ปูโพสต์เฟซบุ๊ก จวก ป.ป.ช.รีบร้อนทำคดีจำนำข้าว

ปูโพสต์เฟซบุ๊ก จวก ป.ป.ช.รีบร้อนทำคดีจำนำข้าว

"ปู"โพสต์"เฟซบุ๊ก" จวกป.ป.ช.รีบร้อนทำคดีจำนำข้าว ระบุ ทำหนังสือคัดค้านขอเปลี่ยนตัวคนทำสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริง

ผู้สื่อรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. เวลา 11.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่คำแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก

ถึงกรณีที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)กล่าว โทษในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตนยืนยันว่าตลอดเวลา 2 ปีกว่าที่ได้มาทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนตั้งใจที่จะทำงานรับใช้ประชาชนด้วยความมานะอุตสาหะและความซื่อสัตย์สุจริต แต่เมื่อป.ป.ช.มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีที่ป.ป.ช.มีเหตุควรสงสัยเรื่องการปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับ จำนำข้าวและการระบายข้าว โดยเพิกเฉย ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการตามอำนาจหน้าที่ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีหนังสือสำนักงานป.ป.ช.ลงวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา แจ้งเรื่องไต่สวนมาให้ตนทราบถึงการตั้งคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะ ไต่สวน โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยหนังสือดังกล่าวยืนยันว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้ไต่สวนจะปฏิบัติต่อตนให้ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอย่างเหมาะ สมด้วยความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่นั้น ตนเชื่อคำกล่าวอ้างในหนังสือของป.ป.ช. เพราะตนดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรี ควรได้รับการอำนวยความยุติธรรม โดยมีการรับฟังพยานหลักฐานในเรื่องที่มีการกล่าวหา และแม้กฎหมายจะระบุให้ป.ป.ช.ดำเนินการโดยเร็ว แต่ไม่ควรเร่งรีบ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)เป็นการทำงานในระดับนโยบาย

จึงไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการลงไปปฏิบัติการสั่งการหรือครอบงำเจ้าหน้าที่ใน ระดับปฏิบัติที่มีการทำงานตามขั้นตอนและกระบวนการปฏิบัติเพื่อรับจำนำและ ระบายข้าว อีกทั้ง การดำเนินโครงการนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) และตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยตนตระหนักเสมอว่า การทำงานจะต้องใช้หลักการในการบริหารจัดการที่ดีและมีการมอบหมายงานโดยเด็ดขาด เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบในแต่ละเรื่องแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจน

ดังนั้น เมื่อมีการแจ้งว่า จะไต่สวนข้อเท็จจริงกับตนทั้งที่ตนไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ  ตนจึงจำเป็นต้องขอใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรม

เพื่อขอทราบพยานหลักฐานตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง และกำหนดไว้ เพื่อจะได้ชี้แจงเรื่องที่ถูกกล่าวหาให้ป.ป.ช.เข้าใจในเบื้องต้นว่า ตนไม่ได้กระทำผิด และขอคัดค้านให้เปลี่ยนตัวผู้ที่เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนข้อ เท็จจริง แทนนายวิชานั้น ซึ่งตนได้ยื่นหนังสือ 2 ฉบับ ต่อคณะกรรมการป.ป.ช.แล้วเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าตั้งแต่วันนั้น ตนไม่เคยได้รับแจ้งจากป.ป.ช.ว่า ป.ป.ช.จะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ตนใน 2 เรื่องนี้หรือไม่ 

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า แต่เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกตนยื่นคัดค้าน กลับแถลงว่าป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ให้เรียกตนรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 27 ก.พ.นี้ เวลา 14.00 น.

ซึ่งถ้านับเวลาตั้งแต่วันที่ป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการไต่สวน จนถึงวันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา รวมเวลาที่ใช้ในการดำเนินคดีเพื่อแจ้งข้อหากับตนเพียง 21 วัน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่ป.ป.ช.ปฏิบัติต่อการไต่สวนในคดีทางการเมืองอื่นๆ และมีข้อสังเกตที่ว่าคดีที่บุคคลในรัฐบาลชุดที่แล้ว ถูกกล่าวหาในเรื่องทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ในหลายคดีเช่นกัน เช่น คดีการทุจริตในโครงการระบายข้าวในปี 2552 ซึ่งไม่มีความคืบหน้าใดๆ และมีกรณีการขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส.) ที่ยังค้างการพิจารณาของป.ป.ช. แต่กรณีของตนกลับตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาในเวลา 21 วัน ทั้งนี้ ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ว่าตนไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหา และตนพร้อมพิสูจน์ให้ชัดว่าโครงการรับจำนำข้าวมีเจตจำนงที่ดีและสร้างชีวิต ใหม่ให้กับชาวนา 

" แม้ชีวิตดิฉันจะต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา หรือต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามความต้องการของผู้ล้มล้างรัฐบาลใน ปัจจุบัน แต่ดิฉันพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริง โดยดิฉันหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และหวังว่าป.ป.ช.จะยอมรับฟังคำชี้แจงและพยานหลักฐานของดิฉันให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะชี้มูลความผิดกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรม ถ้าการอำนวยความยุติธรรมต่อตัวดิฉันมีจริง โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆ ป.ป.ช.ไม่ควรรีบร้อนไต่สวนและชี้มูลความผิดให้เป็นไปในลักษณะที่จะถูกสังคม กล่าวหาได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประสงค์ล้มล้างรัฐบาล " นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่า ได้ใช้อำนาจของตนอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรม และเป็นไปตามหลักนิติธรรมแล้วหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ประชาชนและชาวนาว่าอย่าเพิ่งท้อถอยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เราจะร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคไปด้วยกัน และตนพร้อมที่จะรับฟังและร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาวนาอย่างแท้จริง อีีกทั้ง ถ้าต้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้โครงการสัมฤทธิ์ผลยิ่งขึ้น ตนก็พร้อมดำเนินการทั้งหมดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน .


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์