มาร์ค โยนคลังตัดสินซื้อไทยคม

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 10.15 น. ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์

ถึงกรณีมีข่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังจะใช้เงินที่ยึดมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาใช้ซื้อหุ้นของบริษัทไทยคม จากกองทุนเทมาเสก ของสิงคโปร์ว่า ยังไม่ควรจะไปพูดถึงเรื่องว่ารัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหนอย่างไร แต่ความจริงเงินที่ยึดทรัพย์เข้ามาก็ถือว่าไปเสริมฐานะการคลังดีที่สุด แต่การจะซื้อหรือไม่ซื้อหุ้นของบริษัทไทยคมฯ ทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งเขาจะต้องดูทางเลือกหลายทาง ซึ่งเป้าหมายหลักจริงๆ เราอยากที่จะสามารถดูแลเรื่องความมั่นคง ในเรื่องนี้ และมีสิ่งที่ควรจะเป็นของคนไทย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)

เสนอว่า รัฐอาจไม่จำเป็นต้องไปซื้อ แต่ใช้วิธีการยิงดาวเทียม ใหม่ไปตามวงโคจรที่ยังมีสิทธิ์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็เป็น ทางเลือกหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวง ไอซีทีก็จะช่วยดูอยู่ โดยจะต้องดูถึงผลประโยชน์โดยรวม โดยมีเป้าหมายสุดท้ายของการที่เราจะมีเครื่องมือตัวนี้โดยที่คุ้มค่าที่สุด ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีเรื่องของดาวเทียม มีผลอย่างมากในขณะนี้ ไม่ใช่แค่เพียงการเสริมสร้างความ สามารถในการแข่งขัน แต่กระทบกระเทือนมาถึงความมั่นคงด้วย

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านกำลังดึงประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองและกล่าวหาว่ารัฐบาลมีผลประโยชน์ในเรื่องดังกล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องตรวจสอบได้ว่ามีผลประโยชน์หรือไม่ ใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง เมื่อถามว่าในส่วนของรัฐบาลจะเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ เพราะล่าสุดทางตลาดหลักทรัพย์มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าตลาด หลักทรัพย์มีการตรวจสอบก็เป็นเรื่องดี ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลจะมีการเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ว่ามีคนในพรรคประชาธิปัตย์ได้ผลประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่ครับ เป็นเรื่อง ที่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการได้เลย"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจได้หรือไม่ว่าคนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรีจะไม่มีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่ายังไม่เห็นว่ามันมีการตัดสินใจอะไรอย่างชัดเจนในขณะนี้ เป็นเพียงการศึกษา ก็อย่างที่มีคนพูดว่าไปพบกับใคร ยังไม่ใช่ไปในจุดที่เป็นเรื่องการไปซื้อขาย เป็นเรื่องของสถานการณ์ในขณะนั้น ซึ่งมีปัญหามากพอสมควร ว่าเมื่อขอความร่วมมือไปยังไทยคม แล้วเผชิญกับปัญหาอุปสรรคอะไร ขณะเดียวกันเจ้าของปัจจุบันไม่ค่อยได้รับรู้รับทราบในเรื่องดังกล่าว ความจริงในช่วงนั้นปัญหาเรื่องดาวเทียมเราต้องไปขอความร่วมมือจากหลายประเทศ ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องของเทมาเสก หรือไทยคมเท่านั้น หลายๆประเทศเราก็ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศประสานดูแล

เมื่อถามว่ามีความพยายามโยงว่าราคาหุ้นของไทยคมสูงขึ้นมาจากเดิมมากในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่รัฐบาลออกมาแสดงแนวคิดดังกล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ยังไม่ได้ถึงจังหวะที่จะไปซื้อขายอะไร ถ้าจะซื้อขายก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งมีขั้นตอนอยู่แล้ว" เมื่อถามว่า อายุของสัมปทานเหลืออีกกี่ปีกว่าจะกลับมาเป็นของทางการไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 11 ปี เมื่อถามว่า ตกลงจะไม่มีการซื้อคืนแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์