พธม.แฉ 4กลุ่มเลียนเกสตาโปมุ่งฆ่า สนธิ-ชาญชัยสู่อำนาจ ขีดเส้นตาย 2สัปดาห์คดียิงถล่มไม่คืบขยับแน


"จิตตนาถ"แฉ4กลุ่มเลียนเกสตาโปใช้ชีวิต"สนธิ-ชาญชัย"ขึ้นสู่อำนาจ พธม.ให้โอกาสตร.2สัปดาห์หากคดีไม่คืบเคลื่อนไหวกดดัน "สนธิ" อาการดีขึ้นพักฟื้น 1 สัปดาห์ คนขับรถอาการยังร่อแร่สมองบวม บอกผ่านลูกชาย แค้นคนลงมือเหี้ยมโหด ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอก เตือนแกนนำพมธ.ยังหลงกลพวกไม่หวังดี

"จิตตนาถ"แฉ4กลุ่มเลียนเกสตาโปใช้ชีวิต"สนธิ-ชาญชัย"สู่อำนาจ
 
เมื่อเย็นวันที่ 18 เมษายน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตการเมืองบริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ระหว่างการชุมนุม นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายนายสนธิ กล่าวกับผู้ชุมนุมผ่านทางสถานีเอเอสทีวี ระบุว่า อย่าเพิ่งวางใจกับสถานการณ์ทางการเมือง แม้เสื้อแดงจะหลบอยู่ใต้ดินแล้ว แต่มีสงครามรูปแบบใหม่ เป็นสงครามจรยุทธ์ กลุ่มที่ต้องการสร้างฐานอำนาจใหม่ ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่
 
1.ตำรวจใหญ่ที่ใส่เกียร์ว่าง
 
2.ทหารที่ใส่เกียร์ว่าง
 
3.รัฐมนตรีคนหนึ่งปรารถนาจะได้ครุฑตัวที่สอง
 
และ 4.นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังมวลชนสีน้ำเงิน
 
กลุ่มเหล่านี้มีอันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากลุ่มเสื้อแดง และมีส่วนร่วมสร้างสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

นายจิตตนาถกล่าวว่า กลุ่มสร้างฐานอำนาจใหม่ยังจัดตั้งกลุ่มเกสตาโป เป็นกลุ่มล่าสังหาร จะสังเกตได้ว่ามีหัวหน้าตำรวจบางคนใส่เกียร์ว่าง ต้องการหาแพะเป็นผู้บงการและทำลายความเชื่อถือ มีเป้าหมายให้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลง รัฐบาลประกาศยุบสภา โดยกลุ่มสร้างฐานอำนาจใหม่จะได้ประโยชน์คือ อำนาจทหารและตำรวจตกอยู่ในมือ นักการเมืองเสื้อแดงพร้อมเปลี่ยนเป็นเสื้อน้ำเงินในทันที

 
"มีการวางแผนมานานหลายขั้น แล้วเอาชีวิตของนายสนธิ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ อดีตประธานศาลฎีกามาเป็นเหยื่อ นอกจากนี้แล้วจะเห็นได้ว่าในเหตุการณ์ที่เมืองพัทยา ทหารตำรวจเกียร์ว่างต้องการยืมมือเสื้อแดงมาเป็นแพะรับบาป คุณสนธิรู้ทัน แฉความสัมพันธ์ของกลุ่มนี้ คนกลุ่มนี้จึงต้องการกำจัดออกไป" นายจิตตนาถกล่าว

ลูกชายนายสนธิยังระบุอีกว่า ทหารตำรวจที่ใส่เกียร์ว่างและพยายามสร้างอำนาจใหม่ กำลังล้อมรั้วลวดหนามไม่ให้นักโทษชายเข้าประเทศ ชั้นในก็ล้อมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอาไว้ กลุ่มพันธมิตรต้องร่วมกันสกัดไม่ให้นายอภิสิทธิ์ตกเป็นเชลย

นายจิตตนาถยังแสดงความสงสัยในการตั้ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. คุมคดีลอบยิงนายสนธิ โดยระบุว่า พล.ต.อ.จงรักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายสนธิและกลุ่มพันธมิตรมาตลอด

 
พธม.ให้โอกาสตร.2สัปดาห์หากคดีไม่คืบเคลื่อนไหวกดดัน

ผู้สื่อข่าวภูมิภาค"มติชน" รายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 18 เมษายน ว่าที่ จ.ราชบุรี นายบุญส่ง ณรงค์ นายทศพล แก้วทิมา แกนนำกลุ่มพันธมิตร พร้อมสมาชิกประมาณ 100 คน ร่วมทำบุญสืบชะตาให้กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำที่ถูกคนร้ายลอบยิง ขณะที่ จ.นครราชสีมา ทันตแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ร่วมออกแถลงการณ์ประณามเหตุคนร้ายลอบยิงนายสนธิ

นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า เป้าหมายกลุ่มมือปืนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายสนธิเพื่อต้องการสร้างให้เกิดการจลาจล หรือยุทธการเด็ดยอด และรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาการคุ้มครองแกนนำพันธมิตรที่เหลือไม่ได้ กลุ่มพันธมิตรจะลุกฮือกดดันรัฐบาล อาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หากการสืบสวนของตำรวจยังไม่คืบหน้าภายใน 2 สัปดาห์ พันธมิตรแต่ละภูมิภาคจะมีมาตรการเคลื่อนไหวกดดันให้ทำงานเร็วขึ้น
นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยังคงบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะหากยกเลิกเมื่อใดแล้วจะทำให้เกิดการชุมนุมทางการเมืองขึ้นมาอีก

 

"จงรัก"ฟันธงทีมฆ่า"สนธิ"มากกว่า5คน

สำหรับความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ  บริเวณถนนสามเสน ใกล้สี่แยกบางขุนพรหม แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศใช้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ในสถากนการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ได้บาดเจ็บพร้อมนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถซึ่งบาดเจ็บสาหัส และนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ เลขานุการและการ์ประจำตัวบาดเจ็บเล็กน้อย  เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 17 เมษายนและทั้งสามพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬลงกรณ์นั้น
  
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เมษายน ที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ตรวจสอบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน วล 89 กรุงเทพมหานคร ของนายสนธิ ถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มจนพรุน บริเวณ 4 แยกบางขุนพรหม แล้วประชุมวางร่วมกับ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สนว.ตร. )พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชการตำรวจคนรบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1(ผบก.น.1)  พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม และพ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 1 (ผกก.สส.บก.น.1) เพื่อวางแนวทางสืบสวนคลี่คลายคดีกว่า  1 ชั่วโมง
  
พล.ต.อ.จงรัก สัมภาษณ์หลังประชุมว่า ให้ทีมสืบสวนรวบรวมวัตถุพยานทั้งหมดในที่เกิดเหตุ เช่น ปลอกกระสุน ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อนำภาพมาปะติดปะต่อกัน ให้ทราบถึงจำนวนคนร้ายที่ลงมือ และพาหนะที่คนร้ายนำมาใช้ เบื้องต้นคาดว่ามีคนร้าย 5 คนขึ้นไป และสิ่งสำคัญที่จะยืนยันรูปร่างลักษณะคนร้ายได้ก็คือพยานบุคคลใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ซึ่งกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนแล้ว ทั้งนี้ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดช่วงแยกบางขุนพรหม ซึ่งเป็นจุดสำคัญพบว่าเสียก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วันให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)ตรวจหาสาเหตุแล้ว
 
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการจับภาพรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทองที่คาดว่าเป็นรถคนร้ายนั้น ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ เป็นของพ่อค้าไข่ไก่ที่ขนไข่มาส่งตลาดบางลำพู เจ้าของรถมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยอมรับว่าขับรถมาในช่วงเกิดเหตุจริง ซึ่งตำรวจต้องสอบสวนหารถคนร้ายต่อไป

ยังมุ่งปม"การเมือง-ส่วนตัว"

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวถึงเหตุสังหารว่า ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือขัดแย้งการเมือง และส่วนตัว  ซึ่งสาเหตุการเมืองเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีความขัดแย้งทางการเมืองกับบุคคลหลายฝ่าย ต้องสอบสวนว่าความขัดแย้งดังกล่าว จะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่การลอบสังหารหรือไม่ ส่วนประเด็นส่วนตัวต้องรอให้นายสนธิ หายดีเสียก่อนแล้วจะสอบปากคำว่าสงสัยใครบ้างหรือไม่ ซึ่งตำรวจพร้อมจะสืบสวนขยายผลตามที่นายสนธิมีความเชื่อ แต่หากไม่พบเหตุส่วนตัวต้องตัดทิ้งไป เหลือแค่ประเด็นการเมือง
  
ผู้สื่อข่าวถามกระแสข่าวว่ามีนายทหารยศ พล.อ. และพล.ต. ร่วมลงมือ พล.ต.อ.จงรักกลาวว่า การสืบสวนยังไม่ได้ถึงตรงนั้น ก่อนอื่นจะต้องสอบสวนก่อนว่า คนร้ายเป็นใคร จึงจะสอบสวนขยายผลว่าใครมีส่วนร่วมบ้าง และตรวจสอบถึงที่มาของอาวุธ เช่น ปลอกกระสุนที่พบมาจากประเทศอะไร มีอยู่ที่ไหนบ้างในประเทศไทย
  
เมื่อถามว่า อาวุธปืนเอชเคมีใช้ในวงการทหารเท่านั้น พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่า อาวุธปืนใช้ในวงการทหาร แต่ในทางปฏิบัติเคยมีการจับกุมคนร้ายที่เป็นพลเรือนที่ใช้อาวุธสงครามฆ่ากัน ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า คนร้ายเป็นกลุ่มคนมีสีหรือไม่ ยังตอบชัดเจนไม่ได้ ในความรู้สึกนึกคิดของคนบางคนอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่พนักงานสอบสวนจะยืนยันได้ชัดเจนก็ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานเท่านั้น อย่างไรก็ตามสั่งการให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ จัดกำลังสายสืบไปดูแลนายสนธิ ที่โรงพยาบาลแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ก่อเหตุซ้ำอีก

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่จะต้องมาคุมคดีที่เกี่ยวพันกับการเมือง พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ไม่หนักใจ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.แต่งตั้งให้มาสอบสวนตามหน้าที่ เป็นตำรวจอาชีพ ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

เจ้าของกระบะในวงจรปิดโร่พบตร.

วันเดียวกัน นายอนุรักษ์ พุฒซ้อน อายุ 30 ปี พ่อค้าไข่ไก่ อยู่ที่ 14 ซอยนนทบุรี 46 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เจ้าของรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ถง 4071 กรุงเทพมหานคร เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดจับภาพรถกระบะของตัวเองไว้ได้ และตำรวจสงสัยว่า จะเป็นรถคนร้ายที่ตามประกบยิงรถของนายสนธิ
 
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ขายไข่ไก่อยู่ที่ตลาดเช้าบางลำพู ก่อนเกิดเหตุขับรถออกมาจากบ้านย่านนนทบุรี กับมารดา มาส่งไข่ไก่เป็นปกติทุกวัน จากเหตุการณ์คาดว่าตนขับตามหลังรถตู้ของนายสนธิประมาณ 2-3 นาที ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นัด แล้วดังขึ้นอีกเป็นชุดเมื่อผ่านแยกบางขุนพรหมมาถึงจุดเกิดเหตุ เห็นรถตู้สีดำของนายสนธิถูกยิง มีรถยนต์อีกคันขับเข้ามาช่วย ตนจึงชลอดูโดยไม่เห็นรถของคนร้าย หรือเหตุการณ์ช่วงยิงกันแต่อย่างใด
 
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า หลังเห็นภาพรถต้องสงสัยที่กล้องวงจรปิดจับไว้ได้ จึงมั่นใจว่าเป็นรถของตน เพราะจำลักษณะท้ายรถได้ จึงมาพบตำรวจ สำหรับไฟไซเรน และสติ๊กเกอร์หน่วยแพทย์กู้ชีพที่ติดรถนั้น เป็นแบบแม่เหล็กสามารถถอดออกได้ จะติดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯเท่านั้น หากกลับบ้านที่นนทบุรี จะแกะออก วันเกิดเหตุ ไม่ได้ติดสติ๊กเกอร์และไซเรนแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังนายอนุรักษ์ ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว น่าเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นคนร้ายพนักงานสอบสวนชรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วปล่อยตัวไป

“สนธิ”อาการดีขึ้นพักฟื้น1สัปดาห์

ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  นพ.สุวิทย์ ศรีอัษฎาพร ศัลยแพทย์  นพ.สุรชัย เคารพธรรม ศัลยแพทย์ระบบประสาท ร่วมแถลงความคืบหน้าอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 คน 
 นพ.ธีระพงศ์ แถลงว่านายสนธิ  ยังพักรักษาตัวที่ห้องไอ.ซี.ยู แต่อาการโดยรวมดีขึ้นมาก พูดคุย กินอาหารได้  ลุกขึ้นเดินและนั่งเองได้ มีเพียงอาการเวียนศีรษะเล็กน้อย สภาพร่างกายถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติเหมือนคนไข้ทั่วไปที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากบาดเจ็บใหม่ๆ แม้อาการจะดีขึ้น แต่ยังไม่พร้อมจะให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้าน และคณะแพทย์มีความเห็นเช่นเดิม คือ ห้ามเยี่ยมเพราะต้องการให้ได้พักผ่อนเต็มที่ และเป็นการรักษาความปลอดภัยไปในตัว

คนขับรถอาการยังร่อแร่สมองบวม

ด้าน นพ.สุรชัย แถลงอาการบาดเจ็บของนายอดุลย์ ว่า เมื่อช่วงเช้านำไปเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ทางสมอง เนื่องจากพบว่ามีอาการซึมผิดปกติ หลังจากผ่าตัดไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อคืนที่ผ่านมาผลเอ็กซเรย์พบว่า เนื้อสมองน้อยบริเวณท้ายทอยฝั่งซ้ายมีอาการบวมขึ้นขนาด 4 คูณ 4 เซนติเมตร คาดว่าอาจเกิดจากภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดสมองด้านขวา ทั้งนี้ แพทย์ลงความเห็นว่าจะผ่าตัดสมองนายอดุลย์อีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ส่วนอาการบาดเจ็บที่หน้าอกพบว่า มีเนื้อตายเล็กน้อย ซึ่งแพทย์สามารถควบคุมได้ ส่วนอาการกระดูกหักที่แขนขวาอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่น่ากังวล
  
"สำหรับรายที่ปลอดภัยที่สุด คือ นายวาร์ยุภักดิ์ บาดเจ็บที่บริเวณแขนและขา แพทย์ดูอาการเพื่อป้องกันการอักเสบของแผลเท่านั้น สภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้นถึงร้อยละ 95 คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ จะสามารถกลับบ้านได้ มีเพียงนายอดุลย์ ซึ่งแพทย์ได้เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด"นพ.สุรชัย กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจบแถลงข่าว เจ้าหน้าพยาบาลที่ได้เข็นเตียงของนายอดุลย์ เพื่อเข้าผ่าตัดครั้งที่ 3 โดยใบหน้าและศีรษะของนายอดุลย์ บวมมาก อย่างไรก็ตามบิดา และญาติของนายอดุลย์ ที่เดินทางมาจาก จ.เพชรบุรี คอยเฝ้าอาการอย่างใกล้ชิดด้วยสีหน้าเศร้าโศกเสียใจและร้องไห้ตลอดเวลา พร้อมพูดตลอดว่า ขอให้รอด ขอให้อัลเลาะห์คุ้มครอง

ลูกบอกพ่อแค้นคนที่ทำมาก

ด้านนายนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายนายสนธิ กล่าวหลังเข้าเยี่ยมบิดาว่า บิดาบ่นว่าปวดแผล และมีอาการวิงเวียนศีรษะ แต่อาการโดยรวมดีขึ้น และบอกว่าแค้นคนที่ทำมาก นอกจากนี้ยังฝากตำหนิ นายพิสิทธิ์ กีรติการกุล พิธีกรรายการจมูกมด ที่กล่าวผ่านรายการว่า โดนยิงอย่างไร กลับไม่เป็นอะไรมาก ขนาดอาวุธสงคราม และว่าจะพูดอะไรควรใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ไม่ใช่พูดเอาสนุกเท่านั้น ไม่เจอกับตัวไม่รู้  
 
“นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาแสดงความห่วงใย และสอบถามอาการคุณพ่อผ่านคุณแม่ของผม ตั้งแต่เมื่อวาน(16 เมษายน) หลังจากเกิดเหตุ อยากฝากคนที่ลงมือกระทำอย่างเหี้ยมโหดว่า ไม่ว่าจะรับเงินใครมา แต่ผลจากการกระทำทำให้เกิดการสูญเสียบาดเจ็บ นี่ไม่ใช่ครอบครัวของคุณ ไม่มีทางรู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร” นายจิตตนาถ กล่าว
 
นายจิตตนาถกล่าวว่า สำหรับคนที่ต้องการช่วยเหลือนายอดุลย์เรื่องของค่ารักษาพยาบาล สามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี  008-2-041062 ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำภู 
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาเยี่ยมบ้างหรือไม่ นายจิตตนาถ กล่าวว่า ยังไม่มี เนื่องจากส่วนใหญ่เดินทางไป จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมขึ้นเวทีคอนเสริ์ตการเมือง ตนอยากให้แกนนำทุกคนตั้งสติ อย่าหลงตามเกมของผู้ไม่หวังดี

ตำรวจคุมเข้มหน้าห้องเหยื่อกระสุน

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศบริเวณหน้าห้องไอ.ซี.ยู แผนกศัลยกรรม ชั้น 8 ตึกสิริกิตต์(สก.) ซึ่งเป็นที่พักรักษาตัวของผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คบพบว่า มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น บริเวณหน้าห้องพักรักษาตัวไม่มีการระบุชื่อของผู้ป่วย พร้อมห้ามบุคคลเข้าเยี่ยม ยกเว้นญาติผู้ป่วยเท่านั้น โดยชั้นล่างเจ้าหน้าที่ได้ปิดตายประตูด้านหน้าไม่ให้คนเข้า-ออก เปิดแต่เพียงประตูด้านหลังให้ผู้ป่วยเข้าออกได้อย่างสะดวก ขณะที่บริเวณด้านหน้าของลิฟต์  มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.จักรวรรดิ  5 นาย สับเปลี่ยนกำลังดูแลความเรียบร้อยตลอดทั้งวันและตรวจคนที่มีกระเป๋าอย่างละเอียดโดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของนายสนธิ และมีตำรวจหลายสิบกระจายกำลังรักษาความปลอดภัยทั่วพื้นที่อาคาร สก. 
   
นอกจากนี้มีการตั้งโต๊ะสมุดลงชื่อเยี่ยม 2 เล่ม ซึ่งมีประชาชนที่สนับสนุน พธม.เข้าลงนามอย่างไม่ขาดสาย พร้อมทั้งยังมีกระเช้าดอกไม้ และกระเช้าแบรนด์รังนก จากบุคคลสำคัญในรัฐบาล ประกอบด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)

เมีย"ชวน"ควงลูกชายเยี่ยม"สนธิ"

ต่อมาเวลา 13.45 น.นางภักดิพร สุจริตกุล ภรรยานายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายสุรบถ หลีกภัย หรือ น้องปลื้มบุตรชาย เข้าเยี่ยมนายสนธิ พร้อมมอบเหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่บรรจุไว้ภายในกล่องสีขาวให้นายสนธิด้วย
 
สำหรับบรรยากาศช่วงบ่าย ยังมีประชาชนที่สนับสนุน พธม. เดินทางไปลงชื่อเยี่ยมนายสนธิอย่างต่อเนื่อง บางคนสวมเสื้อสีเหลือง บางคนสวมเสื้อพื้นขาวสกรีนชื่อ นักรบมือตบ ขณะเดียวกัน มีกระเช้าดอกไม้จากบุคคลต่างๆ เข้าเยี่ยมจำนวนมาก อาทิ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 1  พรรคประชาธิปัตย์ นางรัตนา สัจจเทพ ในนามลูกศิษย์มหาวิทยาลัยราชดำเนิน และนักต่อสู้เรื่องที่อยู่อาศัย และเจ้าของบ้านสีดำ  นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ขณะเดียวกันมีการตั้งกล่องรับบริจาคค่ารักษาพยาบาลให้แก่นายอดุลย์ ซึ่งผู้ที่เข้าลงชื่อต่างบริจาคกันอย่างไม่ขาดสาย อย่างไรก็ตาม จุดลงชื่อจะเปิดให้ประชาชนลงชื่อเข้าเยี่ยมจนถึง 20.00 น. ขณะที่คณะแพทย์ รพ.จุฬาฯ จะให้แถลงข่าวความคืบหน้าของอาการบาดเจ็บอีกครั้งวันที่ 19 เมษายน เวลา 11.00 น.

ตร.การันตีปลอดภัยล้านเปอร์เซ็น

ด้านพ.ต.อ.ไพศาล ลืมสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า เออกแผนรักษาความปลอดภัยนายสนธิอย่างรัดกุม เพราะเป็นคนสำคัญระดับประเทศ โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 หมู่ 12 นายจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น. 6) ผลัดเปลี่ยนเข้าเวรครั้งละ 12 ชั่วโมง โดยดูแลความปลอดภัยบริเวณชั้น 1 ที่อาคาร สก. ส่วนชั้น 8 มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนตัวของนายสนธิคอยดูแลโดยเฉพาะ
 "ไม่ต้องกังวลมีการรักษาความปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่อยากฝากคือ ขอให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนสวมเครื่องแบบของโรงพยาบาล เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย" พ.ต.อ.ไพศาล กล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์