ผวาซากตึกโกบอลเฮ้าส์ถล่ม จนท.ยังไม่เข้าหาสาเหตุไฟไหม้

เพลิงไหม้"โกบอลเฮ้าส์"มอดแล้ว หลังวอดข้ามวันกว่า 20 ชั่วโมง วิทยาการ เผย ยังเข้าพื้นที่ตรวจสอบไม่ได้ต้องรอผู้เชี่ยวชาญเทศบาลเข้าเคลียร์โครงสร้างหวั่นซากตึกถล่ม


(7พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าเหุตพลิงไหม้ศูนย์การค้าวัสดุก่อสร้างครบวงจร "โกลบอลเฮ้าส์" สาขาเวียงกุกาม อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรวม 4 คันได้ระดมรถน้ำเข้าไปฉีดเพลิงไหม้บริเวณโกดังเก็บเหล็กที่อยู่ด้านในอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นวาน( 6 พ.ย.)ต่อเนื่องถึงเวลา 04.00 น.วันนี้ (7พ.ย.)ไฟที่ลุกไหม้ได้มอดลงเหลือเพียง 10% ในส่วนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงแจ้งว่าได้อาศัยบ่อน้ำที่อยู่ห่างออกไปจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ให้รถน้ำได้ขับวนกันไปเติมมาฉีดเข้าใส่


นายสุทัศน์ ศิริไพบูลย์ หนึ่งในเจ้าหน้าที่กู้ภัยเวียงพิงค์ที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในการดับเพลิง เปิดเผยว่า หลังผลัดเปลี่ยนกันระดมน้ำเข้าฉีดตลอดคืน

เช้าวันนี้ในเวลาไม่เกิน 08.00 น.ไฟได้มอดดับลงแล้ว โดยใช้เวลายาวนานมากกว่า 20 ชั่วโมง อุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถดับเพลิงในส่วนสุดท้ายที่โกดังเก็บเหล็กด้านในไว้ได้โดยเร็วคือ ห้องดังกล่าวอยู่ใจกลางด้านในของอาคารเมื่อนำสายยางรถดับเพลิงที่มีความยาวเส้นละ 20 เมตรมาต่อกัน 4 เส้น จะได้ความยาวของสายยางเป็น 80 เมตร เมื่อบวกรวมระยะฉีดน้ำเข้าไปด้านในได้ไม่เกิน 100 เมตร ขณะที่ส่วนที่เพลิงลุกไหม้นั้นอยู่ใจกลางข้างในน้ำฉีดพ่นเข้าไปไม่ถึง เพราะพื้นที่ของศูนย์การค้าดังกล่าวมีพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตร แต่โชคดีที่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกจึงช่วยให้ไฟดับได้เร็วขึ้น


พ.ต.ท.นพคุณ กีรติการกุล สารวัตรวิทยาการ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของการตรวจพิสูจน์หลักฐานนั้นคาดว่าในวันนี้จะยังไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตรวสอบที่เกิดเหตุในซากอาคารของโกลบอลเฮ้าส์ได้

เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ของทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบโครงสร้างดูก่อนว่าปลอดภัยหรือไม่เพราะมีแนวโน้มว่าอาจพังถล่มลงมาได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 1-3 วันหลังจากนี้ทางวิทยาการเชียงใหม่จึงจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ
ในส่วนของการตรวจสบนั้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมลค่าที่สูง เพื่อความรอบด้านวิทยาการเชียงใหม่ได้แจ้งประสานไปยังวิทยาการภาค 3 จาก จ.ลำปาง ให้เข้ามาร่วมตรวจสอบพร้อมกันเพื่อที่ะประเมินความเสียหายและหาสาเหตุที่แท้จริงร่วมกันอย่างรอบคอบอีกครั้ง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์