ปูเช็กบิลรมต. โชว์ภาวะผู้นำ ปรับใหญ่ครม.!

ปลายปี 2554 ช่วงปลายวิกฤตมหาอุทกภัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวทีเล่นทีจริงถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่า ขอให้รัฐมนตรีส่งผลงานการทำงานในรอบ 3 เดือนมาให้ดู

หลังจากนั้นเรื่องราวเงียบหาย

แต่พอเทศกาลปีใหม่ผ่านไป ผลการตรวจงานรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะปรากฏในช่วง วันที่ 23 มกราคม ซึ่งเป็นวันตรุษจีน

ข่าวแจ้งว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นความต้องการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์โดยเฉพาะ เหตุเนื่องจากช่วงเกิดวิกฤตมหาอุทกภัยที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ต้องการกำลังจากรัฐมนตรีทุกกระทรวง แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีหลายกระทรวงทำงานได้ไม่เต็มที่

ยังมีรัฐมนตรีที่เมื่อรับตำแหน่งแล้วเกิดปัญหาทางการบริหาร ทั้งเรื่องการบริหารความขัดแย้ง และเรื่องความโปร่งใสในการบริหาร

ที่สำคัญ น.ส.ยิ่งลักษณ์เห็นว่า หากปล่อยให้ทีมงานในคณะรัฐมนตรีของตัวเองเป็นคนเดิม อาจส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลภายหลังงบประมาณผ่าน ดังนั้น จึงคิดปรับปรุงคณะรัฐมนตรี

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายซึ่งเป็นพี่เลี้ยง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับไม่เห็นด้วยในทีแรก เนื่องจากการปรับคณะรัฐมนตรีภายหลังฟอร์มรัฐบาลมาได้ไม่กี่เดือนอาจส่งผลกระทบทางการเมืองภายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีหลายกลุ่มหลายก๊วน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หลายคนที่คิดสนับสนุนให้แกนนำคนเสื้อแดงรับตำแหน่งรัฐมนตรี

จึงเกรงว่าหากรีบปรับคณะรัฐมนตรี จะทำให้การเมืองกระเพื่อมอีก

อย่างไรก็ตาม ในที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เป็นฝ่ายชนะ และการปรับคณะรัฐมนตรีที่ทีแรกเป็นเพียงกระแสข่าวแบบทีเล่นทีจริงจึงกลับกลายเป็นความเคลื่อนไหวที่เป็นจริงเป็นจัง

ยิ่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ล้มป่วยเป็นโรคเส้นประสาทสมองอักเสบเฉียบพลัน ต้องรับการรักษาตัวทุกวัน จึงต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี

ยิ่งทำให้กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีร่นระยะเข้ามา

มีกำหนดดีเดย์คือวันตรุษจีน


ปูเช็กบิลรมต. โชว์ภาวะผู้นำ ปรับใหญ่ครม.!

กระทรวงหลายกระทรวงที่อยู่ในข่ายการขยับ ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม มีชื่อ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และยังมีข่าวกระทบไปถึง นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมด้วย

ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะกระแสข่าวความขัดแย้งทางการบริหารภายในกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นเหตุให้การผลักดันงานของกระทรวงคมนาคมมีปัญหา

หากจำกันได้ พล.ต.ท.ชัจจ์ เคยให้สัมภาษณ์หลังจากมีข่าวว่าพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และระบายความอึดอัดใจจากการบริหารงานภายในกระทรวงคมนาคม กระทั่ง พล.อ.อ.สุกำพลเคลื่อนไหว เคลียร์ใจ และออกมาแถลงข่าวเลิกเกาเหลากันภายในกระทรวง

กระทรวงพลังงาน มีชื่อโยก นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ออกจากตำแหน่ง เพราะเหตุการบริหารงานภายในกระทรวงพลังงานเริ่มปรากฏปัญหาบางประการ

รายงานข่าวระบุว่า กรณีการบริหารงานภายในกระทรวงพลังงานนั้่น น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ประสบพบเอง

กระทรวงการคลัง มีชื่อโยก นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแอ๊กชั่นในช่วงช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี และผลงานไม่โดดเด่น แถมในช่วงประลองความคิดเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาโอนหนี้ 1.14 พันล้านล้านบาท ไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ใช้ ยังทำงานไม่สอดคล้องกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

กระทรวงศึกษาธิการ มีชื่อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ในตอนแรกว่าจะโยกพ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ แต่ภายหลังมีแรงหนุนทางการเมืองจากขั้ว นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ทำให้เก้าอี้กระทรวงศึกษาธิการมีเค้าว่าจะไม่เปลี่ยน

กระทรวงพาณิชย์ มีกระแสผลักดันจากพรรคเพื่อไทยภาคกลางที่จะเข้าดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในทีแรกมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยนำรายชื่อกระทรวงสำคัญ 3 กระทรวงไปให้นายบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา เลือกเพื่อขอแลกกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินของนายบรรหาร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่านายบรรหารเป็นนักการเมืองคนแรกๆ ที่ปักหลักอยู่กับพรรคเพื่อไทย

แม้รายงานข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีจะปรับเปลี่ยนไปวันต่อวัน แต่ดูเหมือนว่ากระทรวงที่ถูกปรับ จะเป็นกระทรวงใหญ่ๆ แทบทั้งสิ้น

กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ถ้ามี) กระทรวงศึกษาธิการ (ถ้ามี) กระทรวงพาณิชย์ (ถ้ามี)

ประมาณว่ามีรัฐมนตรีที่ต้องถูกปรับเปลี่ยนจำนวน 10 คน และเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงใหญ่ๆ ทั้งนั้น

การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จึงมิใช่ปรับเล็ก ....หากแต่เป็นการปรับใหญ่

น่าสนใจตรงที่ การปรับใหญ่ครั้งนี้เป็นการปรับอันเนื่องมาจากแรงขับของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงทีมงานหลังจากเห็นฝีไม้ลายมือกันแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมา

น่าสนใจตรงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีทีท่าไม่เห็นด้วยในคราวแรก กลับเห็นพ้องในตอนหลัง

และหากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการปรับโดยฝีมือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เท่ากับเพิ่มภาวะผู้นำให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์