พะจุณณ์แจงแทนป๋าเงินที่รับเป็นแค่เงินบริจาคเข้ามูลนิธิฯ

หลังจากโฆษกรัฐบาลออกมาเปิดเผยว่ามีการไหลของเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศอย่างผิดปกติ

โดยคาดว่าจะเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้แกนนำเสื้อแดงออกมาแก้เผ็ดแฉเส้นทางการเงินของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยระบุว่ารับเงินทุนจาก "คณะ11" นั้น

พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ นายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม กล่าวเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ว่า ยืนยันว่าตั้งแต่ติดตาม พล.อ.เปรม จนถึงปัจจุบันไม่มีเรื่องดังกล่าว แต่อาจจะเป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิรัฐบุรุษ และนำไปใช้สำหรับสาธารณประโยชน์เท่านั้น


นอกจากนี้ รายข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคง แจ้งว่าภายหลังที่นายปณิธาน  ออกมาระบุถึงเส้นทางการเงินสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง

ซึ่งมีเงินจากนอกประเทศ 2 - 3 เส้นทางไหลเข้าสู่บัญชีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินรายหนึ่ง ซึ่งมีทั้งการโอนผ่านบัญชีธนาคาร และหิ้วใส่กระเป๋าเข้ามาทางสนามบินสุวรรณภูมิ ตลอดช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยหน่วยงานด้านการเงินการธนาคารเผยตัวอักษรย่อ “ส.” อยู่เบื้องหลังนั้น


รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งเพิ่มเติมว่า “ส.” เป็นอักษรนำหน้าชื่อจริง โดยเป็นคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ 

ที่ในอดีตเป็นคนทำธุรกรรมทางการเงินให้พรรคการเมืองในยุคที่ต่อเนื่องกันมา เปรียบเสมือนหัวจ่ายให้กับพรรค หัวคะแนน และ กลุ่มมวลชนมายาวนาน อย่างไรก็ตาม “ส.” คนดังกล่าว ทำหน้าที่เป็นเพียงหัวจ่ายในขั้นตอนสุดท้าย ขณะที่ก่อนที่จะมาถึง “ส.” นั้น ได้ผ่านกระบวนการที่มีชั้นเชิงซับสลับซ้อนต่อกันมาหลายทอด


วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

แถลงถึงกรณีที่นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุถึงเส้นทาง 3 ช่องทางสนับสนุนการเงินให้กับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลหวังที่จะทำลายความเชื่อมั่น ความชอบธรรมของกลุ่มคนเสื้อแดง ต้องการป้ายสีกลุ่มคนเสื้อแดงว่าเป็นเพียงผู้ชุมนุมรับจ้างหรือผู้หวังผลประโยชน์จากพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆที่ยืนยันมาตลอดว่าไม่เป็นความจริง รวมทั้งเรียกร้องขอหลักฐานจากรัฐบาลที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา การสู้รบกันของทั้ง 2 ฝ่ายล้วนต้องการชัยชนะและทิ่มแทงฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีการต่างๆ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงยืนยันจะใช้สันติวิธี เปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างที่ลูกผู้ชายทำกัน  หากรัฐบาลไม่มีหลักฐานขอให้พูดออกมาตรงๆ สังคมจะได้เข้าใจ
 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ติดตามเส้นทางการเงินของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

พบว่า ขณะดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มีความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลชั้นนำในสังคมและกลุ่มทุนรวมทั้งกลุ่มธุรกิจใหญ่ในประเทศไทยมากมาย และ พล.อ.เปรมยังดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาด้วย กลุ่มคนเสื้อแดงเคยถามไปว่าได้รับเงินเดือนจากตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่แต่ก็ไร้คำตอบ  ตนจึงนำหลักฐานมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเพราะประชาชนต้องการคำอธิบายจากพล.อ.เปรมว่า เงินดังกล่าวเป็นค่าอะไร และเหมาะสมหรือบังควรหรือไม่ต่อสถานะที่พล.อ.เปรมดำรงอยู่ในปัจจุบันหรือไม่


"พล.อ.เปรมคบหาผู้คนมากมาย ซึ่ง 1 ในนั้นคือกลุ่มทุนที่ใช้นามว่า “คณะ11” ประกอบด้วยบุคคล อาทิ  ม.ล.ตรีทศยุทธ เทวกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เทวา สตูดิโอ จำกัด, นายชาตรี โสภณพนิช ธนาคารกรุงเทพ,  และนางกัลยาณี พรรณเชษฐ์ ประธานบริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผล  จากความสัมพันธ์ตรงนี้ผมสืบสาวลงไปจนพบข้อมูลว่า นางกัลยาณีซึ่งปัจจุบันได้มอบบทบาทให้กับทายาทดำเนินการในองค์กรแทนไปแล้วนั้น นางกัลยาณีได้จ่ายเช็คของธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมากให้กับพล.อ.เปรม ซึ่งไม่ทราบว่าจ่ายแบบนี้มานานหรือยังรวมทั้งต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้หรือไม่ ซึ่งเช็คทั้ง 2 ใบสั่งจ่ายระบุชื่อพล.อ.เปรมใบละ 1.8 ล้านบาท โดยใบแรกคือเช็คเลขที่ 3745366 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2546และใบที่ 2 คือเช็คเลขที่ 3748879 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2547 ซึ่งทั้ง 2 ใบถูกสั่งจ่ายจากบัญชีของนางกัลยาณี เลขที่ 1803028669" นายณัฐวุฒิกล่าว


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.เปรมมักจะเป็นประธานที่ปรึกษาขององค์กรคณะ 11 ซึ่งจากพื้นฐานนี้เข้าใจว่า พล.อ.เปรมน่าจะเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผลด้วย

ดังนั้นจึงมีคำถามว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนในฐานะที่ปรึกษาขององค์กรใช่หรือไม่ และถ้าใช่ต้องถามว่า การสั่งจ่ายเช็คเหล่านี้จ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่และจ่ายให้จนถึงเมื่อไหร่ เพราะมั่นใจว่าไม่ได้มีแค่ 2 ใบรวมทั้งน่าจะมีจนถึงวันนี้ด้วยหรือไม่  ในฐานะประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้นไปรับเงินจากบริษัทเอกชนที่มีเป้าหมายแสวงหากำไรได้หรือไม่ เหมาะสมและบังควรหรือไม่อย่างไร


"มีข้อสังเกตว่า เมื่อพิจารณาจากยอดเงินของเช็คทั้ง 2 ใบนั้น เหมือนกับกรณีของยอดเงินที่นายประจวบ สังข์ขาว เคยถอนเงินแล้วหิ้วไปให้ผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งละ1.8 ล้าน 1.9 ล้านบาท ที่นายประจวบจงใจหลีกเลี่ยงการถอนเงินเกิน 2 ล้านบาทที่ต้องแจ้งต่อปปง.(สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ดังนั้นการที่นางกัลยาณีจ่ายเช็ค 1.8 ล้านบาทนั้นเป็นเหตุผลเดียวกันด้วยหรือไม่ และถ้าใช่ก็แสดงว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ปิดบัง อำพรางใช่หรือไม่" นายณัฐวุฒิกล่าว



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์