พิษปากวิสุทธิ์ โดนสอบเพิ่ม

"วิเชียร" สั่งจเรตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง "วิสุทธิ์ วานิชบุตร"

หลังจากให้กองวินัยตรวจสอบคำให้สัมภาษณ์สื่อ รวมทั้งการชี้แจงกับคณะกรรมาธิการฯ ชี้ การให้สัมภาษณ์ซ้ำ ๆ ถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ส่วนการชี้แจงพาดพิงหรือกระทบถึงผู้ใดก็ให้รับผิดชอบเอง ด้าน ผบก.ทล. มอบนโยบายตำรวจทางหลวงตามโครงการ “ถนนปลอดภัย ชาวไทยร่วมมือ ตำรวจถืออุดมคติ” ให้ ตร.ทุกนายที่ตั้งด่านตรวจรถติดปลอกแขนสีส้มสะท้อนแสงเพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย เน้นสะดวกรวดเร็วไม่สร้างปัญหาจราจร พร้อมกับเปิดเว็บไซต์ และตู้ ปณ. 1193 ไว้รับคำแนะนำและติชม
   
ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 4 พ.ย. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.

กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิช บุตร รรท. รอง ผบช.กมค. ชี้แจงเรื่องการแทรกแซงโผแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ต่อคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ทางกองวินัยได้ตรวจสอบการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ หากเสนอขึ้นมาก็จะให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรม การสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ซ้ำ ๆ ของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ หากพบว่าเป็นความผิด จะถือเป็นเรื่องการกระทำ ผิดต่างกรรมต่างวาระ
   
ด้าน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวว่า การตรวจสอบความผิดวินัย พล.ต.ต.วิสุทธิ์

ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม และมีการเมืองแทรกแซง กองวินัย ได้เสนอให้ส่งเรื่องไปยัง พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งจะพิจารณารายละเอียดการให้สัมภาษณ์ว่ามีความ ผิดวินัย หรือพาดพิงให้บุคคลใดเสียหายบ้าง ก่อนจะพิจารณาในประเด็นที่ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ อ้างว่า มีการเมืองแทรกแซงการแต่งตั้ง แต่เบื้องต้น ยังไม่มีหลักฐาน จึงยังไม่สามารถตรวจสอบในจุดนี้ได้ รวมทั้งประเด็นที่ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ เคยถูกกล่าวหาบุกรุกลำน้ำและอัยการสั่งฟ้องไปแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือน ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนการที่ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ เข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หากการให้ข้อมูลดังกล่าวกระทบบุคคลใด พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ก็ต้องรับผิดชอบ 

วันเดียวกัน ที่ บก.ทล. พล.ต.ต. นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศเพื่อมอบ นโยบายในการทำงานตามโครงการ “ถนนปลอดภัย ชาวไทยร่วมมือ ตำรวจถืออุดม คติ”

จากนั้น พล.ต.ต.นรบุญ ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงเข้าสู่โครงการ “ถนนปลอดภัย” กับหัวหน้าสถานีตำรวจทางหลวง ทั้ง 41 สถานี ทั่วประเทศ ซึ่งมีหลักสำคัญ 3 ประการ คือ 1. ตำรวจทุกนายจะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบอำนาจหน้าที่ ตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด 2. ผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลผู้ใต้บังคับ   บัญชามิให้เรียกรับผลประโยชน์จากประ  ชาชนโดยเด็ดขาด และ 3. ผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่ดีมีสุขตามอัตภาพ
   
พล.ต.ต.นรบุญ เปิดเผยว่า สำหรับการตั้งด่านตรวจตนจะเน้นไปที่ความสะดวกรวดเร็วไม่สร้างปัญหาให้เกิดกับการจราจรเหมือนที่ผ่านมา

โดยแต่ละด่านจะต้องมีตำรวจประจำด่านตามที่ บก.ทล.จะมีคำสั่ง และทุกนายจะต้องติดปลอกแขนสีส้มสะท้อน แสงซึ่ง บก.ทล. เพิ่งคิดค้นและเพิ่งจะเริ่มทดลองโดยเน้นให้ผู้ใช้ยวดยานสังเกตได้ง่าย และไม่ซ้ำใคร ซึ่งหากไม่เหมาะสมก็จะปรับเปลี่ยนต่อไป โดยปลอกแขนดังกล่าวจะมอบ หมายให้สารวัตรหัวหน้าสถานีเป็นผู้ดูแล

สำหรับกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ ปัจจุบัน บก.ทล. มีใช้อยู่ 60 เครื่อง ตนจะของบประมาณจัดซื้อเพิ่มให้ครบทุกตู้รักษาการณ์ของ ทล. โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด
   
นอกจากนี้ตนยังนำแนวคิดในการให้ทุก กก. ตรวจสอบภายในกันเอง โดยการตั้ง จเร ตร. ขึ้นมาตรวจสอบเพื่อความสะดวกรวดเร็วเป็นการลดความซ้ำซ้อนในการตรวจสอบหากเกิดการร้องเรียนว่ามีการกระทำผิดขึ้น นอกจากแนวนโยบายและบันทึกข้อตกลงที่ได้มอบหมายไว้แล้วบก.ทล.ยังจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์โครงการขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสถานีทางหลวงเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการนี้ไปสู่ประชาชนเพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลเบาะแสความไม่ชอบมาพากล คลิป   ภาพหรือภาพนิ่งที่บันทึกได้มายังตนทาง

หมายเลขโทรศัพท์ 08-6011-0555 และ 08-2453-4555 นอกจากนี้ยังได้เปิดตู้ ปณ. 1193 ขึ้นพร้อมเปิดเว็บไซต์ www.high waypolice.com เพื่อรับคำแนะนำและติชมการปฏิบัติงานของ ตร.ทางหลวง ในทุก ๆ เรื่อง.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์