มาร์คคุยศก.ไทยเจ๋งที่สุดในโลก เตรียมขึ้นค่าแรง10-11บาท


เมื่อเวลา 09.15 น. ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "พลิกความท้าทายสู่โอกาส: ประเทศไทย 2554"  มีใจความตอนหนึ่งว่า 2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว จนอาจเรียกได้ว่าดีที่สุดในภูมิภาคและในโลก จีดีพีมีโอกาสขยับใกล้ 8% การว่างงาน 1% เงินเฟ้อ 3% หนี้สาธารณะต่อจีดีพี 40% บัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง แต่โลกปัจจุบันความผันผวนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สิ่งสำคัญคือตั้งสติ เรียนรู้ วางแผน และปรับตัว ซึ่งวิกฤตที่ผ่านมาเป็นเรื่องท้าทาย 2 ด้าน 1.จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไร 2.มีอะไรต้องรักษาไว้บ้าง


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา จุดแข็งที่เราต้องยืนยัน คือ วินัยการเงินการคลัง ขณะนี้ยังมีบางประเทศในทวีปยุโรปที่มีปัญหาเรื่องวินัยการเงินการคลังจนอาจเกิดวิกฤตรอบสอง โดยความไม่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐและจีน ทำให้เงินทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัญหาเวลานี้ ไม่ใช่เงินบาทแข็งค่า แต่เป็นปัญหาเงินดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดท่าทีชัด โดยปรึกษากับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ตลอดเวลา ว่าจะไม่ฝืนตลาด ต้องไม่คิดฝาให้กลับไปที่ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ยิ่งเจ็บหนัก แต่ให้คิดว่าถ้าอยู่ 28-30 บาทต่อดอลลาร์จะแก้ปัญหาอย่างไร

               
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ต้องดูแลไม่ให้เกิดการเข้ามาเก็งกำไรในภาคเศรษฐกิจจริง จนทำให้เกิดปัญหาฟองสบู่ เชื่อว่าผู้ว่าการธปท.จะยืนยันได้ แต่ก็เป็นโอกาสทองที่จะนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยี ที่สำคัญ เป็นโอกาสในการเสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ จากเดิมที่เน้นแต่การส่งออก โดยรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ ทั้งการขั้นเงินเดือนข้าราชการ ในเดือนเม.ย.ปีหน้า และมีนโยบายจะปรับค่าแรงขั้นต่ำ เป็นตัวเลข 2 หลัก ประมาณ 10-11 บาท จาก 2 ปีที่ผ่านมา ที่ขึ้นเพียง 2-3 บาท สิ่งนี้ทำให้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่แข่งขันโดยการกดค่าแรงอีกต่อไป


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หันมาดูการเมือง ขณะนี้ความขัดแย้งในสังคมยังมีอยู่สูงมาก แต่สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือ ให้สังคมกลับมาใช้กระบวนการหลัก 1.รัฐสภา และ 2.ยุติธรรม อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การประชุมเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ก็ทำให้ได้ข้อยุติระดับหนึ่ง ยืนยันว่าตนจะไม่อยู่ครบวาระ ในการเลือกตั้งปีหน้า ตนก็อยากให้บ้านเมืองสงบ โดยส่งสัญญาณไปยังกลุ่มต่างๆที่เรียกร้องให้มีการยุบสภาหลายครั้ง อยากให้มาช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ เพราะหากการเลือกตั้งครั้งต่อไปประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยรักษาระบบรัฐสภาไว้ได้ แทนที่จะคิดเอาระบบอื่นมาแทน


          "เราจะทำสิ่งนี้สำเร็จ สิ่งที่เราจะต้องช่วยกัน คืออย่าให้สังคมของเรา เป็นสังคมสมาธิสั้น ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะผมเห็นว่าแต่ละวัน เราจะให้ความสำคัญมาก ตื่นเต้นมากกับปัญหาที่อยู่ข้างหน้า แล้วเราก็ชอบลืมว่าที่มาของปัญหาเคยมีความเป็นมาอย่างไร แล้วเวลาวิกฤตมากๆ ทุกคนก็บอกว่าต้องปฏิรูปเรื่องนั้น ต้องทำเรื่องนี้ ซึ่งต้องใช้เวลา แต่เวลาผ่านไป เราก็ลืมไปอีก ไปบอกว่าต้องปฏิรูปอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมนี้ต้องฝากสื่อมวลชนด้วย เพราะสังคมมักคล้ายตาม ความคิดเห็นของสื่อ" นายอภิสิทธิ์กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์