ผบ.ทบ.ห่วงมือที่3ฉวยโอกาส สั่งทหารวางกำลังกันเหตุรุนแรง

“ผบ.ทบ.” ห่วงมือที่ 3 สั่งทหารวางกำลังป้องกันเหตุรุนแรง แม่ทัพภาค 1 มั่นใจตำรวจคุมสถานการณ์ได้ ย้ำ ทหาร 21 กองร้อยพร้อมสนับสนุนทันทีหากเกิดเหตุรุนแรง ด้านรักษาการนายกฯ เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ประเมินสถานการณ์ม็อบ
 

(24พ.ย.) พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ(พธม.)ที่เคลื่อนย้ายไปชุมนุมที่บริเวณอาคารรัฐสภา

เพื่อกดดันไม่ให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถดูแลได้อยู่ ตอนนี้กองทัพเพียงติดตามสถานการณ์อย่างเดียว และคิดว่าสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงอะไร ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกำลังทหารจำนวน 21 กองร้อย ที่ตำรวจร้องขอมานั้น ขณะนี้กำลังทหารยังอยู่ในที่ตั้ง แต่หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงทหารก็พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่ในการสนับสนุนตำรวจทันที


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการเรียกประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม

แต่หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะใช้การประสานงานทางโทรศัพท์ โดยกองทัพบกจะเป็นศูนย์กลางในการติดตามสถานการณ์ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ประสานขอกำลังสนับสนุนเพิ่ม หลังจากที่กองทัพได้ส่งกำลังพลสนับสนุนก่อนหน้านี้แล้ว รวม 21 กองร้อยรักษาความสงบ


ขณะที่ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)ระบุว่า ในส่วนของ กอ.รมน.จะมีการติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

เพื่อรายงานข้อมูลต่อคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม ประกอบการพิจารณา ซึ่งจากการติดตามประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังมั่นใจว่า เจ้าหน้าตำรวจสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ได้
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงความคืบหน้าการดำเนินการดูแลสถานการณ์ของรัฐบาล โดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รักษาการนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดต่อประสานงานกับแกนนำพันธมิตรฯเพื่อเจรจาให้ยุติการปิดล้อมอาคารรัฐสภา ทั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า สภาคงไม่สามารถประชุมได้ตามกำหนดการในวันนี้ที่ได้นัดหมายไว้ แต่ยังคาดหวังว่า 4-5 วัน ก่อนปิดสมัยการประชุมสภาในวันที่ 28 พ.ย. หากพันธมิตรฯยุติการปิดล้อมการประชุมรัฐสภาก็อาจจะเดินหน้าไปได้ เนื่องจากร่างความตกลงและร่างบันทึกความเข้าใจต่างๆ ที่จะใช้ในการประชุมสุดยอดอาเซียน(อาเซียนซัมมิท)ก็จะได้มีการพิจารณา ดังนั้นขณะนี้คงอยู่ในการดำเนินการของ รอง ผบ.ตร.


โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เวลา 10.30 น. นายชวรัตน์ ได้เชิญคณะรัฐมนตรี(ครม.)จากทุกพรรคนั้นมาร่วมหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งไม่ใช่เป็นการประชุม ครม.นัดพิเศษ เป็นเพียงการเชิญมาร่วมหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง ฉะนั้นรัฐมนตรีหลายคนที่ติดภารกิจอาจจะไม่ได้เข้ามาร่วมประชุม ขณะที่หลายคนถ้าเข้ามาร่วมประชุมได้ก็คงจะมา อย่างไรก็ตามนอกจาก ครม.แล้วก็ได้มีการเชิญหน่วยงานด้านความมั่น เช่น สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ รวมทั้งประสานตำรวจและทหาร ส่วน ผบ.เหล่าทัพก็ได้มีการติดต่อกันเชิญทั้งหมดเพียงแต่ว่า วันนี้ส่วนหลัก คือ ครม. ดังนั้นการนัดหารือหลักจึงอยู่ที่ ครม. เพราะส่วนอื่นกำลังปฏิบัติหน้าที่ทุกนาที โดยเฉพาะในส่วนของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบ.ช.น.)ก็มีการประสานงานกันตั้งแต่ช่วงเช้าท่านก็ทำงานยังไม่ได้หยุด รวมทั้งงานทางด้านการข่าว


เมื่อถามถึงการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์

แต่ ผบ.ทบ.บอกว่ายังไม่ทราบเรื่อง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ผบ.ทบ. เป็นประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม(คตร.)อยู่ก่อนแล้วไม่ใช่เป็นเพื่อรับมือสถานการณ์นี้เฉพาะ และท่านก็ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทหารจะอยู่ในสถานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่จะออกมาตามที่ตำรวจร้องขอ
 

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เมื่อสักครู่ในช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายกรัฐมนตรีและได้แยกออกเป็นสองเรื่อง

คือเรื่องสภาก็คงต้องรออยู่ดุลพินิจนายชัย ชิดชอบ ประธานสภา เป็นหลัก ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามและพร้อมที่จะร่วมหารือหากประธานสภาต้องการ และในส่วนของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายชวรัตน์พิจารณาในการกำกับดูแลสถานการณ์โดยนโยบายหลักเหมือนเดิม คือ ไม่มีการใช้กำลัง ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อไม่ให้เกิดความบาดเจ็บเสียหาย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์