มาร์คประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ตั้งเทพเทือกคุม

นายกฯ นำทีม ครม.ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล ตั้ง "เทพเทือก" เป็น ผอ.ศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน เอาผิดแกนนำเด็ดขาด ทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ..

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์​ (ร.11รอ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี แถลงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ดูแลความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมและได้พยายามระงับยับยั้งเหตุร้ายที่จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่าการดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถระงับยับยั้งเหตุต่างๆ ได้ ตรงกันข้ามการชุมนุมเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ได้พัฒนานำไปสู่การชุมนุมที่เลยขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชนเป็นจำนวนมาก มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม อย่างกว้างขวาง รวมทั้งกระทบถึงภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศในสายตาของประชาคมโลก ขณะที่รัฐบาลได้พยายามบังคับใช้กฎหมาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่ามีการฝ่าฝืนนอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหว และกระทำผิดกฎหมายมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 วันที่ผ่านมา มีการขัดขืนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมาย

ได้มีการบุกรุกสถานที่ราชการสำคัญ คือ อาคารรัฐสภา จึงได้เชิญคณะรัฐมนตรีให้ประชุมเป็นกรณีพิเศษ และมีมติให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และใกล้เคียง โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิก พ.ศ. 2548 และได้มีมติตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยได้แต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบและเป็นผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

"กราบเรียนพี่น้องประชาชนว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ รัฐบาลมีความมุ่งหวัง ในการที่ใช้เครื่องมือตามกรอบของกฎหมาย ในการแก้ไขสถานการณ์ โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ประการ

ประการแรก
เราต้องการคืนความเป็นปกติสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ต่างๆ ให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร
ประการที่ 2 เราจะต้องระงับยับยั้งการเผยแพร่และการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ยุยง ยั่วยุ เพื่อให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ประการที่ 3 การประกาศกฎหมายฉบับนี้ เพื่อที่จะดำเนินคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำของการชุมนุม ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ประการสุดท้าย เพื่อที่จะให้มาตการการระงับเหตุ เช่น การก่อวินาศกรรม และเหตุอื่นๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขอยำ้กับพี่น้องประชาชน ว่าการประกาศกฎหมายน้ีเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลสามารถบรรลุภารกิจนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้มุ่งหมายเพื่อปราบปรามทำร้าย ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป้าหมายของรัฐบาลนั้นต้องการคืนภาวะปกติและทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองของเรา การบบรรลุเป้าหมายดังกล่าวนั้น รัฐบาลก็ยังดำเนินการทุกวิถีทางตามกรอบของกฎหมายและตามหลักสากล

"ผมอยากจะให้ประชาชนได้มีความเข้าใจ การกระทำใดๆที่ผิดกฎหมาย ที่กระทบต่อความสงบของประชาชนและส่งผลต่อเศรษฐกิจนั้น ในที่สุดก็จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนและเสียหายให้กับประชาชนทุกคน รวมทั้งบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายด้วย อยากจะขอให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจและละเว้นที่จะมาร่วมชุมนุมในลักษณะที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งบรรดาพี่น้องประชาชนที่ทราบว่ามีญาติมีเพื่อนหรือมีใครก็ตามได้โปรดชี้แจงให้เข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการชุมนุมตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ผมหวังจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคม จะได้บังคับใช้กฎหมายเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอความร่วมกับกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึึ่ง ขอให้ความมั่นใจอีกคร้ังหนึ่งว่าพี่น้องประชาชนเป็นเพื่อนร่วมชาติ แต่วันนี้รัฐบาลต้องรักษากฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนทั้งประเทศ และจะดำเนินการทุกวิถีอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำมาซึ่งความปกติสุขมาให้กับพี่น้องประชาชน" นายกรัฐมนตรีกล่าว.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์