มาร์คบุกพาณิชย์ อี๋อ๋อพรทิวา กลบข่าวเกาเหลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.45 น. วันนี้ (28 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังกระทรวงพาณิชย์

โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์มารอต้อนรับที่รถ ขณะที่ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนรอรับอยู่หน้าลิฟท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นทั้งหมดได้พากันขึ้นไปยังชั้น 11 เพื่อนำนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงพาณิชย์ ก่อนหารือกันภายในห้องรับรองประมาณ 20 นาที จากนั้นเวลา 09.30 น.นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์รุ่นที่ 1และร่วมถ่ายภาพกับผู้สำเร็จหลักสูตรบนเวที โดยมีนางพรทิวานั่งด้านขวา และนายอลงกรณ์นั่งด้านซ้าย โดยมีการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ขณะที่พรทิวายกมือขวาขึ้นโพสท่านิ้วชี้ตั้งฉากกับหัวแม่โป้งไว้ใต้คางแล้ว โน้มตัวไปหานายอภิสิทธิ์ ทำให้นายอภิสิทธิ์หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

เวลา 11.00 น.นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแสดงความเชื่อมั่นตัวเลขเศรษฐกิจจะกลับไปอยู่ในแดนบวกใน ปลายปี 2552 หรืออย่างช้าต้นปี 2553 ว่า มีตัวเลขหลายอย่างประกอบกัน

ทั้งตัวเลขที่ไล่มาเป็นรายเดือนหรือผลกระทบจากมาตรการที่มีการใช้ทั้งในประเทศและของต่างประเทศในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงการคาดการณ์ของต่างประเทศต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เป็นจุดที่มั่นใจว่าน่าจะมำให้สถานการณ์ไปสู่ลักษณะดังกล่าวได้ ส่วนปัญหาทางการเมืองจะส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น ตนได้ย้ำตลอดว่าการเมืองต้องไม่เป็นอุปสรรคจึงได้พยายามย้ำเตือน ขอร้องเพื่อนนักการเมืองทุกคนไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดว่า ประเทศไทยมีโอกาสดีมาก  อย่าให้การเมืองมาทำลายโอกาสของประเทศ ไม่เช่นนั้นแล้ว การเมืองจะไม่เป็นที่ยอมรับและจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ต่างๆมากขึ้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีปัจจัยอะไรที่ห่วงว่าการเมืองกำลังจะทำลายโอกาสประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า  ขณะนี้มีหลายฝ่ายที่แสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้ง การทุจริตคอร์รัปชั่นทั้ง 2 เรื่องนี้ ตนคิดว่าประชาชนมองด้วยความห่วงใย หรือมองด้วยความไม่พอใจมากที่สุดเวลาเกิดขึ้นในระบบการเมือง

เมื่อถามว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีติดลบ ร้อยละ 7.1 ถือว่าเลวร้ายที่สุด ไม่มีต่ำกว่านี้แล้วใช่หรือไม่

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังเชื่อว่า ตัวเลขไตรมาสที่ 2 น่าจะดีขึ้น และคิดเช่นนี้มาตั้งแต่แรก เพียงแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ตัวเลขของเดือนเม.ย.ก็กระทบไปด้วย แต่ต้องดูตัวเลขของเดือนพ.ค.อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าจะเลวร้ายลงไปกว่านี้ ส่วนที่มีความกังวลว่าตัวเลขจะต่ำลงไปอีกในไตรมาสต่อไปนั้น คิดว่ามีมาตรการหลายอย่างที่เร่งทำ  เริ่มมีผลในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ตามตัวเลข เช่น การใช้กำลังการผลิต เรื่องคนออกจากงาน ก็ดูดีขึ้นมา แต่ก็ต้องทำงานกันหนักต่อในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. สำหรับงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้านบาทในวันที่ 3 มิ.ย.นี้คิดว่าภายในวันที่ 10 กว่าๆของเดือนมิ.ย.จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ปรับความเข้าใจอะไรกับนางพรทิวาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจอะไรกับนางพรทิวา

เพราะตนก็ทราบเพียงว่าที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมเรื่องการระบายข้าวไปเมื่อคืนวันที่ 27 พ.ค.ที่ได้แนวทางมาก็คล้ายกับทางเลือกหนึ่งของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่แล้ว คือทำบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนว่า องค์การคลังสินค้า(อคส.)และกรมการค้าต่างประเทศ(คต.)ทำอะไร ดังนั้นน่าจะเดินหน้าไปได้ แต่ตนต้องขอดูแนวทางอีกครั้งว่าขณะนี้ที่ยังมีความสับสนกันอยู่คือบทบาทแต่ละหน่วยงาน 

เมื่อถามว่า นางพรทิวาได้แสดงความน้อยใจอะไรหรือไม่ที่ไม่ให้อคส.ดำเนินการเรื่องข้าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีเรื่องทำงานแล้วจะน้อยใจอะไรกันคงไม่ได้
เพราะทุกอย่างเพื่อประโยชน์สำเร็จของงานคือการรักษาประ โยชน์ของประเทศ  เชื่อว่าทุกฝ่ายคงเข้าใจ  ที่ผ่านมาเราดูจากประสบการณ์ปีที่แล้วที่เป็นจุดอ่อน ความจริงแล้ว อคส.มีหน้าที่เก็บรักษามากกว่าที่จะมาเป็นผู้ที่มากำหนดแนวทาง เรื่องระบายสินค้า จึงมอบให้กรมการค้าต่างประเทศดูแลแทน  

ต่อข้อถามว่า  ถึงจุดนี้จะช้าไปหรือไม่เพราะเอกชน 17 รายประมูลข้าวไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่าเป็นอย่างไรต้องดูรายงานที่ขึ้นมาอีกครั้ง 
กรณีของข้าวโพดเคยประมูลไปแล้ว และตอนนี้จบไปแล้ว ส่วนที่เอกชนจะฟ้องเรียกค่าเสียหายก็ต้องดูข้อเท็จจริงเพราะกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ได้ให้รายละเอียดมา ครม. พูดถึงเรื่องหลักเกณฑ์  จากนี้จะไปดูว่ทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมติครม.  เชื่อว่าแนวทางการดำ เนินการจะสรุปได้ทันเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครม.ในวันพุธที่ 3 พ.ค. นายสุเทพเร่งประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ค.เนื่องจากต้องลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

"จริงๆแล้ว ข้าวที่นำเข้ามาอยู่ในโครงการรับจำนำ การระบายผมคิดว่าต้องดูด้วยว่าผลกระทบของการระบายต่อตลาดเป็นอย่างไร ความจริงไม่ได้รีบด่วนถึงขั้นที่ต้องระบายทุกอย่างหมดด้วยความรวดเร็ว  ต้องดูและชั่งน้ำหนักให้ดี จึงเป็นเหตุผลที่ต้องให้มีเกณฑ์ต่างๆที่ออกมา”นายกรัฐมนตรี กล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์