พท.ชี้เนวินรู้สัญญาณผู้มีอำนาจลงดาบมาร์คบีบให้พ้นนายกฯ

นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย

ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ 210  เสียง ทำให้ชนะพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้ 160 เสียงในการเลือกตั้ง แต่พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะแสดงความรับผิดชอบ ที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทย และไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกันว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าในการหาเสียงนั้น พรรคเพื่อไทยจะชู น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาที่พรรคเพื่อไทยให้ไว้กับประชาชน ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะทำตามสัญญา ด้วยการสนับสนุนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแน่นอน โดยไม่ได้มีการเตรียมนายกรัฐมนตรีสำรอง หรือนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่นเอาไว้เป็นนายกรัฐมนตรี แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แน่นอน


"สิ่งที่นายเนวินพูดมาทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นความจริงได้ แต่หากฟังคำพูดของนายเนวินจนจบจะพบว่าเป็นความจริงไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะการบอกว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.ถึง 111 เสียง เพราะจากผลการทำโพลของพรรคเพื่อไทย พบว่าในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรคภูมิใจไทย มีความนิยมไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้เราไม่สามารถเชื่อมั่นว่าพรรคภูมิใจไทยจะรักษาจำนวน ส.ส.เดิมที่มีอยู่เอาไว้ได้" นายคณวัฒน์กล่าว และว่า ผลโพลที่พรรคเพื่อไทยได้ทำเอาไว้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ประเมินเอาไว้ว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. 260-270 ที่นั่ง โดยเป็นภาคอีสาน 97-103 ที่นั่ง ภาคเหนือ 52-57 ที่นั่ง ภาคกลาง 35-39 ที่นั่ง กทม.15-22 ที่นั่งและภาคใต้ ตั้งเป้าเอาไว้ 3-5 ที่นั่ง ส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น่าจะได้มา 55-60 ที่นั่ง 


ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายเนวินและแกนนำในรัฐบาลชุดปัจจุบันส่วนใหญ่รับทราบกันอยู่แล้วว่า

นายอภิสิทธิ์จะไม่ใช่หมากตัวที่ผู้มีอำนาจตัวจริงจะใช้อีกต่อไป และหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปนายอภิสิทธิ์จะถูกลงดาบหลังพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ด้วยการบีบให้แสดงความรับผิดชอบในความพ่ายแพ้ และจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงมีเสียงของนายเนวินส่งออกมาเพื่อเป็นสัญญาณบีบให้นายอภิสิทธิ์ จะต้องจำใจรับสภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น


"วันนี้อำนาจเบื้องหลังตัดสินใจแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ ดังนั้น สิ่งที่นายเนวินพูดจึงเหมือนเบาะรองนอนให้นายอภิสิทธิ์ หลังการเลือกตั้ง โดยมีตัวเลือกใหม่ที่ผู้มีอำนาจจะใช้คือ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ก็เป็น ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรครักษ์สันติ หากฟลุคมากๆ ก็อาจจะเป็นนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" นายณัฐวุฒิกล่าว  


นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สิ่งที่นายเนวินพูดนั้นชัดเจนว่าเป็นความพยายามที่จะล็อครัฐบาลกันเอาไว้ล่วงหน้า
 
โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะต้องการเลือกพรรคไหนมาบริหารประเทศ ซึ่งพรรคเพื่อไทยรับทราบความเคลื่อนไหวพวกนี้มาตลอด จึงตั้งเป้าจะชนะการเลือกตั้งให้ได้มากที่สุดอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายในการที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการจะเขี่ยนายอภิสิทธิ์ ออกจากวงจรอำนาจ


ขณะที่แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ข้อมูลที่นายเนวินเปิดเผยออกมานั้นเป็นสูตรหนึ่ง ที่แกนนำพรรคเพื่อไทย

ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประเมินกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะเป็นสูตรในการสกัดพรรคเพื่อไทยไม่ให้ได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง โดยแกนนำพรรคเพื่อไทยประเมินกันว่า ได้มีการเตรียมนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรครักษ์สันติเอาไว้เป็นผู้ที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายอภิสิทธิ์ ที่จะถูกบีบให้แสดงความรับผิดชอบ หลังนำพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง โดยแกนนำพรรคเพื่อไทยประเมินว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ 3 คน คือผู้ที่มีโอกาสจะเข้ามาเป็นตัวเลือกมากที่สุด แม้กระทั่งนายสุเทพ ที่เป็นผู้มีความสามารถในการประสานทำให้ทุกฝ่าย ทั้งกองทัพ พรรคร่วมรัฐบาลและผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลังพอใจได้มากที่สุด


แหล่งข่าวระบุว่า ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง แกนนำพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประชุมร่วมกันในต่างประเทศหลายครั้ง

ถึงหนทางในการสกัดกั้นพรรคเพื่อไทยไม่ให้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้ง รวมไปถึงการหาวิธีแก้ไขปัญหาเอาไว้รองรับ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อมั่นว่า มีเพียง น.ส.ยิ่งลักษณ์เท่านั้นที่จะสามารถดึงคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยให้มากขึ้นได้ ในการลงสนามเลือกตั้งที่จะต้องต่อสู้กับนายอภิสิทธิ์ และฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด


แหล่งข่าวระบุว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณประเมินกันว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะต้องชนะการเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด
 
เพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล โดยตั้งเป้ากันเอาไว้ว่าจะต้องชนะเลือกตั้งให้ได้ ส.ส.อย่างน้อยต้องได้ 230 เสียง เพื่อให้ทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์ 40-50 เสียง ซึ่งจะช่วยสร้างความชอบธรรมให้กับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล โดย พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อมั่นว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เสียงเกิน 230 เสียง จะสามารถประสานงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ ให้เข้ามาร่วมรัฐบาลได้ อย่างน้อย 2 พรรคการเมืองคือ พรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ผ่านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรค และพรรคชาติไทยพัฒนา ผ่านนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งจะมีการเจรจาเรื่องเงื่อนไขกันอีกครั้งหลังรู้ผลคะแนนเลือกตั้ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเน้นย้ำเสมอว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเด็ดขาด ไม่ว่าจะได้เสียงท่วมท้นแค่ไหน 


แหล่งข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ระบุกับแกนนำใกล้ชิดบ่อยครั้งระหว่างการหารือกันถึงสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศว่าได้ขึ้นแบล๊คลิสต์พรรคการเมือง 3 พรรค
 
ที่พรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันได้เอาไว้ทั้งหมด โดยอันดับที่ 1.พรรคประชาธิปัตย์ 2.พรรคภูมิใจไทย และ 3.พรรคมาตุภูมิ เนื่องจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เป็นหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์