พท.งัดกฎเหล็ก5ข้อ ยันกกต.2มาตรฐาน ยกคำร้องมาร์ค-เนวินเรืองไกรยืนปธ.วุฒิ ระงับจ่ายเงิน เรียกคืน


พท.แถลงอัดกกต.ยกคำร้อง "อภิสิทธิ์-เนวิน" ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล งัดกฎเหล็ก 5 ข้อย้อนถาม ยันข้อ 2 ชี้ขัดดำเนินการสองมาตรฐาน ร้องถามมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่ สับดำเนินการต้องโปร่งใส่ ไม่มีอคติ "เรืองไกร" ทำหนังสือถึงปธ.วุฒิฯ ระงับจ่ายเงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม คำนวณผลประโยชน์ที่ได้รับเพื่อเรียกคืน

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) นายประแสง มงคลศิริ อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชน ร่วมแถลงที่สำนักงาน พท. อาคารบีบีดี บิวติ้ง ถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยกคำร้องคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินสายเข้าพบนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และแกนนำพรรคภูมิใจไทยเพื่อหารือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน 

ทั้งนี้นายพร้อมพงศ์แสดงป้ายหาเสียงของนายประแสง ที่ถ่ายรูปคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข้อความระบุว่า "ชอบสมัคร รักทักษิณ เบอร์ 12 พรรคพลังประชาชน ใครไม่กล้า ผมอาสา พาทักษิณ กลับบ้านเอง" พร้อมกับรูปภาพที่นายอภิสิทธิ์ กอดนายเนวินประกอบการแถลงครั้งนี้ด้วย

นายประแสงกล่าวว่า นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่นและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้ร้องเรียนกรณีที่ขึ้นป้ายหาเสียงที่มีรูป พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ด้วย เข้าสู่การพิจารณาสอบสวนของ กกต. ซึ่งนายวีระ หมายมั่นปั้นมือว่าเรื่องนี้ถูกแจกใบแดง เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และอาจถึงขั้นนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน แต่ในที่สุดได้ใช้เทคนิคทางกฎหมายโดยขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ให้พ้นสถานะการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน แต่วันนี้ในกรณีของนายอภิสิทธิ์และนายเนวิน กกต.กลับยกคำร้อง ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ กกต.คืนสิทธิทางการเมืองให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และพลังประชาชนที่ถูกยุบทั้งชุด 111 คนและ 109 คน ทุกอย่างเว้นเพียงการออกเสียงเลือกตั้งเท่านั้น

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 กกต. ออกกฎเหล็ก 5 ข้อในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองกับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ดังนี้ 1.ห้ามขึ้นเวทีปราศรัย 2.ห้ามถ่ายรูปคู่กับผู้สมัคร ส.ส.หรือ ส.ว. 3.ห้ามเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมือง 4.ห้ามเข้าไปมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง และ 5.ห้ามเป็นสมาชิกพรรคและห้ามจัดตั้งพรรคการเมือง จึงขอถามไปยัง กกต.ว่ากฎดังกล่าวยังมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่ กรณีของนายประแสง กับกรณีของแฝดอินจันคู่นี้ กกต.ดำเนินการอย่างสองมาตรฐานหรือไม่ ขอเรียกร้องไปยัง กกต.ว่าจะต้องมีความโปร่งใสในการดำเนินการต่างๆ ให้เกิดความยุติธรรมไม่มีอคติ

"ได้ยินมาว่า ส.ส.อีสานพรรคประชาธิปัตย์บางคนอาจจะขึ้นรูป แฝดอินจันคู่นี้ ในบางจังหวัดของภาคอีสาน เพราะอาจจะได้รับความนิยมสูง ซึ่งหากเรื่องนี้ กกต.บอกว่าไม่ผิด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนอาจจะเอาไปติดหาเสียงก็ได้" นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จะเข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ให้สั่งการให้รัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เนื่องจากมีพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดหลักจริยธรรม และเข้าข่ายการกระทำผิดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงรัฐธรรมนูญในประเด็นก้าวก่าย สั่งการในทางใดทางหนึ่งเพื่อผลประโยชน์กับพรรคพวกของตัวเอง ซึ่งหากนายกรัฐมนตรียังนิ่งเฉยไม่ดำเนินการในข้อเรียกร้องดังกล่าวจะถือว่านายกรัฐมนตรีกระทำการที่ขัดต่อมาตรา 157 ของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ จะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 22 กุมภาพันธ์

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึงนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ขอให้ระงับการจ่ายเงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่ม อันเนื่องมาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยว่าองค์กรที่ส่งชื่อนายเรืองไกรเข้ารับสมัครเป็น ส.ว.แบบสรรหา ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยที่ผ่านมามีหนังสือด่วนที่สุด ที่ สว 0012/672 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 และหนังสือบันทึกข้อความของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำนักกฎหมาย ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ได้รับความเห็นชอบจากประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 ส่งถึงนายเรืองไกร ระบุว่า หากศาลฎีกามีคำสั่งให้เพิกถอนการสรรหา อาจจะต้องคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่ง นับแต่วันที่ กกต.ประกาศผลการสรรหา ส.ว. คือนับตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 จนถึงวันพ้นจากตำแหน่ง

ดังนั้นขอให้ประธานวุฒิสภาเร่งดำเนินการดังนี้คือ ขอให้ระงับการจ่ายเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 62,000 บาท และเงินเพิ่มเดือนละ 42,330 บาท รวมเงินได้ก่อนหักภาษี 104,330 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ขอให้คำนวณผลประโยชน์ต่างๆ ที่เจ้าตัวได้รับมาตั้งแต่วันที่มีสมาชิกภาพความเป็น ส.ว. จนถึงวันที่ 31 มกราคมนี้ ว่ามีจำนวนเงินก่อนหักภาษีเท่าใด เงินภาษีที่ถูกหักไปแล้วเท่าใด เป็นเงินได้สุทธิที่อาจต้องคืนเท่าใด สำหรับเงินภาษีที่ถูกหักไปแล้วเห็นว่าวุฒิสภาควรเรียกคืนจากกรมสรรพากร ส่วนผลประโยชน์อื่น อาทิ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เบี้ยประชุม ค่าเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ประมาณ 140,00 บาท ค่าอาหารและเครื่องดื่มขณะประชุมวุฒิสภา ทั้งหลายเหล่านี้ขอให้คำนวณด้วยว่า นายเรืองไกรต้องใช้คืนเป็นจำนวนเท่าไหร่ นอกจากนี้ขอให้พิจารณาด้วยว่าผลของการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการเป็น ส.ว. จะต้องเป็นโมฆะไปด้วยหรือไม่ ทั้งกรณีการเข้าชื่อร้องกรณีปราสาทพระวิหาร กรณีรัฐมนตรีถือหุ้นเกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือในกรณีการร้องถอดถอนนายสมัคร สุนทรเวช ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี จึงขอให้พิจารณาดำเนินการโดยด่วนที่สุดด้วย

นายประสพสุขกล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือของนายเรืองไกร ถ้าได้รับแล้ว จะสั่งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ระงับการจ่ายเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งตามประสงค์ของนายเรืองไกร ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะหากศาลฎีกามีคำตัดสินจะได้ไม่วุ่นวาย

ส่วนเรื่องต่างๆ ที่ทำไปแล้ว เช่น การเข้าชื่อกันของ ส.ว.กรณีปราสาทพระวิหาร กรณียื่นตรวจสอบรัฐมนตรีถือหุ้นเกินกว่ากฎหมายกำหนด และการร้องถอดถอนต่างๆ ไม่มีผลย้อนหลัง เพราะเป็นสิ่งที่ทำไปแล้ว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์