มาร์คชี้แดงปิดราชประสงค์ทำเกินรธน. เล็งส่งบุคคลระดับสูงคุย

ที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 3 เมษายน  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ประกอบด้วย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย (ผอ.ศอ.รปภ.) พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.กองทัพไทย พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. เข้าร่วม เพื่อซักซ้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงที่อ. หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ และถือโอกาสติดตามสถานการณ์ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จากนั้นพล.อ. ประวิตรและผบ. เหล่าทัพได้ตระเวนออกตรวจพื้นที่บริเวณรอบ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ยังเก็บตัวอยู่ในห้องประชุมนาน 45 นาที


ทั้งนี้  มีรายงานว่านายอภิสิทธิ์ได้ต่อสายถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.)  เพื่อสอบถามสถานการณ์ที่กรุงเทพฯ หลายครั้ง รวมทั้งได้ติดตามข่าวสารการชุมนุมทางอินเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ชี้ปิดราชประสงค์ทำเกินรธน.

ต่อมาในเวลา 15.50 น. นายอภิสิทธิ์แถลงว่าได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เช้า และได้พูดคุยกับทางศอ.รส. ตลอดเวลา ขอชี้แจงว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นที่แยกราชประสงค์ ถือเป็นการใช้สิทธิที่น่าจะเกินเลยขอบเขตของรัฐธรรมนูญ เพราะทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชน ตนทราบว่าแนวคิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมต้องการทำใน 2 ประเด็นคือ 1. ต้องการทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อคนกรุงเทพฯ เพราะหวังจะให้เป็นแรงกดดันรัฐบาล 2. ต้องการยั่วยุให้เกิดการใช้กำลังจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยอาจมีกลุ่มที่คอยฉกฉวยสถานการณ์ และทำให้เหตุการณ์รุนแรงบานปลายได้

 เตรียมส่งบุคคลระดับสูงกล่อมม็อบ

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะพยายามบริหารสถานการณ์ โดยลดผลกระทบให้มากที่สุด และดำเนินการตามกฎหมายด้วยความระมัดระวัง ซึ่งตลอดทั้งวันได้มีการพยายามให้เจ้าหน้าที่ในการเจรจากับผู้ชุมนุม เช่น การเปิดช่องทางจราจรให้สัญจรไปมาได้ตามสมควร ขณะนี้ความพยายามในการพูดคุยยังไม่ล้มเลิก นอกจากนี้ยังได้ดูช่องทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เผื่อกรณีที่ไม่สามารถพูดคุยกันได้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อสถานการณ์และความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ แต่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากลในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งล่าสุดที่ได้หารือกับนายสุเทพแล้ว  ก็จะส่งบุคคลระดับสูงไปพูดคุยกับผู้ชุมนุมเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลระดับสูงที่จะส่งไปเจรจาคือใคร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เดี๋ยวศอ.รส. จะจัดไป ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง

เล็งงัดกม. พิเศษคุมสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางทางกฎหมายที่กำลังพิจารณาอยู่มีอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าพูดถึงกฎหมายธรรมดาก็จะมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจราจรทางบก ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ แต่เรื่องกฎหมายจะขอชี้แจงให้ทราบเมื่อถึงเวลา เพราะไม่ประสงค์จะไปพูดจาอะไรให้เกิดความรู้สึกท้าทายและยั่วยุซึ่งกันและกัน แต่รัฐบาลจำเป็นต้องฟังความคิดเห็นของประชาชนว่าจะอดทนได้มากน้อยแค่ไหน และดำเนินการไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามอยากย้ำกลุ่มผู้ชุมนุมว่าแนวทางที่ดำเนินการอยู่ไม่ได้ช่วยให้การแก้ปัญหาของประเทศ ทั้งเรื่องการหาทางออก เรื่องการมีประชาธิปไตยดีขึ้นเลย จึงอยากให้การเคลื่อนไหวกลับไปอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ เพราะการหาทางออกร่วมกับรัฐบาลไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้บรรยากาศอย่างนี้


ย้ำเหตุคนต้านแดงเพราะไม่ต้องการให้รบ. จำนนคำขู่

"ผมคิดว่ากลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่ต้น เป็นเพราะไม่ต้องการให้รัฐบาลที่มาตามวิถีทาง ตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ตามระบบรัฐสภา ต้องจำนนต่อลักษณะการข่มขู่ ดังนั้นถ้าต้องการเดินไปสู่แนวทางความปรองดอง มีการคืนอำนาจให้แก่ประชาชน นี่ไม่ใช่แนวทางที่จะทำ ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องยืนตรงนี้ชัดเจน"  นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลาต้องประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ยังครับ ผมคิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้จะใช้กฎหมายอื่นๆ และใช้วีธีการบริหารและการพูดคุย แต่ถ้าสถานการณ์จำเป็นก็ต้องว่ากันอีกขั้นหนึ่ง”

ลั่นไม่ให้ปิดราชประสงค์เกิน 3 วัน

เมื่อถามว่า ให้เวลาในการเจรจาถึงเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ได้ดูนาฬิกา แต่ดูว่าเมื่อพูดคุยกันมีแนวโน้มจะเข้าใจกันได้หรือไม่ เข้าใจคนที่ประสบความเดือดร้อนหรือไม่ เมื่อถามว่า กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศปิดถนนราชประสงค์ 3 วัน นานเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หวังว่าไม่เป็น 3 วัน ซึ่งในวันที่ 3 เมษายนจะพูดคุยอีกระยะหนึ่ง และดูว่ามาตรการที่สามารถดำเนินการได้จะเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งไปสมมุติสถานการณ์ ตนไม่ขอตอบล่วงหน้าเพราะไม่ต้องการท้าทายอะไรทั้งสิ้น ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นศัตรูกับผู้ชุมนุม ไม่มีความปรารถนาจะปราบปรามอะไรใคร แต่มีหน้าที่รักษากฎหมาย และดูแลให้คนทั่วไปสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ ดังนั้นจะใช้แนวทางพูดจาก่อน ส่วนหลังจากนั้นค่อยว่ากัน

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่การจราจรในกรุงเทพฯ จะกลับคืนภาวะปกติในวันที่ 4 เมษายน นายกฯ กล่าวว่า “ถามผู้ชุมนุมด้วยนะครับ รัฐบาลก็ปรารถนาจะให้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าผู้ชุมนุมยังดำเนินการอย่างนี้อยู่ ก็ต้องว่ากันอีกที”

ไร้การข่าวแดงเคลื่อนปิดบ้านวีไอพีหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากการปิดเส้นทางจราจรแล้ว มีการข่าวรายงานเรื่องการปิดล้อมบ้านพักบุคคลสำคัญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมจะทำอะไร ตั้งแต่มีการชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม รัฐบาลพยายามให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมประสานงานมายังรัฐบาล แต่ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ต้องการประสานอะไรทั้งสิ้น และมีวัตถุประสงค์อย่างที่ตนบอก รัฐบาลจึงต้องป้องกันไม่ให้เป็นไปตามความประสงค์ของคนที่อยากเห็นความรุนแรง หรือต้องการเห็นว่าประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้

เมื่อถามว่า คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังในการชุมนุมมีเจตนาสร้างความวุ่นวายเพื่อให้เกิดการเจรจา เหมือนในช่วงเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่คิดไกลถึงขั้นนั้น ตนทราบเพียงว่าคนที่ไม่อยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้เดือดร้อนกับคนไทย คนที่อยู่ต่างประเทศก็ไม่เดือดร้อนกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศและคนไทย เขาก็คิดแต่ประโยชน์ของเขา อีกทั้งคนที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ก็รู้ตัวว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่คือความยากลำบากอย่างหนึ่งว่าคนที่ไม่สนใจอะไรนอกจากประโยชน์ตัวเองพร้อมจะให้คนอื่นทำอะไรก็ได้ โดยที่ตัวเองไม่มีอะไรจะเสีย

สั่งจนท. ดูมือที่ 3

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่เรื่องการใช้อาวุธปราบปรามอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ (วันที่ 3 เมษายน) ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ  พยายามไม่ให้เกิดปัญหาตรึงเครียดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมอยู่แล้ว ส่วนมาตรการในการป้องกันมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์นั้น ถือเป็นเรื่องจำเป็น หากสภาพยังเป็นเช่นนี้อยู่ก็อาจมีความจำเป็นต้องกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแทรกซ้อน

เมื่อถามว่า ส.ว. บางส่วนออกมาเตือนว่าอาจมีการสร้างสถานการณ์ด้วยการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุม นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้ยืนยันและแสดงออกมาโดยตลอดว่าจะไม่มีการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เสียดายที่แกนนำพยายามตั้งตัวให้เจ้าหน้าที่เป็นปฏิปักษ์กับผู้ชุมนุมโดยเฉพาะทหาร ทั้งที่ทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุม

วอนคนกทม. อดทนให้มาก-มั่นใจรบ. ผ่านสถานการณ์ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรอยากฝากถึงคนกรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ขอความกรุณาอดทนอดกลั้น อย่าไปทำอะไรให้เกิดความรุนแรง รัฐบาลมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องจัดการ ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ผลักภาระให้คนกรุงเทพฯ และประชาชน เพราะไม่ต้องการเห็นประชาชนเผชิญหน้าและมีปัญหากัน

เมื่อถามว่า ยังมั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มั่นใจครับ เมื่อถามว่า กังวลกับกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศตั้งทีมไล่ล่านายกฯ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์หัวเราะ แต่ไม่ยอมตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่า กลัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวจะถือเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ถือเป็นการกระทำที่ชอบด้วยประชาธิปไตยได้อย่างไร ถือเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายได้อย่างไร ถ้าเรียกร้องประชาธิปไตย มีจิตวิญญาณประชาธิปไตยจริง มันไม่ควรแม้แต่จะคิด

“ผมก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่ง แต่สิ่งที่เป็นความถูกต้องของบ้านเมือง คนส่วนใหญ่ก็ต้องรักษาเอาไว้ ดังนั้นมามุ่งที่คนๆ เดียวก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายคนส่วนใหญ่ก็ต้องรักษาความถูกต้องของบ้านเมืองเอาไว้” นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์