 บาท/หัว ขณะที่ปีงบประมาณ 2553 ครม.มีมติจัดสรรงบอุดหนุนให้ 2,406 บาท/หัว ที่สับสนคือระบุว่าจะตัดงบ 4.8 หมื่นล่านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวมงบเงินเดือนของบุคลากร  ยืนยันว่าไม่ได้มีการตัดงบอะไรทั้งสิ้น
  
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ในวันที่ 29 เมษายนนี้ จะประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ เพื่อหารือเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพิ่มเติม แม้จะมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว แต่เรามีปัญหาที่เป็นผลกระทบตามมา  ซ้ำในขณะที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ก็ปรากฏว่าข้าวของราคาแพง อาทิ หมูแพง มะนาวแพงซึ่งจะเร่งแก้ไข
  
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงปัญหามะนาวและเนื้อหมูราคาแพงมาก ว่าโดยเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ไปตรวจสอบส่วนหนึ่ง และจะกลับมาเร่งดูมาตรการแก้ไขปัญหาต่อ โดยจะหยิบยกมาหารือในที่ประชุมครม. ในวันที่ 28 เมษายน และครม. เศรษฐกิจวันที่ 29 เมษายน

อ้างลดงบ"ต้นกล้าฯ"เพราะศก.ส่อฟื้น

นายกนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการการบริหารโครงการต้นกล้าอาชีพ กล่าวถึงกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนหรือโครงการต้นกล้าอาชีพ ระบุว่า จะปรับลดงบประมาณโครงการนี้ในระยะ 2 ช่วงปี 2553 จาก 7 พันล้านเหลือ 3 พันล้านบาทว่า การที่รัฐบาลจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า จึงจำเป็นต้องปรับลดงบฯเพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังให้ดีที่สุด โครงการต้นกล้าอาชีพถือเป็นโครงการเฉพาะหน้าในการแก้ไขปัญหาวิกฤตแรงงาน ซึ่งแตกต่างจากงานโครงการนโยบายอื่น ๆ ที่รัฐบาลจำเป็นต้องคงไว้ เช่น เรียนฟรี 15 ปี ตนมองว่า ที่ต้องปรับลดงบประมาณโครงการนี้อาจเป็นเพราะรัฐบาลมองว่า ปีหน้าปัญหาเศรษฐกิจโลกจะลดน้อยลง เป็นผลให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น การเลิกจ้างงานอาจลดน้อยลง คนที่จะเข้าร่วมโครงการในปีหน้าก็อาจลดลงด้วย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ตามวงเงินเดิม

"กนก"ยันภาพรวมเริ่มคลี่คลายไม่เฉา

"การที่ปีหน้าโครงการต้นกล้าอาชีพจะถูกตัดงบประมาณลง  ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินโครงการแต่อย่างใด เพราะหลังจากประสบปัญหาการดำเนินโครงการช่วงแรก โดยเฉพาะการปรับลดจำนวนหลักสูตรลง ปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนเข้าใจวัตถุประสงค์โครงการอย่างชัดเจน  ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินโครงการดีขึ้นมาก มีผู้สมัครเข้าอบรมเดือนพฤษภาคมสูงถึง 5 หมื่นคน สูงกว่าเดือนเมษายนที่มีอยู่แค่ 2 หมื่นกว่าคน และในช่วง 4 เดือนจากนี้ก็น่าจะเปิดรับได้เฉลี่ยเดือนละ 5 หมื่นคน ซึ่งถือว่าปัญหาทุกอย่างคลี่คลายไปหมดแล้ว ต้นกล้าอาชีพขณะนี้ฟื้นตัวเต็มที่ไม่เหี่ยว ไม่เฉา ไม่หงอยเหมือนที่เคยพูดกัน" นายกนกกล่าว
 
นายกนกกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าปลายปี 2552 หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ยังมีการเลิกจ้างงานต่อเนื่อง รัฐบาลก็อาจปรับเพิ่มงบฯโครงการนี้ได้อีก
นายกนกกล่าวถึงความคืบหน้าการชะลอการเลิกจ้างแรงงานของผู้ประกอบการเพื่อแลกกับการไม่ปลดคนงานออกในช่วงเวลา 1 ปีว่า คาดว่าในเดือนพฤษภาคมนี้จะดำเนินการในล็อตแรกได้  2 หมื่นคน จาก 35 บริษัทที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์