พวกผมไม่คิดโค่นคมช.-รัฐบาล

ที่ฝ่ายม็อบกาปฏิทินถอยหลังวันเผด็จศึกรัฐบาลและ คมช.ภายในเดือนรำลึกพฤษภาทมิฬที่กำลังจะมาถึง

ขณะที่ภาครัฐและ คมช.ระดมสมองและสรรพกำลัง "ตั้งรับ" กันอย่างอึกทึกครึกโครม

ด้วยเหตุว่าคู่ต่อสู้นั้นจัดอยู่ในประเภท "ไม่ธรรมดา" !!!

เต็มไปด้วยบุคลากรทั้งฝ่าย เสธ.และฝ่ายปฏิบัติการที่ว่ากันว่า "จัดเจน" และ "ช่ำชอง" ในเชิงยุทธ์พอตัว

เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่หนีไม่พ้นการเฝ้าระวังจากฝ่ายความมั่นคง

และในฐานะที่เคยเป็นคนของ "ขั้วอำนาจเก่า" มาก่อน จึงย่อมมีชื่อติดอยู่ในบัญชีกลุ่มคนที่ต้องการล้มล้างรัฐบาลและ คมช.อย่างช่วยไม่ได้

เมื่อถูกถามอย่างตรงไปตรงมาว่า มีกระแสข่าวระบุว่าเขาอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวโค่น คมช. ???


เขาจึงตอบได้อย่างไม่ยี่หระและตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน

"ถามแบบนี้ก็ดีแล้ว ผมและเพื่อนๆ ไม่มีความคิดโค่น คมช.และรัฐบาล แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยและตำหนิการรัฐประหาร แต่พวกผมจะไม่เป็นพวกที่ไปโค่น คมช. เพราะถ้าโค่น คมช.มันจะเกิดความรุนแรงในสังคม ผมเพียงต้องการรื้อฟื้นประชาธิปไตย

ดังนั้นขอให้ คมช.ทำใจ สิ่งต่างๆ ไม่เป็นอย่างที่ท่านคิดหรอก อย่าดิ้นรนมากนักเลย เพราะถ้าดิ้นรน ท่านก็จะประสบชะตากรรมเดียวกันกับผู้ทำรัฐประหารในยุคก่อนๆ"


มีข่าวด้วยว่ามีความพยายามที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบ 6 ตุลาขึ้นอีก โดยดึงนักศึกษาให้ออกมาชนกับรัฐบาลทหาร ???

"คิดว่าคงไม่ง่าย พลังนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ อย่าไปเอาพลังพวกเขามาเป็นประโยชน์ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือต่อต้าน คมช. สิ่งที่พวกคุณต่อสู้กันมันซับซ้อนเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้ ถ้าให้พวกเขามาร่วมเสวนาหรืออภิปรายนั้น ผมเห็นด้วย

แต่หากใครนำพลังบริสุทธิ์นี้มาใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ผมขอประณาม ผมยังไม่อยากให้คาดหวังว่าพวกเขาจะออกมาเคลื่อนไหวอะไรตอนนี้ ให้พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้ไป"

"ถ้ารักและห่วงบ้านเมืองควรทำนายในทางที่ดี และพยายามช่วยประคองสถานการณ์ที่ตัวเองเกี่ยวข้องให้เป็นในทางที่ดี สันติ และนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย ใครก็ตามที่คาดการณ์ในทางร้าย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ถือว่าไม่เหมาะสม เป็นการเพิ่มอันตรายให้บ้านเมือง ใครก็ตามที่ทำแบบนั้นผมขอตำหนิ"


แล้วส่วนตัวคิดอย่างไร ???

"คิดว่าจะไม่เกิดความรุนแรง เพราะรัฐบาลชุดนี้แม้จะเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร แต่ต้องยอมรับว่านายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจที่จะดูแลบ้านเมืองให้สงบ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง จึงต้องให้กำลังใจนายกฯ และรัฐบาล คมช.ก็น่าจะฉลาดพอที่จะประคองสถานการณ์ให้หลีกพ้นจากความรุนแรง เพราะอยู่ในฐานะที่ทำได้ และควรฉลาดที่จะทำด้วย

หากเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ผมพูดก็จะเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง และต่อ คมช. อยากให้ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ทางการเมืองของไทยว่าจุดจบของผู้ที่ทำรัฐประหาร เมื่อเกิดความรุนแรงได้รับอะไรไปบ้าง"


ไม่คิดว่ากลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านจะเป็นฝ่ายที่ก่อให้เกิดความรุนแรงหรือ ???

"ผมคิดว่า 6 เดือนที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้ยังไม่ได้ทำการใดๆ ที่แสดงว่าพวกเขาต้องการจะให้เกิดความรุนแรง เพราะถ้าใครคิดทำแบบนั้นก็จะมีคนที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก แม้แต่ในหมู่พวกเดียวกันเอง

แต่ต้องยอมรับว่าพวกเขามีสิทธิที่จะชุมนุม ในศตวรรษที่โลกก้าวไกลไปมาก คมช.เคลื่อนรถถังมาฉีกรัฐธรรมนูญ และมีคนมาชุมนุมคัดค้าน เพียง 6,000-10,000 คน

ถือว่าเป็นคณะรัฐประหารที่โชคดีมากแล้ว เพราะฉะนั้น คมช.ต้องตั้งสติให้ดีและนิ่งๆ ยอมรับสภาพ ถ้าไม่ยอมรับสภาพนี้ ก็ต้องไปดูประวัติศาสตร์ที่นักปฏิวัติทั้งหลายประสบ ผมกำลังเตือนอย่างตรงไปตรงมา"

"ขอถามหน่อยว่ากลุ่มอำนาจเก่าคือใคร ฝ่ายที่ถูกยึดอำนาจ ที่ไม่พอใจนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาจะทำอะไรได้ ถูกล้มไปแล้ว ก็จบไปแล้ว สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ คนจนภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลางและคนจนเมือง เริ่มรู้สึกและออกมาเรียกร้องนโยบายที่ดีที่พวกเขาเคยได้ในรัฐบาลที่แล้ว

คนเหล่านี้มีจำนวนหลายล้านคน มันคือกลุ่มขั้วอำนาจเก่าหรือ ต้องถาม คมช.ว่ากลุ่มขั้วอำนาจเก่าที่พูดถึงนั้นคือใคร และจะรบชนะหรือ เพราะ 6 เดือนที่ผ่านมา คมช.ก็แพ้ลงทุกอาทิตย์ และถ้าพูดถึงความผิดครั้งนี้ ต้องบอกว่าทหารผิดเต็มๆ"


อย่างพีทีวีก็มีภาพที่ไม่ขาดจากกลุ่มอำนาจเก่าชัดเจน และก็เคยเป็นอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยมาก่อน ???

"แต่พวกเขาก็มีสิทธิที่จะพูด พวกเขาเรียกร้องประชาธิปไตย ถ้าเปรียบเทียบกัน คนกลุ่มนี้ยังมีสิทธิในการพูดมากกว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งปีที่แล้วชุมนุมกันที่ถนนราชดำเนิน คนกลุ่มนั้นชุมนุมข่มขู่ล้มล้างรัฐบาล ปิดถนน และที่ทำการรัฐบาล

ซึ่งเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ผมขอให้ คมช.ทำใจ ท่านกล้าหาญขนาดเคลื่อนรถถังมาฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าใจใหญ่ไม่พอ สิ่งที่จะประสบข้างหน้าจะเป็นเรื่องน่ากลัวมากสำหรับ คมช."

"รัฐประหาร 19 กันยาฯ เป็นผลมาจากการเคลื่อนตัวที่สำคัญที่สุดของกลุ่มปัญญาชน และคนที่สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย คณะอาจารย์นิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ทำตัวเป็นกลุ่มที่นำความคิดประชาชนไปสู่การล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คนกลุ่มแรกที่ต้องรับผิดชอบ คือ

กลุ่มปัญญาชนมหาวิทยาลัย คนกลุ่มที่สอง คือสื่อมวลชนไทย คนกลุ่มที่สาม คือปัญญาชนคนเมืองหลวง และกลุ่มที่สี่ คือทหาร นี่คือการเรียงลำดับตามความผิด คือทหารผิดน้อยที่สุด เพราะคนสองกลุ่มแรกได้ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทหารซึ่งมีกรอบความคิดแบบทหารรู้สึกว่าจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยการทำรัฐประหาร"


ก็เกรงกันว่าหากปล่อยให้รัฐบาลเก่าอยู่ในอำนาจต่อไป ปัญหาต่างๆ ก็จะบานปลาย เช่น การทุจริต ??

"สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เลขาธิการพรรคในขณะนั้น ก็ถูกลงโทษโดย ป.ป.ช.ทั้งๆ ที่เลขาธิการ ป.ป.ช.ก็ถูกมองว่าเป็นคนของรัฐบาล แต่ต้องลงโทษเพราะหลักฐานแน่นหนา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดนล้มจากความผิด 4 ข้อหา แต่อัยการก็สั่งไม่ฟ้องคดีหมิ่นฯ ไปแล้ว นั่นก็เพราะว่าความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมไม่ได้บอกว่ารัฐบาลทักษิณบริสุทธิ์ผุดผ่อง

ความผิดอาจจะมีก็ได้ แต่ก็ควรว่ากันไปตามกฎหมาย คตส.ชุดนี้เป็นการรวมตัวกันของบุคคลพิเศษจากที่ต่างๆ ถ้าทักษิณและครอบครัวทำผิดแม้แต่นิดเดียว คตส.ซึ่งเป็นบุคคลที่พิเศษมากต้องค้นหาความผิดได้แน่นอน"

ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก