พ.อ.สุนัยฟ้องหมิ่นเอเอสทีวีกล่าวหาหน.ทีมลอบสังหารสนธิ วิเชียรลั่นคดีคืบหน้ามากไร้ตอ-ไส้ศึก

พ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ ยื่นฟ้อง เอเอสทีวี ผู้จัดการ กล่าวหาหน.ทีมลอบสังหาร"สนธิ" "วิเชียร"รับคดีคืบหน้ามาก ไม่มีเหลือตอ-ไส้ศึก ดีเอสไอแจงแต่งตั้ง"ส.ต.ท.วรวุฒิ"ร่วมคณะพนักงานสอบสวน"โรฮิงญา" ชี้เมื่อจบภารกิจก็หมดหน้าที่ รมว.ยุติธรรมโยนป.ป.ส.รับผิดชอบมอบรถของกลางให้ผู้ต้องหาไม่แจ้งล่วงหน้า ยัน"ทวี"ไม่ผิด

"พ.อ.สุนัย"ฟ้องหมิ่น"เอเอสทีวี" กล่าวหาหน.ทีมลอบสังหาร



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา พ.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ ได้ยื่นฟ้องบริษัทเอเอสทีวี ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1 และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ เป็นจำเลยที่ 2 ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยในคำบรรยายฟ้องสรุปได้ว่า หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการได้เสนอข่าวเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม หน้า 11 ลงเนื้อความในข่าวการสืบสวนสอบสวนคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอนหนึ่งว่า "เรื่องนี้ยืนยันได้ตามปรากฎหลักฐานในชั้นสืบสวนว่า ตัวจักรสำคัญคือ พ.อ.(ส.) หัวหน้าทีมลอบสังหารเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง นช.ทักษิณ กับกลุ่มอำนาจใหม่ ทั้งสองขั้วอำนาจต้องการเก็บนายสนธิ เพราะฝ่ายหนึ่งแค้นที่ถูกนายสนธิโค่นลงจากอำนาจ..."


ซึ่งแม้คำว่า พ.อ.(ส)ในหน้า 11 จะเป็นเพียงการใช้ตัวอักษรย่อ แต่ในหน้า 2 ของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ มีข้อความส่วนหนึ่งว่า "โดยที่พ.อ.(ส.) ทหารนายนี้ ประวัติคือเตรียมทหารรุ่น 21 เพื่อนร่วมรุ่นต่างเรียกเขาว่า "บิ๊กสุ" และในหน้าที่ 4 มีข้อความส่วนหนึ่ง่า "เตรียมเรียกตัว "เสธ.สุนัยสอน" ... พ.อ.สุนัยเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 21 จบหลักสูตรรบพิเศษจากศูนย์สงครามพิเศษ... 


เป็นการนำเสนอโดยมีเจตนามุ่งส่งผลหรือเล็งเห็นผลที่ต้องการเชื่อมโยงให้เห็นว่า บุคคลที่ถูกกล่าวถึงในหน้า 2 หน้า 4 และหน้า 11 เป็นบุคคลคนเดียวกับพ.อ.สุนัย การกระทำดังกล่าวจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาลงข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อใส่ร้ายโจทก์โดยการโฆษณาออกเป็นเสื่อทางหนังสือพิมพ์ จึงขอให้จำเลยร่วมกันขอขมาโจทก์โดยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน





ดีเอสไอแจงตั้ง"วรวุฒิ"ร่วมทีมคดีค้า"โรฮิงญา"จบภารกิจก็หมดหน้าที่


นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  กล่าวว่า เมื่อมีข้อเท็จจริงถึงความเกี่ยวพันระหว่างส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับดีเอสไอมากขึ้น ทั้งในเรื่องการใช้รถยนต์ของกลางในคดียาเสพติด และการแต่งตั้งเป็นให้ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับเป็นคดีพิเศษเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะสั่งการให้ดีเอสไอตรวจสอบย้อนหลังไปในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับส.ต.ท.วรวุฒิ เพราะที่ผ่านมาดีเอสไอชี้แจงเพียงว่าส.ต.ท.วรวุฒิไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับดีเอสไอ 


ด้านพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กล่าวว่า การแต่งตั้ง ส.ต.ท.วรวุฒิร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยชุดตรวจค้นและจับกุมที่สนธิกำลังมาจากสำนักข่าวกรอง ทหาร และตำรวจ ต้องร่วมเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งคดีนี้ส.ต.ท.วรวุฒิทำหน้าที่หาข้อมูลและชี้เป้าผู้ต้องหา เมื่อจบภารกิจก็พ้นจากการเป็นพนักงานสอบสวนในคดีนั้นๆ


อย่างไรก็ตาม ยืนยันได้ว่าอธิบดีดีเอสไอไม่รู้เรื่องดังกล่าว เพราะสำนักคดีเทคโนโลยีและการตรวจสอบ เป็นฝ่ายรวบรวมและจัดทำรายชื่อคณะพนักงานสอบสวน

"สนธิ" แฉ"วรวุฒิ" ช่วยงานดีเอสไอ


ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร กล่าวถึงคดีลอบสังหารตนเองว่า ตนได้รับหนังสือคำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 121/2552 เรื่องการแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 คำสั่งดังกล่าวมีการแยกเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 กลุ่ม โดยชุดปฏิบัติการที่ 3 เกี่ยวกับสำนักเทคโนโลยี และศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ลำดับที่ 24 ปรากฏว่ามีชื่อของ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีลอบสังหาร หนังสือดังกล่าวตรงข้ามกับการให้สัมภาณ์ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนดคีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ระบุว่า ส.ต.ท.วรวุฒิไม่ได้มาช่วยราชการที่ดีเอสไอ แต่จากหนังสือระบุชัดเจนว่า ส.ต.ท.วรวุฒิทำงานให้กับ พ.ต.อ.ทวี ตลอดเวลา แสดงว่าคดีลอบยิงตนเป็นคดีกฐินสามัคคี ไม่ทราบว่าจะมีผู้ใหญ่ในดีเอสไอเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ตนยังทราบว่ามีคนบางกลุ่มพยายามทำลายหลักฐานเกี่ยวกับคดีนี้


"วิเชียร"ลั่นคดียิง"สนธิ" คืบหน้ามาก ไร้"ตอ-ไส้ศึก

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ10) รักษาราชกแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าคดียิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดไล่ล่าผู้ต้องหา พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.ประจำ สนง. ซึ่งเป็นตัวแทนพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ ทรัพย์ รองผบ.ตร.ในฐานะผู้กำกับดูแลคดีดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจำนวนหนึ่ง ร่วมประชุมโดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง

      
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า เรียกประชุมความคืบหน้า เพราะตั้งใจตั้งนานแล้ว แต่ยังติดภารกิจอื่นๆ พบว่ามีความคืบหน้ามาก ทั้งนี้ยังได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำหนังสือไปยังทุกกองบัญชาการภาค 1-9 รวมถึง สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อติดตามจับกุม จ.ส.อ.ปัญหา ศรีเหรา ส.อ.สมชาย บุญนาค และส.ต.ท. วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่คาดว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศ แต่คงไม่สามารถเปิดเผยว่ากบดานอยู่ที่ใด

      
เมื่อถามว่า เหตุใดวันนี้ถึง พล.ต.อ.วิเชียร จึงเป็นประธานการประชุมด้วยตนเอง พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า พล.ต.อ.ธานีเชิญมา เพื่อให้ตนให้คำแนะนำ แต่ที่ผ่านมาตนก็คุยกับพล.ต.อ.ธานีเป็นระยะอยู่แล้ว และวันนี้ก็มีเวลาจึงเข้าประชุมได้ ส่วนโอกาสที่จะจับกุม 3 ผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้หรือไม่นั้น เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้ ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ไปด้วย ถือว่ามีสัญญาณที่ดี


เมื่อถามต่อว่าจะออกหมายจับเพิ่มได้อีกหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า กำลังดูกันอยู่ ส่วนการประสานงานกับดีเอสไอ เรื่องการตรวจสอบที่มาที่ไปรถของกลางที่ ส.ต.อ.วรวุฒิ นำไปใช้นั้น อยู่ระหว่างการประสานงานกันอยู่


      
ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ยังมีปัญหาหรืออุปสรรคใด อีกหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ไม่มีแต่อย่างใด รวมถึง "ตอ" หรือ"ไส้ศึก" ก็ไม่มี ในคดีนี้ต้องใช้เวลา และใช้คน ส่วนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องมีไส้ศึกนั้น คงยังตอบไม่ได้ในขณะนี้ ส่วนการทำงานนั้น ตนทำตามหน้าที่ ตามพยานหลักฐานเก็บได้อย่างไรก็ทำ ตนมีหน้าที่ในการสนับสนุน หากคนไม่มีเพียงพอที่จะไปติดตามจับกุมตนก็จะสั่งการให้มีคนไปดูแล ส่วนการจับกุมผู้ต้องหานั้นต้องใช้เวลา ไม่ได้ง่าย ไม่งั้นคงจับไปได้นานแล้ว และยืนยันว่าไม่มีใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือคนร้ายทั้งสามคน
      

เมื่อซักว่ามี ความแตกต่างระหว่างในการทำคดีระหว่างที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ดำรงตำแหน่งผบ.ตร. กับที่ พล.ต.อ.วิเชียร มารักษาราชการแทน ผบ.ตร. หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตนมาก็ทำงานเร็วขึ้น มีคนทำงานมากขึ้น นายกรัฐมนตรีก็กำชับให้สนับสนุนการทำงานในคดีนี้ พล.ต.อ.ธานี ก็ทำดีอยู่แล้ว แต่ตนก็จะให้ความมั่นใจในการทำงาน และปกป้องตำรวจที่ทำตามหน้าที่ไม่ให้มีแรงเสียดทาน

รมว.ยธ.อุ้ม"ทวี"นั่งดีเอสไอยาว โยนป.ป.ส.รับผิดส่งรถให้"วรวุฒิ"ยืมไม่แจ้ง


 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์  นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผย กรณีส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำรถของกลางคดียาเสพติดไปใช้นอกราชการว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ชี้แจงข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้รายงานว่า เป็นรถที่ขอยืมจาก ป.ป.ส. ซึ่งในการส่งมอบรถ ป.ป.ส.ไม่ได้ส่งมอบผ่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำให้การขึ้นทะเบียนจัดระบบเบิกยืมใช้ยังไม่แล้วเสร็จ ตนในฐานะกำกับดูแลจะหารือกับป.ป.ส.ว่า ต่อไปหากส่งรถให้ยืมใช้ต้องส่งผ่านผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงาน ไม่ใช่ส่งให้ระดับปฏิบัตินำไปใช้  อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นในการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับชุดสอบสวนคลี่คลายคดียิงนายสนธิ ตนจะเข้าสอบถามพนักงานสอบสวนว่าดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องคดีดังกล่าวหรือไม่อย่างไร  


 “อธิบดีดีเอสไอรายงานว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้รถเพียงคันเดียวแต่ ไม่เคยใช้อุปกรณ์สอบสวนดีเอสไอ ส่วนรถยนต์คันที่เป็นข่าวใช่รถของดีเอสไอ เป็นรถที่ป.ป.ส.ส่งมาให้ใช้งาน ซึ่ง พ.ต.อ.ทวีไม่ทราบรายละเอียด จึงไม่ใช่เรื่องผิดเพราะอธิบดีไม่รู้จริงๆ แต่ถ้ารู้แล้วไม่รายงานเป็นอีกเรื่อง ดังนั้นผมจึงให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง หากครั้งต่อไปรายงานไม่เป็นความจริงคนที่ให้ข้อมูลผมต้องรับผิดชอบเพราะผมจะพูดเฉพาะข้อมูลที่อธิบดีรายงานให้ทราบเท่านั้น” นายพีระพันธุ์กล่าว


 ผู้สื่อข่าวถามถึงการปรับเปลี่ยนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องย้ายกรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกระแสข่าวอย่างเดียว จะนำมาเป็นประเด็นใช้ตัดสินใจไม่ได้ รอความชัดเจนจากพนักงานสอบสวนก่อน  หากบุคคลขององค์กรเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี ต้องรับผิดทางอาญาและโทษทางวินัย  ส่วนการปรับเปลี่ยนผู้บริหารของกระทรวงยุติธรรมจะปรับเปลี่ยนตามวาระโยกย้ายตามปกติ ไม่ดูที่การทำงาน แต่จะใช้ความเหมาะสม ตามนโยบายรัฐบาล เช่นช่วงนี้รัฐบาลต้องการปราบปรามยาเสพติด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานให้สอดคล้องกับรัฐบาล  หากที่ผ่านมาทำไม่ได้ ตามเป้าหมายของรัฐบาลต้องปรับย้ายไปตามวาระ


คาดรู้ผลตรวจรถ"วรวุฒิ"ผู้ต้องหายิง"สนธิ" 1สัปดาห์รู้ผล


 เวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บหลักฐานรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟีร่า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ศว 8051 กทม. ของ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีคดีลอบยิงนายสนธิ  เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานเช่น ลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอและรายละเอียดอื่นๆ ที่จะนำไปเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงคดีแล้ว


 พล.ต.ต.สุรพล  พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน(ผบก.พฐ.)กล่าวถึงการตรวจเก็บหลักฐานรถต้องสงสัยว่า การตรวจเก็บหลักฐานวันนี้ เป็นการตรวจเก็บหลักฐานให้พนักงานสอบสวน โดยตรวจทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เช่นลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอ เขม่าดินปืน และอื่นๆ แต่ระยะเวลาที่เกิดเหตุนั้นนานแล้วเราก็พยายามตรวจเก็บหลักฐานเท่าที่จะสามารถทำได้ ส่วนจะมีประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่นั้นไม่สามารถตอบได้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนนำไปใช้ประโยชน์อะไร ส่วนผลการตรวจหลักฐานทั้งหมดนั้นคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์ แล้วจะรายงานให้พนักงานสอบสวนทราบทันที


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์