มาร์ค ซัด ทักษิณ ต้นตอความขัดแย้ง

บอกคู่ขัดแย้งแท้จริงคือ "แม้ว-ก.ม.ไทย" แนะรัฐบาล - กกต.เลื่อนวันเลือกตั้ง ถามทำไมเลื่อนไม่ได้ จับตา นปช.เคลื่อนไหว

นายอภิสิทิ์ กล่าวว่า จุดที่ทำให้เกิดวิกฤติ คือ
 
1.กฎหมายนิรโทษกรรม 2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในลักษณะเอื้อประโยชน์กัน เป็นการต่อสู้ของกลุ่มคนที่อยากจะอยู่เหนือกฎหมายจนนำมาสู่การชุมนุมต่อต้านที่ไม่ได้รับการตอบสนองเรื่องความรับผิดชอบ รัฐบาลพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม และทำให้เป็นเหมือนวุฒิสภาช่วยยับยั้งเอาไว้  การชุมนุมจึงเป็นการเรียกร้องความรับผิดชอบ ทำให้การแก้ไขปัญหาตามช่องทางปกติไม่ตอบสนอง ก่อนหน้านั้นมีหลายองค์การติดต่อพวกตนว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร คำตอบวันนั้น ตนตอบว่าต้องยุบสภาให้เร็วที่สุด เพราะไม่มีเวลา แต่รัฐบาลไม่เชื่อ และไม่ได้ยุบสภาเพราะแสดงความรับผิดชอบ แต่เป็นการยุบสภา เพราะจำนนต่อสถานการณ์ จึงทำให้เกิดปัญหา 3ข้อตามมา

“การปฏิรูปประเทศเป็นข้อเรียกร้องที่สังคมเราควรจะมี ทั้งการปลอดคอร์รัปชั่น การเลือกตั้งสุจริต เศรษฐกิจเที่ยงธรรม  หากถามกี่คน ก็ตอบว่าเห็นด้วย แต่คำพูดของแต่ละพรรคมีความหมายหรือไม่ อยู่ที่ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองนั้นหรือไม่  เรื่องปฏิรูปประเทศขึ้นอยู่กับความรู้และความชอบธรรมของคนปฏิรูป ซึ่งผมยังนึกไม่ออกว่าใคร ความเชื่อถือของผมและพรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังไม่พอ ส่วนเรื่องการเลือกตั้งเพราะสังคมไม่เชื่อคำตอบ ไม่เชื่อว่าคนที่จะมาจัดกระบวนการเลือกตั้งจะมีเจตนารมณ์และมีความชอบธรรม จึงเกิดคำถามขึ้นกับการเลือกตั้ง สังคมตั้งคำถามว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือเลือกตั้งก่อนปฏิรูป

ผมมองว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ตามพระราชกฤษฎีกา ไม่มีใครมองว่าการเลือกตั้งจะราบรื่น ดังนั้นมีคำถามอยู่แล้วว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไม่สามารถตอบโจทย์ปฏิรูปได้
 
การเลือกตั้งจะถูกมองว่าเป็นปัญหาในที่สุด ไม่มีใครพูดว่าคัดค้านการปฏิรูปประเทศ และทุกคนไม่ได้คัดค้านการเลือกตั้ง แต่จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ และมาถึงเรื่องการรักษาการที่โยงมาเรื่องความน่าเชื่อถือ ผลทั้งหมดรัฐบาลทำเองทั้งนั้น กฎหมายนิรโทษกรรมก็มีการเตือนกันแล้ว ที่ผ่านมา นายกฯเคยตั้งสภาปฏิรูปมาแล้ว เชิญผมเข้าไป และผมทำจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอเงื่อนไขเดียวคืออย่าทำกฎหมายนิรโทษกรรม แต่กลับมีการเดินหน้า วันนี้หากลงสัตยาบันใครเชื่อบ้างว่าจะไม่มีความพยายามนิรโทษกรรม เพราะเดินทางนี้ไม่ได้ก็ไปอีกทางหนึ่ง เมื่อขาดความน่าเชื่อถือ จึงกลายเป็นเงื่อนไขที่ชัดเจนที่สุด”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ
 
ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง จะมีการมองว่าการเลือกตั้งไม่ชอบธรรม ตนย้ำว่าการชอบธรรมของการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมืองบอยคอต แต่อยู่ที่ประชาชนว่าจะบอยคอตหรือไม่ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ตนทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ที่อยากได้การปฏิรูปประชาธิปไตยและไม่อยากเห็นความรุนแรง แต่ใครจะมีอำนาจในการเริ่มต้นแก้ไขปัญหา การเลือกตั้งจะชอบธรรม รัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่ทำให้ประชาชนเชื่อว่าการเลือกตั้งและการปฏิรูปประเทศไปด้วยกันได้และมีความชอบธรรม วันนี้รัฐบาลนำความรู้ทางกฎหมายมาปกป้องตนเอง ไม่ได้กำหนดเป้าหมาย เพราะรับใช้เป้าหมายนั้นหากเดินไปแบบนี้จะตกทั้ง 3 ข้อ ตนเชื่อว่าสังคมจะแตกประเด็นออกไปเรื่อย ๆ การพูดคุยหากคนที่มีอำนาจไม่ตระหนักก็ไม่สามารถแก้วิกฤติได้ หากไม่ให้รัฐบาลกับ กกต.แก้ วิธีอื่นคือเดินออกนอกรับธรรมนูญ ตอนนี้ความคลางแคลงใจว่าทำไมรัฐบาลยังทำหน้าที่รักษาการ วันนี้ก้ำกึ่งว่าจะสายเกินไปหรือไม่ จะรีบทำก็ทำ หากเกิดปัญหาเมื่อมีฝ่ายเสนอ แต่ไม่รับตอบสนองลากไปจนวันที่คนเรียกร้องบอกว่ามันไม่ใช่แล้ว สถานการณ์ยิ่งช้าเส้นชัยเลื่อนไปเรื่อยๆ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าทุกคนไม่สามารถพูดแทนพรรคเพื่อไทยได้ และเชื่อว่าลึก ๆ แล้ว ไม่อยากให้ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม
 
ที่ผ่านมามี ส.ส.หลายคนมาปรับทุกข์กับตนว่าไม่ได้อยากยกมือให้ แต่โดนบังคับ เพราะมีคนที่ตัดสินใจได้บอกให้ทำ เหมือนกับการที่รัฐบาลยังทำหน้าที่รักษาการ ทุกคนในเพื่อไทยไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินใจได้ ส่วนข้อเสนอให้เลื่อนวันเลือกตั้งนั้น ขณะนี้ยังเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ หากทุกพรรคการเมืองเห็นพ้องต้องกัน ก็ไม่มีใครเสียหาย วันนี้ต้องถามพรรคการเมืองอย่างเปิดใจว่าทำไมเลื่อนวันเลือกตั้งไม่ได้ รัฐบาลเคยบอกว่าไม่สามารถนำร่างรัฐธรรมนูญที่นำทูลเกล้าฯกลับมาได้ แต่วันนี้รัฐบาลก็ทำแล้ว และไม่มีอะไรเสียหาย เพราะเท่ากับเป็นกระบวนการปฏิบัติตามอำนาจศาล

อย่างไรก็ตามอยากให้จับตากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่มีการเคลื่อนไหวในขณะนี้ด้วย
 
เพราะจะมีเหตุผลในการเคลื่อนไหวมากที่สุด เมื่อมีการเดินออกนอกรัฐธรรมนูญหรือประชาธิปไตย ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจะมองเฉพาะคู่ขัดแย้งไม่ได้ เพราะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจออกมาต่อต้าน จะทำอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องคิด ตนยืนยันว่าคู่ขัดแย้งคือ พ.ต.ท.ทักษิณกับกฎหมายไทย พรรคเพื่อไทยต้องแสดงให้เห็นว่าอยู่ข้างกฎหมายไทย ไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่เหนือกฎหมายไทย ไม่อย่างนั้นก็ไม่จบ.