ผลศึกษาฉีกหน้า คมช. พบการสรรหาสมัชชาฯถูกครอบงำครบวงจร

เปิดผลศึกษา สมัชชาแห่งชาติ ฉีกหน้า คมช. ชี้ชัดไม่โปร่งใส ใช้อำนาจครอบงำกระบวนการ ตั้งแต่ต้นจนจบ ระบุชาวบ้านปักใจกลุ่มทหารสืบทอดอำนาจ

รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ว่าคณะกรรมการกำกับดูแลการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (กดส.) ที่มี พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นประธาน จะได้ส่งรายชื่อสมาชิกสมัชชาฯ ทั้ง 1,989 คนให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แล้ว แต่เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เครือข่ายการเลือกตั้งภาคพลเมือง ที่ได้รับมอบหมายจาก กดส.ให้ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบกระบวนการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ได้สรุปผลการทำงานส่งให้กรรมการ กดส.ชุดใหญ่ พบว่า การสรรหาสมัชชาแห่งชาติประชาชนไม่เชื่อถือและไม่ยอมรับในหลักเกณฑ์ของการสรรหา คมช.มีอำนาจมากเกินไปตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการของการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ปิดกั้นองค์กรภาคประชาชนจึงทำให้ คมช.แก้ปัญหาด้วยการแนะนำให้ส่งแบบกรอกประวัติไปให้ คมช.พิจารณา

รายงานระบุด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าการคัดเลือกสมาชิกสมัชชาแห่งชาติในครั้งนี้ คมช.ได้กำหนดสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญไว้แล้ว พร้อมทั้งร่างรัฐธรรมนูญไว้ให้ คมช.สืบทอดอำนาจได้แล้วด้วย

มี กดส.จังหวัดบางจังหวัดอาจมีบทบาททำให้การสรรหาไม่โปร่งใสเพราะคำ วินิจฉัยของ กดส.จังหวัดถือเป็นที่สุด ในขณะที่องค์ประกอบของ กดส.จังหวัดเกือบทั้งหมดเป็นข้าราชการ ทำให้ขาดความเป็นอิสระในการตัดสินใจ ซึ่งประธาน กดส.จังหวัดส่วนมากเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเกรงใจนักการเมืองและชอบให้ความเห็นที่ครอบงำที่ประชุม จนทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยมักไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างแม้มีเหตุผล จนทำให้การวินิจฉัยผิดพลาดได้ ผลการตรวจสอบ ระบุ

นายสมพล หริกุล เลขาธิการเครือข่ายการเลือกตั้งพลเมือง ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามตรวจสอบกระบวนการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัญหาที่พบหลังจากลงพื้นที่คือหลายจังหวัดมีผู้เข้าร่วมการประชุมสรรหาในแต่ละกลุ่มน้อยเกินไป จึงไม่หลากหลาย เพราะการประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึงเวลาสรรหาก็กระชั้นตลอดจนวิธีการคัดเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญให้อำนาจ คมช.มากเกินไป

นายสมพล กล่าวว่า หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาที่ไม่ชัดเจนในประเด็นสำคัญทำให้มีปัญหาการโต้แย้งในบางจังหวัด ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาก็มีลักษณะปิดกั้นการมีส่วนร่วมขององค์กรประชาชน ขณะที่องค์ประกอบของ กดส.จังหวัดส่วนใหญ่เป็นข้าราชการประจำที่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นต่างจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นประธาน