ผวาม็อบเสื้อแดงต่างชาติอยากกลับบ้าน

คมชัดลึก : หลังเหตุการณ์กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคลื่อนทัพคนเสื้อแดงบุกโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ล้มโต๊ะเจรจาผู้นำกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศคู่เจรจา ในเวทีการประชุมอาเซียนบวก 3 และอาเซียนบวก 6 ซึ่งไทยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเป็นผลสำเร็จ


ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องเผชิญเหตุชุมนุมประท้วงในครั้งนี้

 น.ส.ลาดีกีนา นักท่องเที่ยวสาววัย 27 ปี ชาวรัสเซีย เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงบุกยึดโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา บอกกับทีมข่าว" คม ชัด ลึก" ด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความวิตกว่า ขณะเกิดเหตุเธอและเพื่อนชาย-หญิงอีก 2 คน พักอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรม ได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นทำให้ตกใจ จึงเปิดหน้าต่างห้องพักมองลงมายังด้านล่าง พบฝูงชนสวมเสื้อแดงเต็มไปหมด สักพักมีทหารเข้ามาพร้อมๆ กับเสียงเฮลิคอปเตอร์ที่บินขึ้นลงบริเวณดาดฟ้าโรงแรมเลยรีบนำกล้องถ่ายภาพมาบันทึกภาพไว้

 ด้วยความตกใจ น.ส.ลาดีกีนา จึงติดต่อไปยังสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทยเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่พ่อแม่ที่อยู่ในมอสโก ก็โทรศัพท์มาบอกให้รีบกลับรัสเซียโดยด่วน เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยหากยังคงพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยต่อ

 "มาเที่ยวประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง เจาะจงมาพัทยาเพราะอยากเห็นทะเล โดยไม่คิดว่าโรงแรม 5 ดาวที่ดีที่สุดในพัทยาตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆ จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ หลังจากนี้คงปรึกษากับชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยาว่าปลอดภัยหรือไม่ หากไม่แน่ใจก็จะเดินทางกลับประเทศทันที" นักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซีย บอก

 ความหวาดหวั่นกลัวจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงระหว่างม็อบเสื้อแดงบุกยึดโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวของเมืองพัทยาครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะนักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซีย เศรษฐีหนุ่มชาวอิหร่านวัย 24 ปี อย่างนายอาลี บอห์รานี ก็อกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้กัน เขาบอกว่า ขณะเกิดเหตุพักอาศัยอยู่ที่ชั้น 9 ของโรงแรมกับเพื่อนอีก 3 คน ประมาณบ่ายโมงได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน หลังจากนั้นก็มีคนเสื้อแดงกรูเข้ามาในโรงแรม โดยมีทหารและตำรวจพยายามสกัดกั้นอยู่

 "เห็นทหารแล้วตกใจ กลัวจะเกิดการสู้รบกัน แถมเอเย่นต์ทัวร์ก็โทรมาบอกยกเลิกกำหนดการที่จะไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ทั้งที่สั่งจองและจ่ายเงินค่าบริการแล้ว โดยเขาอ้างว่าโรงแรมที่ผมพักวิกฤติไม่มีใครกล้าเข้ามารับพวกผม จึงโทรศัพท์ไปหาครอบครัวที่เตหะรานเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่าสื่อมวลชนที่ประเทศผมรายงานว่ามีเหตุวุ่นวายในการประชุมอาเซียนที่พัทยา เกรงจะเกิดเหตุรุนแรงกำชับให้ผมอยู่เฉพาะในห้องพัก ห้ามออกไปไหนมาไหน" นายอาลี กล่าว

 นายอาลี บอกด้วยว่า เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 เมษายน เห็นคนเสื้อแดงประท้วงอยู่ที่กรุงเทพฯ เลยคิดว่าจะหนีความวุ่นวายไปพักที่เมืองพัทยาดีกว่า โดยเลือกที่จะพักโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เพราะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวน่าจะปลอดภัยที่สุด แต่กลับมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้จึงเสียความรู้สึก อยากให้คนไทยคำนึงถึงนักท่องเที่ยวด้วย เพราะคนรวยชาวอิหร่านชอบมาเที่ยวไทย นำเงินมาใช้มากกว่าชาวยุโรปเสียอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนักท่องเที่ยวชาวอิหร่านอย่างเขาไม่ชอบการทะเลาะ อยากให้ไทยโดยเฉพาะเมืองพัทยากลับมาสงบโดยเร็ว

 ขณะที่นางรุ่งทิ อนุทัยกิจ อายุ 40 ปี ซึ่งมีสามีเป็นชาวเยอรมัน บอกว่า สามีตกใจและกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากจะเดินทางกลับประเทศเยอรมนีทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะฝากชีวิตบั้นปลายไว้ที่ประเทศไทย โดยจะซื้อบ้านพักอาศัยที่พัทยา แต่พอเห็นม็อบเสื้อแดงบุกยึดโรงแรมซึ่งเป็นที่ประชุมผู้นำอาเซียนที่จัดโดยรัฐบาลไทยแล้วก็เปลี่ยนความคิด ไม่อยากอยู่ประเทศไทยแล้ว

 "สามีเคยคิดว่าไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยน่ารัก เลยอยากใช้ชีวิตบั้นปลายที่ไทย แต่ตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว เขากลัวจะไม่ปลอดภัยจึงเปลี่ยนแผนจะพาฉันกลับไปใช้ชีวิตที่เยอรมันแทน" นางรุ่งทิวา กล่าว

 ส่วนนางกิ๊ฟ เจ้าของร้านจำหน่ายสินค้าริมหาดพัทยา วัย 42 ปี บอกว่า พัทยามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพักอาศัยและท่องเที่ยวจำนวนมาก ไม่อยากให้มีการประท้วงในพื้นที่เพราะเกรงจะกระทบการท่องเที่ยว ทั้งนี้ผู้ชุมนุมควรเห็นแก่ประเทศชาติบ้าง พัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หากเกิดเหตุรุนแรงแล้วสื่อมวลชนทั่วโลกนำไปเผยแพร่คงไม่อยากมีใครเดินทางมาเมืองพัทยาอีก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์