ผบ.ทบ.ลั่น ไม่อยากเห็นมิกสัญญีในไทย

ผบ.ทบ. สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุ ความขัดแย้งของคนที่มีความเห็นไม่ตรงกันทำให้สถานการณ์บานปลาย ไม่คาดว่าจะมีการใช้อาวุธสงครามทำร้ายทหาร ไม่อยากเห็นมิกสัญญีในไทย ยัน ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง...

22 เม.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวเอเอฟพี ถึงสถานการณ์ด้านการเมืองขณะนี้ว่า

ปัญหาขณะนี้คือความขัดแย้งของคนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน โดยต้องยอมรับว่ามีการปลุกระดมมวลชนโดยใช้สื่อปลุกปั่นให้คนมีความเข้าใจผิดในหลายเรื่อง และยังมีการใช้มวลชนซึ่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มไม่ทราบฝ่ายแฝงตัวอยู่ และใช้อาวุธสงครามปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งฝ่ายเราก็ไม่คาดคิดว่าจะมีการใช้อาวุธร้ายแรงมากขนาดนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่เองได้มีการปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย นอกจากนั้น ความขัดแย้งของคนก็ได้มีการปฏิบัติการในลักษณะที่เกี่ยวโยงต่อเนื่องพร้อมกับการปราศรัย โดยใช้คำว่า “อยากเห็นมิกสัญญีหรือ” และจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง และมีการใช้กองกำลังจริง พร้อมกับมีการใช้อาวุธสงครามขนาดหนัก ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้อาวุธได้เลย

“ผมขอยืนยันว่าในเร็วๆ นี้ ผมจะนำเอาข้อมูลมาให้สาธารณชนได้รับทราบเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีสถาบัน ซึ่งมีเครือข่ายอย่างแน่นอน และออกมาในรูปของเว็บไซต์ กลุ่มคน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว นอกจากจะดึงเอาความขัดแย้งของคน 2 กลุ่มมาใช้ประโยชน์ และมีการมุ่งโจมตีสถาบันแล้ว ก็ยังมุ่งหวังเพื่อให้เกิดผลทางด้านการเมือง เพื่อประโยชน์กับใครกลุ่มใด ก็ต้องพิจารณากันเอง” ผบ.ทบ. กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการเปิดเผยรายละเอียดการโจมตีสถาบันอย่างไรและเมื่อไหร่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ถ้าเรื่องใดที่สามารถดำเนินการได้จึงจะเปิดเผย ซึ่งจะเป็นไปตามกฎหมาย และเปิดเผยเท่าที่ทำได้ เพื่อให้คนรู้และเห็นว่า มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอฉ.เข้ามาเกี่ยวข้องและสั่งการณ์ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ใครจะไปอ้างหรือกล่าวอะไรก็แล้วแต่ เป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่งที่ใครจะไปกล่าวอ้าง

โดยเฉพาะการกล่าวอ้างที่ว่านี้เป็นการกล่าวเท็จ การที่ศอฉ.จะดำเนินการเรื่องใดก็ตาม ศอฉ.จะต้องรับผิดชอบ เพราะเมื่อมีความผิด ก็ต้องขึ้นศาล และเราฝ่ายผู้ปฏิบัติ ก็ต้องดำเนินการตามนโยบายที่คนของรัฐบาลให้มาว่าจะทำอะไรอย่างไร คือถ้าทำแล้วเกิดความเสียหายต่อประเทศ มีคนบาดเจ็บล้มตายมาก เราก็จะชี้แจงให้รัฐบาลทราบว่าทำได้หรือไม่ได้ เพราะอะไร และทำแล้วไม่เกิดผลดี เพราะไม่ว่าสีใด ถ้าต้องปฏิบัติกับประชาชนที่เขาไม่รู้เรื่องในเปอร์เซ็นต์ที่เป็นผู้หญิงเยอะกว่าครึ่ง บางทีก็ทำอะไรลำบาก ก็ต้องใช้มาตรการอย่างอื่นประกอบกันไป พร้อมกับการสร้างความเข้าใจ ค่อยๆ สร้างการรับรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง บวกกับการมาตรการด้านกฎหมายที่เหมาะสมเพื่อทำให้สถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายไป

ผบ.ทบ.กล่าวอีกว่า หากเหลือผู้ชุมนุมเป็นเฉพาะฮาร์ดคอร์ ก็ไม่ยากต่อการดำเนินการ ซึ่งในส่วนการตัดสินใจนี้

ขอยืนยันว่าจะมีเฉพาะรัฐบาล คือนายกรัฐมนตรี รองฯสุเทพ และคณะทำงานของศอฉ.เท่านั้นที่จะเป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ คนอื่นเราไม่เคยไปเกี่ยวข้องด้วย และไม่เคยต้องไปติดต่อกับใครที่เขาไปกล่าวอ้าง โดยเฉพาะคนที่ตกเป็นข่าวอย่างไม่ยุติธรรม ท่านไม่เคยติดต่อกับเราในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ และไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะไปนั่งถาม

เมื่อถามว่า มีข่าวผบ.ทบ.อึดอัดในการทำหน้าที่ขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่อึดอัด คนไปตีความเอาเอง

ถ้าสมมติรัฐบาลอยากให้ทำเรื่องผิดกฎหมาย เราก็จะบอกว่าทำได้หรือไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องอึดอัดหรือต้องเครียดอะไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกัน และจะทำให้ผลออกมาดีที่สุด จะเห็นได้ว่า ถึงขณะนี้เรื่องต่างๆ บางทีทำได้ยากที่จะทำให้กฎหมายเป็นกฎหมายมันไม่ง่าย คนที่เรามีปัญหากันอยู่ก็เป็นพี่น้องคนไทยด้วยกัน ความเข้าใจหรือความเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้น ไม่ถึงกับจะเป็นผู้ร้าย แต่ส่วนคนผิดที่มีหมายจับ พวกซ่องสุมปลุกปั่น มีอาวุธสงครามก็เป็นคนละเรื่อง คนเหล่านี้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่คนมาชุมนุม เขาคงรู้ดีว่าเราไม่สามารถใช้อาวุธกับเขาได้ เขาถึงอยู่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ผมเชื่อมั่นว่าสังคมไทยจะต้องเป็นตัวตัดสินในเรื่องนี้

ทหารจะทำโดยกลไกสังคมและกลไกทางกฎหมาย คนไทยทั้งหมดต้องเชื่อมั่นว่า ปัญหาทั้งหมดจะหมดไปภายใต้บริบทของกฎหมาย และความเข้าใจก็ต้องค่อยๆทำไป เราไม่สามารถกำหนดเวลาได้ และไม่สามารถกำหนดมาตรการได้ว่าสลายแล้วจะจบ ถ้าสลายแล้วความคิดยังอยู่ ก็หมายถึงว่ายังไม่จบ เพราะฉะนั้นเราก็จะค่อยๆ ทำไป โดยขณะนี้เราเห็นแล้วว่าคนส่วนใหญ่เขารับรู้ ขณะที่คนบางคนไม่รับรู้ว่าเขากำลังถูกครอบงำ

ผบ.ทบ. กล่าวยืนยันด้วยว่า ขณะนี้จากการตรวจสอบด้านการข่าว พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอยากออกจากพื้นที่หลายคน

แต่ถูกให้อยู่ในที่ชุมนุมด้วยวิธียึดบัตรประชาชนไว้ และหว่านล้อมจนไม่รู้ว่าจะออกมาอย่างไร เพราะมาจากต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ ดึงคนเหล่านี้ออกมา เพราะไม่ใช่ผู้ร้ายฆ่าคนตาย หรืออาชญากร เขาเป็นคนไทยด้วยกันที่อาจเห็นต่างกัน แต่การไปก่อหวอดรวมกัน แล้วกระทำความผิดอย่างที่เป็นอยู่ อันนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่ต้องรับรู้ถึงผลที่จะตามมาว่า หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมได้ เพราะกฏหมายกำหนดไว้ ศอฉ.จึงได้ออกคำเตือนตลอด เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาประเทศไม่ใช่ปิดสี่แยกแล้วจะเอาให้ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ คงไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมา ตนก็เคยเจอปัญหาเรื่องนี้มาก่อน จึงใช้วิธีการนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวที่จะมีการสลายการชุมนุมใน 1-2 วันนี้ จะมีหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า อย่าให้ตนบอกว่าสลายหรือไม่สลายเลย

ตนจะทำทุกอย่างตามสถานการณ์ และผลที่ได้มาจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ถ้ารักษากฏหมายไว้ได้ ไม่มีคนบาดเจ็บและตาย และเป็นที่ยอมรับว่าทำตามกฏหมายและสมควรแก่เหตุมันเหมาะสมที่จะทำตอนไหนอย่างไร ตนก็คงทำ เว้นแต่เขาจะออกไปก่อน ก็ไม่ต้องทำ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์