ผบ.ทบ.เพิ่มกำลังทหาร 3,000 คน ป้องกันพื้นที่ กทม.

ผู้บัญชาการทหารบกย้ำกองทัพบกร่วมกับทุกส่วนราชการ
 
เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากน้ำท่วม วอนออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะที่มีระดับน้ำสูง เพื่อง่ายต่อการช่วยเหลือดูแล ขณะเดียวกัน ประสานปฏิบัติ กทม.ใกล้ชิด เพิ่มกำลังจากกองทัพภาค 2 และศูนย์การทหารราบรวม 3,000 คน ป้อง กทม. ไม่สนนักการเมืองเบี่ยงเบนประเด็น จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อยึดอำนาจ แนะให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก

ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำสะสมในหลายจังหวัดมีปริมาณมาก และได้ทลายคันกั้นน้ำต่าง ๆ เข้าสู่พื้นที่ กทม. อย่างไรก็ตาม ทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามสกัดกั้นและระบายออก ทั้งด้านตะวันออก ตะวันตก รวมทั้งคลองต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม. เพื่อลงสู่ทะเลโดยเร็ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำที่ชำรุด และสร้างเพิ่มเติมแล้ว คงไม่สามารถกันน้ำเข้า กทม.ได้ทั้งหมด แต่เป็นการชะลอการไหลของน้ำ ไม่ให้ไหลบ่าเข้ามาท่วมรวดเร็ว เพื่อจะได้มีเวลาช่วยเหลือดูแลประชาชนให้ปลอดภัยมากที่สุด โดยประสานการปฏิบัติกับกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะ 7 เขตที่มีความเสี่ยงสูง และเขตที่เหลือ ๆ ด้วย

“กองทัพได้การวางกำลังกองทัพภาคที่ 1 และหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) มาดูแลปัญหาน้ำท่วม แต่ขณะนี้มีปัญหา เพราะยังไปติดการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ปริมณฑล จึงขออนุมัติกระทรวงกลาโหมนำกำลังจากองทัพภาคที่ 2 จำนวน 2,000 คน และจากศูนย์การทหารราบอีก 1,000 คนเศษมาช่วยแล้ว” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ใช้ทหารเกือบ 40,000 คนในการดูแลประชาชน พร้อมด้วยอุปกรณ์การช่วยชีวิต เรือ รถ แต่ขณะนี้รถเริ่มมีปัญหา

เพราะน้ำมีระดับสูง แต่เราก็จัดหาเรือเพิ่มเติม เพื่ออพยพประชาชน ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน เพราะหากยังอยู่ในบ้าน เส้นทางไกล การเข้าช่วยเหลือทำได้ลำบาก ทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำ หากเป็นไปได้ขอให้อพยพออกมาก่อน เพื่อให้การช่วยเหลือทำได้ทันท่วงที

ผบ.ทบ.เพิ่มกำลังทหาร 3,000 คน ป้องกันพื้นที่ กทม.


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าประชาชนไม่ยอกออกจากพื้นที่ แล้วต้องกระจายความช่วยเหลือ คงไม่ไหว

ขณะนี้ทุกส่วนราชการพยายามเต็มที่ แต่ด้วยข้อจำกัดของจำนวนคน รถ และเรือ จะกระจายแจกของตามบ้านทุกหลังเป็นไปไม่ได้ หากรวมกันได้จะง่ายต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้ต้องมาพูดกันต่อ เรื่องการฟื้นฟูหลังน้ำลดอีก

“ช่วงนี้อะไรที่เป็นปัญหาอยู่ ช่วยลดลงกันบ้าง ไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน มีบางแห่งไม่เข้าใจ เวลาเจ้าหน้าที่ไปทำงาน ก็ไปพังพนังกั้นน้ำต่าง ๆ หลายแห่งที่ประชาชนยังขัดขวาง เพราะไม่อยากให้น้ำท่วมพื้นที่ตัวเอง แต่มันทำให้น้ำกระจายไปทั่วและดูแลลำบาก ขณะนี้เครื่องมือต่าง ๆ ในการช่วยเหลือยังไม่เพียงพอ และจากการใช้งานอย่างหนักช่วงนี้ ก็ต้องใช้ต่อไป พื้นที่ไหนสูงมาก ก็ต้องถอนรถออกมา และนำเงินที่ได้รับบริจาคมาหลายสิบล้านบาทแล้ว จัดซื้อเรือเพิ่มเติม ทั้งติดเครื่องยนต์และไม่ติด การดัดแปลงเรือแอร์โบท ที่สามารถวิ่งในพื้นที่มีระดับน้ำตื้นได้” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการดูแลพื้นที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐานว่า กำลังพยายามกันน้ำที่แนวคลองประปาและเปรมประชากรให้มากที่สุด
 
เพราะน้ำที่จะเข้ามาในส่วนกลาง กทม.ได้ จะมาทาง 2-3 คลองนี้ ได้บอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้าป้องกันได้ ต้องป้องกันให้มากที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องเตรียมแผน 2, 3 ตามลำดับ ขออย่าตื่นตระหนก ให้เตรียมความพร้อมและเชื่อฟังเจ้าหน้าที่

“เป็นเรื่องที่เราต้องร่วมมือกัน อย่าโทษกันไปมา และอย่าโยนความรับผิดชอบให้ใครคนใดคนหนึ่ง การดูแลจะต้องให้ความสำคัญทุกส่วน ทั้งพระราชวังและพื้นที่โดยรวม ซึ่งมีส่วนราชการอยู่หลายแห่ง”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า สำหรับในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม ดูแลเท่าเทียมกันหมด และให้นโยบายไว้ว่า ถ้าน้ำทรงตัว ขอให้ทำพนังกั้น แล้วสูบน้ำออก โดยให้การสนับสนุนช่วยเหลือในทุกเรื่อง ร่วมกับนิคมอุตสาหกรรม ส่วนการดูแลประชาชนได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัดและส่วนปกครองท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดทุกจังหวัด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่น้ำจะไหลเข้าพื้นที่ กทม.ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ของหน่วยทหาร ว่า

ได้เตรียมแผนรองรับในการช่วยเหลือกำลังพล เพื่อให้กำลังพลเหล่านั้น สามารถออกไปช่วยเหลือประชาชนได้ ขณะนี้มีน้ำท่วมที่กองพันที่ 1 กรมทหาราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ (ร.1 พัน 2) ถนนแจ้งวัฒนะ ประมาณ 1 เมตรเศษแล้ว แต่ไม่เป็นอะไร เราดูแลกันเอง ไม่เป็นภาระ

ส่วนสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่ ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีคำสั่งเกี่ยวกับพื้นที่ภัยพิบัติในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มอำนาจให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ในการกำกับดูแลทุกส่วนราชการ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้เต็มที่ สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนโดยรวม เพราะถ้าใช้กฎหมายเต็มที่ อาจเกิดปัญหากระทบกระทั่งกัน ทั้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน และรัฐบาลกับประชาชน

ส่วนกรณีที่มีนักการเมืองพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่า เป็นการก้าวไปสู่การยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด ใครจะมายึดได้ ขณะนี้น้ำท่วมถึงคอแล้ว

“คงไม่มีใครโง่ไปทำหรอก ตอนนี้มีอย่างเดียว ช่วยประชาชนให้มากที่สุด ไม่สนใจ การเมืองคือการเมือง ไม่เกี่ยวกับการทหาร ท่านก็ว่ากันไป แต่อย่าให้ร้ายทหาร ซึ่งทุกคนเหน็ดเหนื่อย เครียด ไม่ว่าเหล่าทัพไหน ทุกกองทัพช่วยกันทำงานหมด ไม่ได้กลับบ้าน ดึกดื่นเที่ยงคืนอยู่กับประชาชนมาตลอด ขอร้องอย่ากล่าวพาดพิงให้เสียกำลังใจ เราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เราเป็นข้าราชการ” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว

เมื่อถามว่า ได้พบกับนายกรัฐมนตรีบ่อย ๆ จะขอให้กำราบคนเหล่านั้นหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงคิดและดูแลอยู่แล้ว บอกมาทุกครั้งว่าจะพยายามดูแลให้มากที่สุด ไม่ได้เป็นความขัดแย้ง

“บางเรื่องผมไม่ถือเป็นอารมณ์มากกว่า อย่าถือเป็นอารมณ์เลย และอย่ามองว่าเราขัดแย้งกับใคร ใครอยากพูดอะไร ก็พูดไป ผมขอให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว.-สำนักข่าวไทย

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์