พท.โต้ปชป.โยนบาป“แม้ว”เอี่ยวภาษีบุหรี่

สวนรัฐบาลปชป.แทรกแซงจนอสส.สั่งไม่ฟ้อง ปัดคนละเรื่องกับปินส์ฟ้องไทย แฉบิ๊กคลังแกล้งโง่จัดเก็บภาษีผิดประเภท 


เมื่อวันที่10มี.ค. ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องการแทรกแซงการดำเนินคดีกับบริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย)จำกัด ที่นำเข้าบุหรี่2ยี่ห้อดังจากฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เดือนก.ค. 46- ก.พ. 50 โดยสำแดงภาษีเป็นเท็จทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 6.8 หมื่นล้านบาท ว่า รัฐบาลพยายามเบี่ยงประเด็นไปว่าเป็นเรื่องในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงขอชี้แจงให้ทราบว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณจริง โดยเป็นการดำเนินการภายในของกรมศุลกากร ตั้งแต่ปี 2546 แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบจึงสั่งการให้ดำเนินคดี โดยในวันที่ 3 ส.ค. 46 กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษที่ 79/2549 ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 52 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอในขณะนั้นมีความเห็นสั่งฟ้องต่ออัยการสูงสุด และวันที่ 3 ก.ย. 52 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม รายงานต่อนายกฯและครม.

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 29 ต.ค. 52 สำนักงานผู้แทนการค้าไทย เชิญอธิบดีดีเอสไอ และผู้แทนอัยการสูงสุด เข้าหารือเพื่อแก้ไขปัญหา
 
อันเป็นจุดเริ่มต้นของการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในขณะนั้นฟิลิปปินส์ ได้ยื่นฟ้องไทยต่อองค์กรระงับข้อพิพาทขององค์กรการค้าโลก  และในวันที่ 10 ส.ค. 53 มีข้อสรุปว่าไทยแพ้คดี 2 เรื่อง คือ 1. ไทยใช้วิธีการประเมินศุลกากรบุหรี่ไม่ถูกต้องตามหลักการของแกตต์ และ 2. การคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวต ซึ่งอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ แต่รัฐบาลโดยบัญชาของนายกฯ ได้มีหนังสือออกวันที่ 2 ก.ย. 53 ให้ 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต สำนักงานอัยการสูงสุด กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานผู้แทนการค้าไทย ทบทวนเรื่องข้อพิพาทการนำเข้าบุหรี่จากฟิลิปปินส์ โดยอ้างคำตัดสินขององค์กรการค้าโลก จนในที่สุดวันที่ 13 ม.ค. 2554 อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า สรุปได้ว่าแม้เรื่องจะเกิดขึ้นในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย

แต่เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนแล้วเสร็จมีคำสั่งให้ฟ้อง กลับมีการดึงเรื่องและสั่งการให้ทบทวนโดยอ้างเรื่ององค์กรการค้าโลก ทั้งที่เรื่องที่ฟิลิปปินส์ฟ้องไทย เป็นคนละเรื่องกับที่ฟิลลิป มอร์ริส สำแดงเท็จ แล้วทำให้ประเทศเสียประโยชน์ กว่า 6.8 หมื่นล้านบาท แต่คนใกล้ชิดนายกฯ กลับใช้ข้ออ้างนี้เพื่อล้มคดีเลี่ยงภาษี นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ

“ปัญหาอีกอย่างที่สำคัญคือ เหตุใดกรมศุลกากรไปใช้การประเมินภาษีตามหลักของแกตต์แบบที่ 4 คือการหักทอนซึ่งเป็นการคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายหักกับต้นทุนจริง แทนที่จะใช้อีก 3 แบบก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินจากต้นทุนจริง การประเมินจากสินค้าที่เหมือนกัน หรือประเมินจากสินค้าที่คล้ายกัน จึงเป็นการแกล้งโง่ที่มีบิ๊กกระทรวงการคลัง ที่เป็นข้าราชการประจำอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหากเปิดเผยออกมาแล้วทุกคนจะต้องร้องอ๋อ โดยพรรคเพื่อไทยจะเปิดชื่อนี้ในวันที่ 11 มี.ค.นี้”นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีคดีที่ค้างอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในกรณีที่บริษัทฟิลลิปมอร์ริส นำบุหรี่เข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีการประเมินภาษีโดยใช้วิธีหักทอน ซึ่งหากมีการฟ้องร้องแล้วใช้มาตรฐานเดียวกัน ก็จะทำให้ไทยสูญเสียภาษีซึ่งจะเป็นรายได้อีก 6.9 หมื่นล้านบาท รวม 2 คดีไทยจะเสียหายร่วม 1.4 แสนล้านบาท



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์