พปช. ล็อก 3 พรรค ตั้งรัฐบาล

จับ 3 พรรคเล็กชิงแถลงจัดตั้งรัฐบาล 254 เสียง


จับ 3 พรรคเล็กชิงแถลงจัดตั้งรัฐบาล 254 เสียง "สมัคร" โวย "มือที่มองไม่เห็น" สกัดตั้งรัฐบาล-อำนาจมืดบีบ กกต.แจกใบแดง "เลี้ยบ" เผยเตรียมยื่น กกต.ย้าย "พล.ต.ต.ชัยยะ" พ้น กก.สอบคดีทุจริต "เหลิม" แฉวางแผนแจกใบแดงที่โรงแรมย่านซังฮี้ ด้าน "เติ้ง" แย้ม "ชท.-พผ." ไม่มีปัญหาร่วมรัฐบาล ใจอ่อนหลังน้องเขยแม้วบุกทาบถึงเตียง "เพื่อแผ่นดิน" ยังกั๊ก ให้รอวันที่ 2 ม.ค. "ชวน" ฟันธงรัฐบาลผสมหลายพรรคมีปัญหาระยะยาว

ภายหลังผ่านวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม มาเป็นเวลา 9 วัน ในที่สุดก็มีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลขึ้น เมื่อพรรคพลังประชาชนล็อกตัวแกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช แถลงจัดตั้งรัฐบาล 254 เสียงขึ้น


โดยการแถลงข่าวดังกล่าว มีขึ้นที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค


โดยการแถลงข่าวดังกล่าว มีขึ้นที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค เมื่อเวลา 14.00 น.โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และแกนนำพรรคพลังประชาชน อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายนพดล ปัทมะ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รวมทั้งแกนนำจาก 3 พรรค เดินทางมาเตรียมแถลงข่าว

ทั้งนี้ นายสมัครและแกนนำพรรคพลังประชาชนเดินทางมาตั้งแต่ 13.00 น. เพื่อรอต้อนรับแกนนำพรรคการเมืองที่จะมาร่วมรัฐบาล โดยพรรคแรกที่มาถึงคือ พรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยมีนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน และ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรค เข้าร่วมแถลงข่าว

จากนั้น นางอุไรวรรณ เทียนทอง แกนนำพรรคประชาราช มาแทนนายเสนาะ เทียนทอง ที่เดินทางไปประเทศอินเดีย โดยนางอุไรวรรณมาพร้อมด้วย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ตามด้วยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา จากนั้นทั้งหมดขึ้นไปหารือกันที่ชั้น 2 ของโรงแรม ท่ามกลางสื่อมวลชนหลายสำนักมารอทำข่าว

ต่อมาเวลา 14.00 น.นายสมัคร พร้อมด้วยนายประดิษฐ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นางอนงค์วรรณ เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย และนางอุไรวรรณ ตัวแทนพรรคประชาราช ร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล


ขอย้ำว่าที่บอกว่าการตั้งรัฐบาล 254 เสียง เพราะ 3 คนโดนใบแดง


นายสมัคร แถลงว่า 3 พรรคที่มานั่งแถลงในวันนี้ เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการและชอบด้วยกฎหมาย เดิมนั้นตั้งใจแถลงข่าวหลังจาก กกต.ประกาศรับรอง แต่บรรยากาศไม่สู้ดี คนที่อยู่นอกวงการเมืองที่มีอยู่จริง ไม่อยากให้การตั้งรัฐบาลสำเร็จ ต้องการยื่นมือเข้ามาทำให้วงการตั้งรัฐบาลกระทบกระเทือน

นายสมัคร กล่าวว่า ที่จำเป็นต้องทำเรื่องนี้ เพราะบัดนี้กระบวนการที่มีอยู่จริงและไม่อยากให้กระบวนการตั้งรัฐบาลสำเร็จ ตนแถลงไปแล้วว่า เห็นใจและขอบคุณ กกต. แต่มือที่มองไม่เห็นมือนั้น ที่รัฐมนตรีคนหนึ่งพูดออกมาว่าจะช่วยตั้งรัฐบาล แต่มือที่มองไม่เห็นนั้น ต้องการให้การตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ และมือนั้นเป็นบุคคลที่มองเห็นตัว และสร้างความประหลาดโดยส่งตำรวจไปเป็นกรรมการชุดพิเศษ และนายตำรวจคนนั้นคลุกคลีตีโมงกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปดำเนินการใน จ.เชียงราย อุดรธานี หนองคายและหลายจังหวัด มีเป้าหมายที่จะยุบพรรคพลังประชาชน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนที่มีบทบาทและเคยทำให้พรรคไทยรักไทยถูกยุบสำเร็จแล้ว ทำถึงขนาดจะลากให้เกี่ยวพันกับกรรมการบริหารพรรค หากสถานการณ์นี้ เราไม่ช่วย กกต.ด้วยการประกาศว่ามีอำนาจข้างนอกเข้ามาบีบ ก็คงจะลำบาก

“ขอย้ำว่าที่บอกว่าการตั้งรัฐบาล 254 เสียง เพราะ 3 คนโดนใบแดง ยังไม่ไปถึงกฤษฎีกา แต่แม้จะมี 151 เสียงก็ยังตั้งได้ เพื่อประกาศให้มือสกปรกข้างนอกที่จะขึ้นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลว เราจะบอกว่าเราทำไปเพื่อรักษาเกียรติยศชื่อเสียงของ กกต.ไม่ให้อำนาจมืดบีบบังคับ ที่บอกว่า 254 เสียงปริ่มน้ำ แล้ว 247 เสียง ตั้งได้ไหม เราจะดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยและได้ตกลงกับ 3 พรรคแล้วว่า ตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่า 3 พรรคไม่โดนอุปโลกน์ ก็ขอให้ได้พูดบ้าง" นายสมัคร กล่าว


3 พรรคตอบรับอ้างปชช.เลือกข้างแล้ว


จากนั้นนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวว่า พรรคยินดีมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยเหตุผลนั้นขอให้เข้าใจว่า เสียงที่ประชาชนมอบให้พรรคพลังประชาชนท่วมท้นมาก เป็นเสียงที่ต้องเคารพและรับฟังประชาชน กระบวนการต่างๆ นั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชาชน

ขณะที่ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า เท่าที่ได้รับเชิญจากนายสมัคร และ นพ.สุรพงษ์ รู้สึกว่าพรรคพลังประชาชนให้เกียรติพรรคและทำให้ตัดสินใจไม่ยากในการเข้าร่วมรัฐบาล

"เดิมนั้นพรรคมัชฌิมาธิปไตยเคยคิดว่าจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แต่ประชาชนทั่วประเทศตัดสินใจไปแล้ว พรรคก็ยึดเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นพรรคพลังประชาชนมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคยินดีสนับสนุน" นางอนงค์วรรณ กล่าว

ส่วนนางอุไรวรรณ เทียนทอง ตัวแทนพรรคประชาราช กล่าวว่า ในฐานะสมาชิกพรรคประชาราชที่ได้รับมอบหมาย พรรคพลังประชาชนได้รับฉันทามติจากประชาชนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยนั้น ต้องให้โอกาสที่พรรคได้รับฉันทามติมากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาราชได้รับเลือกตั้งจำนวนหนึ่งก็ยินดีสนับสนุนพรรคพลังประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล

จากนั้นนายสมัคร กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนยังไม่ปิดประตูสำหรับพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินที่จะมาเข้าร่วมรัฐบาล และเชื่อมั่นว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จเพราะหากไม่เชื่อมั่นคงไม่มานั่งแถลงข่าว

เมื่อถามว่า เชื่อเรื่องที่มีมือมองไม่เห็นนี้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า แน่นอน เพราะตน นพ.สุรพงษ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็เชื่อทั้งนั้น มันผิดปกติแต่จะไม่วิจารณ์ เพราะเห็นใจ กกต. เพราะคนที่ทำนั้น หน้าตาคล้ายๆ กับ คตส.คนหนึ่ง แต่สูงกว่า

เมื่อถามว่า หาก กกต.แจกใบแดงจำนวนมากให้พรรคพลังประชาชนนั้น จะทำอย่างไร นายสมัคร ย้อมถามผู้สื่อข่าวว่า ”รู้ได้อย่างไรว่าจะมีเยอะ แหล่งข่าวมาจากไหน จากประชาธิปัตย์เหรอ”

ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่า กกต.ระบุว่า สำนวนสอบสวนการทุจริตเลือกตั้งมีกว่า 100 สำนวน นายสมัคร ย้อนว่า ขอประกาศว่าอะไรจะเกิดก็เกิด เรามีศักดิ์ศรี หากไม่ประกาศจุดยืนแล้วให้พรรคที่มี 165 เสียงเล่นเกมบิดไปบิดมาและขอรับผิดชอบในสิ่งที่พูดวันนี้ และ 3 พรรคที่มาร่วมแถลง ยืนยันพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด 247 เสียงจะเป็นรัฐบาล

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ 3 พรรคเคยหาเสียงโจมตีพรรคพลังประชาชน ว่าพรรคพลังประชาชน คือ นอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฉะนั้นขอถามตัวแทน 3 พรรคว่า เหตุใดจึงมาร่วมงานกับพรรคพลังประชาชน นายสมัคร กล่าวแทรกขึ้นมาว่า ตนไม่ได้ยิน 3 พรรคนี้พูดว่าตนเป็นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ และการเป็นนอมินีมันเสียหายอย่างไร

เมื่อถามว่า ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าจะมี 3 พรรคเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ฉะนั้น อยากให้ 3 พรรคยืนยันในเรื่องนี้ว่า ส.ส.ของทุกพรรคจะยกมือให้นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัคร ตอบอย่างหงุดหงิดว่า ”ถามอะไรโง่ๆ แบบนี้ เป็นคำถามโง่เง่าที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา แล้วก็บอกว่านายสมัคร พูดจาหยาบคาย”


ขอให้ทั้ง 3 พรรคตอบด้วย


ผู้สื่อข่าวถามว่า ขอให้ทั้ง 3 พรรคตอบด้วย นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ”ที่มาวันนี้ก็ชัดเจนแล้วครับ”

เช่นเดียวกับ นางอุไรวรรณ กล่าวตอบว่า “ก็มีชัดเจนแล้วค่ะ” และนางอนงค์วรรณ กล่าวว่า “เช่นเดียวกันค่ะ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ตัวแทน 4 พรรคร่วมกันแถลงจับมือตั้งรัฐบาลนั้น ประชาชนที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชน บางรายใส่เสื้อสีแดง สกรีนข้างหลังว่า “รักทักษิณ ใครจะทำไม” ต่างโห่ร้องและตบมือแสดงความชอบใจในช่วงที่นายสมัครแถลงข่าวเป็นระยะ และยังตะโกนออกมาหลายครั้ง เช่น สุเทพ(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์) ไปนอนได้แล้ว หยุดเคลื่อนไหวได้แล้ว และสื่อที่มาถามแบบนี้ รับจ้างใครมา

รายงานข่าวแจ้งว่า การแถลงข่าวในวันนี้นั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงกำหนดการที่เดิมนั้น จะแถลงข่าวในวันที่ 4 มกราคม 2551 แต่หลังจากที่ กกต.ให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ไปแล้ว และมีท่าทีว่าพรรคพลังประชาชนจะโดนใบแดงมากที่สุด เพราะ กกต.ระบุว่า จะมีใบแดง 60 ใบนั้น เรื่องนี้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สบายใจและเกรงว่า 3 พรรคนี้อาจจะเปลี่ยนขั้วทางการเมืองและไปร่วมจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ พ.ต.ท.ทักษิณจึงให้แถลงข่าวในวันนี้ เพื่อบีบ 3 พรรคให้แสดงจุดยืนว่า มาร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนแน่นอน และจะเป็นการกดดันการทำงานของ กกต.ด้วยว่า ไม่ว่าอย่างไรเสียพรรคพลังประชาชนคือพรรคที่มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคโดนใบแดงมากๆ นั้น แสดงว่า พรรคโดนรังแกและสกัดกั้นไม่ให้เป็นรัฐบาล เพื่อขอความเห็นใจจากสังคมและนานาชาติ ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้โดนอำนาจมืดแทรกแซง


"สมัคร"แฉมีการอาศัยมือ กกต.ป่วน


ผู้สื่อข่าวรายงานก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 10.00 น.นายสมัคร ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรคพลังประชาชน เพื่อหารือกรณีว่าที่ ส.ส.ของพรรค 3 คนในพื้นที่เขต 1 จ.บุรีรัมย์ ถูกใบแดงจาก กกต.

นายสมัคร กล่าวว่า จะมาบอกให้ฟังว่า เราเป็นพรรคการเมืองเมื่อเลือกตั้งมาแล้วเราก็พร้อมรับกติกา แต่เมื่อมีอะไรผิดปกติก็ต้องตะแคงหูฟังคำวิจารณ์ จนถึงวันนี้ ก็ยังมั่นใจใน กกต.ใครจะประโคมข่าวอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะจังหวัดไหนก็ตาม มีความพยายามจากคนนอก อยู่นอกวงการเมืองด้วยซ้ำก็เห็นใจ กกต. ที่มีอะไรก็แล้วแต่เข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ และจากคำให้การของพรรคพวกว่า ตลอด 7 วันที่มีการสอบสวน มันมีความผิดปกติเพราะมีความพยายามที่จะอาศัยมือและสถานะของ กกต. ทำให้เกิดความปั่นป่วนทั้งวงการ ทั้ง จ.เชียงราย อุดรธานี และหนองคาย จึงไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างสถานการณ์เอาผู้คนมาสอบปากคำ มันประหลาด ฟังแล้วเป็นทุกข์แทน กกต.

"และที่แปลกใจคือคนที่เกี่ยวข้องกับคณะปฏิวัติ มาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อว่า เชื่อมั่นว่าพรรคการเมืองที่ได้ 233 เสียง จะไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่พรรคที่ได้น้อยกว่าจะได้เป็นรัฐบาล เพราะมีมือคนที่อยู่ข้างนอกคอยจัดการให้ ซึ่งไปสอดคล้องกับคนที่ได้คะแนนเลือกตั้งน้อยกว่าเรา ที่ออกมาแสดงท่าทางดีใจ" นายสมัคร กล่าว

หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในเขต กทม. ก็มีความผิดปกติ ซึ่งเราก็ฝากความหวังไว้ที่ กกต.ว่า จะดูแลอย่างไร ไม่อยากวิจารณ์ แต่ที่ขอไปก่อนหน้านี้ เรื่องของผลคะแนนก็ยังไม่ได้ แต่ กกต.ใหญ่บอกว่าจะต้องผ่าน 60 วัน ซึ่งเราก็รอไม่มีปัญหา รอเพื่อที่จะได้ฉีกหน้าใครบางคน ตนรอได้ ก็ต้องฝากความหวังไว้กับ กกต. และที่เชื่อมั่นว่าเราเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน และที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็เพราะ กกต.ได้ประคับประคองไว้ แต่มีคนจากภายนอกมาดำเนินการทำให้กระทบกระเทือน ซึ่งเป็นความเสียหายกับการเลือกตั้ง

"ดังนั้น ใครที่กำลังดำเนินการใดๆ ก็ตาม ที่ไม่ได้มาจากคำสั่งของ กกต. แต่เป็นอำนาจจากข้างนอก ไปกระทำการอันน่าเกลียด ไปกระทำการที่เชียงราย เพราะลูกเขยใครบางคนไม่ได้รับเลือกตั้ง ตำรวจในปัจจุบันหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ไปดูคนที่เข้าลิฟต์เมื่อคืนนี้ ที่ทำให้เกิดความยุ่งยาก เราก็เลยตัดสินใจวันนี้ บ่ายสองโมงจะแถลงประกาศตั้งรัฐบาลก่อนขึ้นปีใหม่ และไม่ปิดประตูที่ใครจะตามมาทีหลัง จะอ้างว่าตัดสินใจแล้วก็ไม่ว่า โดยจะประกาศตั้งใช้ตัวเลข 254 เสียง จะเหลือ 251 ก็ไม่เป็นปัญหา ยังตั้งได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ลบเพราะยังไม่ไปถึงกฤษฎีกา" นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร กล่าวอีกว่า หลังจากประชุมวันนี้เราก็จะกล้ำกลืนความกระทบกระทั่งว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้คนทั่วโลกเขามาดู ยกย่องชมเชย บอกว่าเรียบร้อย มันต้องได้รับการจัดตั้งเป็นรัฐบาลเมื่อดูตัวเลขแล้ว ตนจะอดทน แต่ที่จะบอกให้ฟังเมื่อครั้งไปหาเสียงปรากฏว่ามีหนังสือเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า "ก้อนกรวดในรองพระบาท" เมื่อเห็นหนังสือแล้วใจหาย ไม่กล้าเปิดอ่าน จึงขอบอกให้รู้ว่าใครจะทำอะไรอยากให้สำนึกบ้าง พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง 233 เสียง ไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล เราจะดำเนินการตามกระบวน แต่ว่าไม่ใช่การท้าทาย

เมื่อถามว่าคนที่อยู่ภายนอก ที่เอ่ยถึงเป็นบุคคลเดียวกับที่ทำหนังสือเล่มนี้ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่กล้าเปิด แต่เห็นชื่อ และเป็นบุคคลที่มีตำแหน่ง


ยื่นกกต.เปลี่ยนตัวพล.ต.ต.ชัยยะ


นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เปิดเผยขณะรอต้อนรับตัวแทนพรรคการเมืองว่า การเชิญรวมพรรคมาในวันนี้ ไม่ได้เพื่อกดดันพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินเพื่อให้ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล และการนัดหารือวันนี้ก็ไม่เกี่ยวกับกรณีที่ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ทั้ง 3 คน ถูก กกต.ให้ใบแดง

เมื่อถามว่าการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้พิจารณาเปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล จากการเป็นคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตของ กกต.นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคร่างหนังสือเป็นที่เรียบร้อย โดยจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคมนี้

ด้าน พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า การประกาศจัดตั้งรัฐบาลที่เร็วกว่ากำหนดที่เคยกำหนดไว้ว่าจะเป็นวันที่ 4 มกราคมนั้น ไม่ได้เป็นการแก้เกมการเมือง เพราะเกมนี้เป็นเกมของพรรคพลังประชาชน เพราะเรามั่นใจว่าจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ ในวันนี้เมื่อเราสามารถจัดตั้งได้ 254 เสียง เราก็ต้องประกาศให้ประชาชนรู้ ส่วนพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินนั้นเราไม่ได้แจ้งล่วงหน้า และยังไม่จำเป็นต้องไปคุยตอนนี้ เพราะเขาก็ประกาศแล้วว่าจะแถลงในวันที่ 2 มกราคม


"อ๋อย"ฉลองปีใหม่ไม่ลงหลังพปช.แดงว่อน


นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เปิดแถลงข่าววิจารณ์กรณี กกต.แจกใบแดงให้แก่ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ว่า วันนี้เป็นวันสิ้นปี ตนควรจะไปอวยพรหรือฉลองปีใหม่ แต่ก็ต้องมาให้ความเห็นในเรื่องการเมือง ที่ผ่านมา กกต.ให้ใบแดงผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจากพรรคพลังประชาชน 3 ใบ และมีแนวโน้มที่จะมีการให้ใบแดงมากขึ้น ซึ่งเห็นว่าการแจกใบแดงไม่มีเหตุผลและหลักฐานที่ชัดเจน อีกทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์เข้าชี้แจง ซึ่งขัดต่อหลักการในกระบวนการยุติธรรม

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า หากปล่อยให้มีการแจกใบแดงตามอำเภอใจ โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกตัดสิทธิ์เข้าชี้แจง อาจจะมีผลถึงขั้นเปลี่ยนแปลงพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคพลังประชาชนอาจมีคะแนนน้อยลง ซึ่งจะมีผลให้เกิดการเปลี่ยนขั้วการจัดตั้งรัฐบาล เท่ากับว่าผู้กระทำการรัฐประหารมีบทบาทในการกำหนดรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ผ่าน กกต.4 คน จากนี้ไปจึงเรียกร้องให้สังคมติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ไม่ให้ กกต.เป็นเครื่องมือของผู้ทำรัฐประหาร หักล้างมติมหาชนที่ให้คะแนนพรรคพลังประชาชนมาอย่างท่วมท้น ตอนนี้จะเรียกร้องให้ กกต.ลาออกก็ทำไม่ได้ จึงขอแนะนำว่า กกต.ไม่ควรให้ใบแดงใครเลย ส่วนใบเหลืองนั้นให้ได้บ้าง แต่ต้องทำด้วยความโปร่งใส จากนั้นต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้วรวบรวมหลักฐานเรื่องการให้ใบแดงส่งให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาแทน ซึ่งทางเลือกดังกล่าวจะทำให้ปราศจากข้อสงสัยว่า กกต.ฝักใฝ่การรัฐประหาร

“เรื่องที่ผมพูดวันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการทำลายประชาธิปไตย หากปล่อยไว้การปกครองในระบอบเผด็จการจะคงอยู่ต่อไป จะเกิดความอาฆาตมาดร้ายในสังคม ซึ่งเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง เราจึงต้องร่วมกันเรียกร้องไม่ให้ กกต.สร้างหายนะแก่บ้านเมือง คืนนี้เรากำลังจะเคานท์ดาวน์ แต่ กกต.กำลังจะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง แล้วเราจะฉลองปีใหม่กันได้อย่างไร” นายจาตุรนต์ กล่าว


"เฉลิม"แฉวางแผนใบแดงโรงแรมย่านซังฮี้


ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคพลังประชาชน กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย เอฟเอ็ม 98 เมกะเฮิรตซ์ กรณีที่ กกต.ให้ใบแดง ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคพลังประชาชนแบบยกทีม และตำรวจสันติบาลที่เข้ามาทำหน้าที่สอบสวนนั้น ไม่ทราบว่า กกต.มีคำสั่งขอตัวให้มาช่วยงานหรือไม่ และยังทราบว่ามีนายพลตำรวจคนหนึ่งใกล้ชิดแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงไม่รู้ว่าจะเป็นกลางหรือไม่ ตนไม่รู้ว่าทำไม กกต.ให้ความสำคัญและเร่งรัดกับการให้ใบแดงในช่วงนี้ และทำไมสอบสวนฝ่ายเดียว ไม่มีการสอบสวนผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชนในฐานะผู้ถูกกล่าวหาเลย แบบนี้ยุติธรรมแล้วหรือ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพูดว่า จะมีใบแดง 60 ใบนั้น ทำไมมันสอดรับกับที่มีข่าวว่า กกต.จะให้ใบแดงพรรคพลังประชาชนในจำนวนใกล้เคียงกันด้วย หากตัดสินแบบนี้จะออกใบแดง 1,000 ใบก็ได้ และทำไมยังมีการส่งตำรวจสันติบาล 300-400 นาย ลงพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน และตนยังทราบว่ามีคนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ไปวางแผนเรื่องใบแดงกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านซังฮี้ ทำไมเรื่องแบบนี้ตนถึงรู้

เมื่อถามว่า หากพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงเยอะ จะเป็นความระส่ำระสายในการตั้งรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หากโดนใบแดง มันก็เรือล่มในหนอง เพราะพรรคต่างๆ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากชาวอีสานและชาวเหนือจะไม่เลือกพรรคนั้น และจะเลือกพรรคต่างๆ ได้ เช่น พรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะพรรคนั้นไปหาเสียงว่าจะมาร่วมรัฐบาล และจะพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน และ ส.ส.พรรคเหล่านั้นก็เป็นคนแก่จากพรรคไทยรักไทย แม้แกนนำพรรคบางคนส่วนหนึ่งไม่อยากมา แต่ตอนนี้อำนาจอยู่ที่ ส.ส.แล้ว และใครที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเลข ส.ส.แบบนี้เพื่อให้ย้ายไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ก็ขอให้หยุด มันไม่มีผล เพราะประชาชนไม่ยอมรับ


"เติ้ง" ใจอ่อนหลังน้องเขยแม้วทาบถึงเตียง


เวลา 07.30 น. วันที่ 31 ธันวาคม นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เปิดบ้านพักในซอยจรัญสนิทวงศ์ 55 ต้อนรับแกนนำและสมาชิกพรรคชาติไทย ตลอดจนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ที่เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยบรรยากาศครึกครื้น แจ่มใส มีการจัดซุ้มอาหารคาวหวาน เลี้ยงรับรองแขกอย่างเพียบพร้อม

ส่วนแกนนำคนสำคัญที่เข้าอวยพรปีใหม่ อาทิ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายจองชัย เที่ยงธรรม นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย รวมถึงนายสนธยา คุณปลื้ม และผู้สมัคร ส.ส.กลุ่มชลบุรี แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีตัวแทนของพรรคการเมืองอื่นปรากฏตัวในวันนี้

นายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อคืนวันที่ 28 ธันวาคม ที่เข้าโรงพยาบาลรามาธิบดี ตอนนั้นความดันขึ้นสูงถึง 170 มีอาการวิงเวียนศีรษะมา 2 วันแล้ว แต่ไม่มาก และเมื่อวันที่ไปทานข้าวที่บ้านนายสุชาติ ตันเจริญ ตนมีอาการเวียนศีรษะมาก จึงคิดว่าควรเข้าไปตรวจเช็กร่างกาย และทานยาแก้ความดัน นอนให้น้ำเกลือ เช้าน่าจะดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลได้ กระทั่งเวลาล่วงมาถึง 21.00 น. ตนรู้สึกตกใจไม่คาดคิดว่าทางพรรคพลังประชาชนจะส่งตัวแทนมาเกือบ 10 คน ภายใต้การนำของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) พร้อมด้วย พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค มาเยี่ยมถึงเตียงนอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสมชาย เป็นคนมีอัธยาศัยดีมาก ไม่ก้าวร้าว พูดจาอ่อน นิ่ม เรียนเชิญพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อให้เกิดความมั่นคง พี่น้องประชาชนจะได้เกิดความหายคลายกังวล เศรษฐกิจจะได้ดีขึ้น และข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ ทางพรรคพลังประชาชนก็บอกว่ารับได้ ทำได้ และคิดว่าคนไทยทุกคนก็รับตรงนี้แล้ว ทุกอย่างถ้าทำได้ก็เกิดความสามัคคีความปรองดอง ความเสมอกันในชาติ


มัดเพื่อแผ่นดินตอบรับเป็นนัยแล้ว


"ตอนนี้อาการมึนหัวก็คลี่คลายไปแล้ว ดังนั้นคิดว่าในวันที่ 2 มกราคม จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และหารือร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน และจะประกาศในเย็นวันนั้นเลย ซึ่งเท่าที่ทราบ พรรคเพื่อแผ่นดินก็ตอบรับเป็นนัยอยู่แล้ว และพรรคชาติไทยก็บอกเป็นนัยเช่นกัน ตอนนี้สื่อมวลชนก็เขียนข่าวมั่วไปหมด ถ้าขืนนานไปพรรคชาติไทยก็จะกลายเป็นปลาไหลมากขึ้น ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ไปเขียนว่าพรรคชาติไทยต่อรอง 7-8 ตำแหน่ง นั่งเทียนเขียนกันไปหมด" นายบรรหาร กล่าว

นายบรรหาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าพรรคชาติไทยจะได้อัตราส่วนเท่าไร เพียงแต่ยกตัวอย่างให้ฟัง บางที 6 ต่อ 1 หรือ 7 ต่อ 1 ก็มี หรืออาจเป็น 9 ต่อ 1 ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเลขของแต่ละพรรค เพราะฉะนั้น คนที่บอกว่าจะได้เท่านั้นเท่านี้ขอให้แก้ข่าวให้ด้วย ตนได้แต่ต่อว่า แต่ไม่ได้ด่าใคร ไม่ก้าวร้าวใครด้วย

นายบรรหาร ยังกล่าวถึงกรณีที่มองกันว่าการร่วมรัฐบาลหลายพรรคจะมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพ ว่า อยู่ที่ใครเป็นคนควบคุม ตรงนี้สำคัญ สมัยตนมีปัญหา อยู่ได้แค่ปีกว่า เพราะฉะนั้น อยู่ที่การควบคุมว่าจะพูดกับพรรคโน้นพรรคนี้อย่างไร ต้องเอาอกเอาใจกันบ้าง เหมือนกับหญิงสาว เมื่อฝ่ายหญิงโกรธฝ่ายชายต้องโอ้โลมปฏิโลมกันนิดหน่อย แต่ถ้าทุบตีก็เลิกร้างกันไปเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ใหม่จะไม่เกิน 6 เดือน นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นความคิดของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน เมื่อเป็นรัฐบาลก็อยากให้อยู่ยาว ไม่ต้องการให้อยู่สั้น ไม่เช่นนั้นการลงทุนต่างๆ ก็แย่

หัวหน้าพรรคชาติไทยปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ว่า เคยระบุว่าจะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ที่เคารพมา 30 ปี ผิดหวัง โดยบอกว่า "มาอีกแล้ว ไม่เอาแล้วขอไม่ตอบ เอาคำสร้างสรรค์ได้หรือไม่ จะให้ผมไหว้เลยมั้ย"


"พ่องูเห่า"ยันเพื่อแผ่นดินไม่มีงูเห่า


นายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่ว่า ในวันที่ 2 มกราคมนี้ จะนัดหารือกับพรรคชาติไทย เพราะพรรคพลังประชาชนได้มาทาบทามเพื่อร่วมรัฐบาลเช่นกัน ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่จะเข้าร่วมรัฐบาลนั้น ตอนนี้ยังไม่มี เพราะต้องเอาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร หากจะเป็นฝ่ายค้านก็ไม่น่ารังเกียจ

ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน แถลงร่วมกับพรรคเล็กในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะเป็นการกดดันพรรคเพื่อแผ่นดินในการตัดสินใจหรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า คงไม่กดดัน เพราะการทำงานการเมืองไม่ใช่เรื่องการกดดัน ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินจะต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณพรรคพลังประชาชนที่ให้เกียรติพรรคเพื่อแผ่นดินมาทาบทามถึงบ้าน เราก็ต้องให้เกียรติเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลหลักที่จะทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลคืออะไร นายวัฒนา กล่าวว่า เป็นแนวทาง 5 ข้อที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แถลงไปแล้ว หากปฏิบัติก็เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ประชาชนทั่วไปก็คงดีใจ ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร และปัจจัยสำคัญอีกอย่าง คือ ให้เศรษฐกิจดี ให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข

เมื่อถามว่าใบเหลืองใบแดงมีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้แต่ละพรรคการเมืองถือว่ายังไม่สมบูรณ์ กกต.เพียงแต่ประกาศแต่ยังไม่รับรอง จึงยังไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริงของจำนวน ส.ส. ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าน่าจะให้ตัวเลขจำนวน ส.ส.หยุดนิ่งแน่นอน ก่อนตัดสินใจร่วมรัฐบาล

ต่อข้อถามว่าเหตุการณ์ “งูเห่า” ในอดีตจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ในพรรคเพื่อแผ่นดิน นายวัฒนา กล่าวว่า “ผมเป็นพ่องูเห่า แล้วใครจะมาเป็น”

ด้านนายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดินกล่าวในเรื่องเดียวกันว่า เมื่อเขาเชิญมาเราก็รับเทียบเชิญเขาแล้ว วันนี้จึงไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เข้าใจว่าการแถลงข่าวครั้งนี้คงเป็นไปตามตารางเวลา ที่ได้ติดต่อเจรจากันไว้ของแต่ละพรรค วันนี้เป็นในส่วนของพรรคเล็ก ไม่เกี่ยวกับเรา อีกทั้งช่วงปีใหม่ผู้ใหญ่ของพรรคก็เดินทางไปทำบุญในช่วงปีใหม่ ส่วนของเราจะแถลงวันที่ 2 มกราคม ตามที่ได้ประกาศไว้

“แกนนำทั้งสามคน ได้แก่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค นายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรค และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานที่ปรึกษาพรรค จะมีการร่วมหารือกันที่บ้านนายวัฒนาในช่วงเช้าวันที่ 2 มกราคม และช่วงบ่าย พรรคจะจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อจะนำเข้าเสนอที่พรรคพลังประชาชนที่ได้เชิญพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น ผมจึงอยากจะให้รอฟังการตัดสินใจในวันดังกล่าวก่อน” โฆษกพรรค กล่าว


"ชวน" ชี้รัฐบาลหลายพรรคมีปัญหาแน่


นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจว่าพรรคพลังประชาชน เข้าข่ายที่ กกต.จะให้ใบเหลือง ใบแดงอย่างน้อย 30 กว่าเขตเลือกตั้ง เพราะนำวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปแจกระหว่างการหาเสียง ทั้งภาคเหนือและภาคอีสานว่า การเตรียมเอาผิดนักการเมืองที่ทุจริตเลือกตั้งนั้น กกต.คงเอาผิดได้ยาก เพราะขณะนี้เพิ่งสามารถให้ใบแดงผู้สมัครที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้เพียง 3 คนเท่านั้น เพราะนอกจากกลุ่มคนดังกล่าวจะทำเป็นขบวนการแล้ว ยังเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อด้วย เพราะพยานหลักฐานหาได้ยาก และไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน

ส่วนกรณีที่ กกต.ทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนของ กกต.นั้น นายชวน กล่าวว่า กำลังเจ้าหน้าที่ กกต.มีอยู่จำกัดจึงไม่เพียงพอ เพราะเป็นการเร่งรัดเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ให้ทำอย่างเร่งด่วน ดังนั้นความจำเป็นที่ต้องให้หน่วยงานอื่นมาช่วยจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่อาจจะทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค นายชวน กล่าวว่า ในระยะยาวอาจมีปัญหา ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับผู้นำรัฐบาลว่าจะมีหลักการบริหารงานอย่างไร ถ้าบริหารงานไม่ดีเหมือนรัฐบาลในอดีตที่ได้เสียงข้างมากพรรคเดียว จึงกล้าทำผิดกฎหมาย เกิดความย่ามใจทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่คนเหล่านั้นก็ได้รับบทเรียนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คนกลุ่มนั้นยังมีอำนาจในการสั่งการอยู่ ดังนั้นหากทุกฝ่ายเริ่มต้นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง การบริหารงานก็จะเดินหน้าไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ควรพิจารณาตัวเองอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ไว้ให้นายอภิสิทธิ์ เป็นคนชี้แจงเอง แต่คิดว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทำนั้นประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายเกือบทั้งหมด เพราะได้จำนวน ส.ส.ครบตามเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้ พรรคการเมืองต้องเป็นได้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน จึงจะถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง ไม่ใช่ว่าเมื่อจะต้องเป็นฝ่ายค้านแล้วหัวหน้าพรรคต้องลาออก และไม่กลัวว่าจะถูกโดดเดี่ยวในฐานะฝ่ายค้านพรรคเดียว

ปชป.ปัดสนิท ตร.ใกล้ชิดพันธมิตร

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต.ว่า เป็นการกระทำที่ปากกับใจไม่ตรงกัน จนทำให้เกิดการสับสนในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่ กกต.ไม่ได้ใช้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนของ กกต. แต่ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิเศษจากสันติบาลเข้ามาทำสำนวน ทั้งยังมีการพูดเชื่อมโยงถึงนายตำรวจยศ พล.ต.ต.นายหนึ่งว่า มีความใกล้ชิดกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าไม่มีความใกล้ชิดสนิทสนมนายตำรวจคนนี้เป็นการส่วนตัว หรือนายตำรวจระดับนายพลคนใดทั้งสิ้น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่มีนายตำรวจเข้ามาทำสำนวนการสืบสวนสอบสวนของ กกต.ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งช่วงที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ก็มีนายตำรวจเข้ามาทำสำนวนการสืบสวนสอบสวนด้วยเช่นกันคือ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยตั้งแง่หรือตั้งข้อกล่าวหาใครในการทำสำนวนการสอบสวน สุดท้ายผลงานก็เป็นที่ประจักษ์เมื่อ พล.ต.อ.ชิดชัย ได้ดิบได้ดี ทั้งนี้ หากพรรคพลังประชาชนเห็นว่าการกระทำของ กกต.ชุดนี้ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม สามารถที่จะยื่นเรื่องให้กระบวนการยุติธรรมหรือศาลเป็นผู้พิสูจน์ข้อเท็จจริง

นายสุเทพยังกล่าวถึงการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนและสามพรรคเล็กว่า การออกมาแถลงข่าวเช่นนี้ก็ดี เพราะทำให้เห็นความชัดเจนมากขึ้น แต่ต้องติดตามต่อไปว่าวันนี้มีอยู่ 251 เสียง เพราะโดนใบแดงไปแล้ว 3 ใบ พรุ่งนี้ถ้าเจอใบแดง ใบเหลืองอีกจะเหลือเท่าไร ตนชี้แจงตั้งแต่แรกแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ได้ เป็นรัฐบาลก็ได้ เรื่องที่จะเป็นรัฐบาล เพราะอยากทำวาระประชาชน ส่วนเรื่องที่เป็นฝ่ายค้านไม่ต้องซ้อมเลย เพราะเราถนัดอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเชื่อมีใบแดงอีก 7-8 ใบในเชียงราย นายสุเทพ กล่าวว่า จากที่ได้ติดตามข่าวสาร พบว่าขณะนี้มีการร้องเรียนการทุจริตและซื้อเสียงเลือกตั้งในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ จ.หนองคาย อุดรธานี ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ร้องเรียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด โดยเฉพาะการแจกวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยหาเสียง รวมถึงกรณีที่พรรคพบหลักฐานว่าผู้บริหารพรรคพลังประชาชนบางคน ได้จ้างกำนันและนักการเมืองท้องถิ่นช่วยหาเสียงในพื้นที่ จ.เชียงราย ทั้ง ส.ส.แบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งจากเอกสารดังกล่าวส่วนตัวเห็นว่าน่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างแน่นอน ถึงขนาดผู้บริหารพรรคการเมืองบางพรรค ยื้อเวลาการเข้าชี้แจงต่อ กกต.เพื่อหวังผลในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของ กกต.ที่จะต้องดำเนินการพิจาณาตามขั้นตอนเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทุกพรรค เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่เห็นสำนวนที่เพื่อน ส.ส.ผู้ร้องเรียนเอามาให้ดูในบางสำนวนเห็นว่า มีน้ำหนัก และเห็นว่าสำนวนเหล่านั้นมีโอกาสได้ใบแดงไม่ใช่ใบเหลือง เพราะมีหลักฐานและพยานชัดเจน ดังนั้น เชื่อว่าพรรคพลังประชาชนน่าจะมีคนที่ได้รับใบแดงอีก 7-8 ใบ ใน จ.เชียงราย จึงอยากให้ กกต.รีบดำเนินการ เพราะไม่อย่างนั้นจะได้นักการเมืองมือไม่สะอาด แล้วเข้ามายกมือโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสภา ก็จะได้นายกรัฐมนตรีที่ไม่สะอาดด้วย "ชัยวัฒน์"แฉม็อบเตรียมบุกเผากกต.

นายชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร เขต 3 บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากหลายแหล่งตรงกันว่าหลังปีใหม่บรรดาหัวคะแนนของพรรคพลังประชาชนจะเกณฑ์ประชาชนในพื้นที่บุรีรัมย์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปล้อมอาคารศรีจุลทรัพย์ เพื่อกดดัน กกต.ไม่ให้แจกใบแดงผู้สมัครจากพรรคพลังประชาชน โดยการชุมนุมดังกล่าวจะเป็นลักษณะเดียวกับคาราวานคนจนที่สวนจตุจักร แต่ครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจน คือ ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ และได้ยินว่าจะมีการขู่จะเผา กกต.ด้วย อย่างไรก็ตาม ขอให้ กกต.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา หากพื้นที่ไหนมีความผิดปกติจริงๆ อย่างเห็นได้ชัด ถ้าต้องแจกใบแดงก็ต้องแจกอย่าไปกลัว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม ชาวบ้านจาก 9 อำเภอ ได้แก่ อ.ชำนิ หนองหงส์ หนองกี่ ปะคำ โนนสุวรรณ นางรอง เฉลิมพระเกียรติ ละหานทราย และ อ.โนนดินแดง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.บุรีรัมย์ กว่า 300 คน ได้เดินทางเข้ามาถือป้ายชุมนุมที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้กำลังใจ กกต. หลังมีกลุ่มประชาชนร่วม 1,000 คน มาชุมนุมประท้วงค้านการวินิจฉัยให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส. พรรคพลังประชาชน เขตเลือกตั้ง 1 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยร้องขอให้ กกต.ยืนหยัดทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ผิดก็ว่ากันไปตามผิด เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ถือว่าการวินิจฉัยและประกาศให้ใบแดงดังกล่าว เป็นไปอย่างเอกฉันท์ เพราะได้ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งทุกขั้นตอน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์