“ปูท่องคาถานิรโทษไม่ใช่เพื่อพี่ชาย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่การเสนอให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับที่เสนอโดย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาพิจารณาเร็วขึ้น แต่มีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลจะดูแลไม่ให้เกิดรุนแรงหรือความขัดแย้งที่อาจเกิดตามมาได้อย่างไร ว่า การเสนอนำร่าง พ.ร.บ.เข้ามาพิจารณา ถือเป็นกลไกที่สมาชิกจะต้องถกเถียงกันในสภาฯ ตามหลักประชาธิปไตย ความคิดดังกล่าวถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตยที่พึงกระทำได้ ส่วนหน้าที่ของรัฐบาลจะดูเรื่องความสงบสุข และรัฐบาลก็มีกลไกในการเปิดเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนว่าควรมีทางออกอย่างไร

เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่จะเดินหน้าเรื่องนิรโทษกรรมแล้วหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วกระบวนการเรื่องความปรองดองที่เราอยากให้ให้เกิดขึ้นนั้น ตามหลักสากลทุกทีต้องเริ่มจากกระบวนการพูดคุย

ถ้าเราไม่เริ่มนับหนึ่งเลยจะไม่มีทางออกและจะทิ้งความขัดแย้งอยู่ในใจของคนไทยต่อไป เพราะถ้าเราคิดว่าอะไรที่เป็นความกังวลใจและจะร่วมกันทำได้ เพื่อให้คนไทยสงบสุข และลดความข้องใจและความขัดแย้งให้ลงไปได้จะเป็นทางออกที่ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาค้างคา และตนมองว่าเวทีรัฐสภาเป็นเวทีที่ถูกต้อง ที่จะใช้ตัวแทนของประชาชนมาเป็นตัวแทนในการพูดคุยกัน เพราะฝ่ายนิติบัญญัติเป็นฝ่ายที่จะต้องนำไปพิจารณาเพื่อหาทางออกต่อไป ไม่ใช่พูดเพียงวาจาแต่การทำงานต้องมีกลไกให้พร้อม

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อสังเกตว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อปูทางช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

ตนเชื่อว่าสมาชิกสภาฯทุกคนจะดูแลผลประโยชน์โดยรวมของประชาชนอยู่แล้ว และกลไกนี้มีทุกพรรคการเมืองที่เข้าร่วมถกเถียงกันอยู่แล้ว อีกทั้งกระแสสังคมและสื่อมวลชนติดตามอยู่ตลอด คงไม่มีใครสามารถทำงานเพื่อคนๆเดียว เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีการลักไก่เสนอให้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดองใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวย้อนว่า “แล้วที่ผ่านมามีโอกาสหรือคะ ไม่มีเลย และจริงๆแล้วไม่มีโอกาสอยู่แล้ว ทุกอย่างมีกลไกตรวจสอบอยู่แล้ว ดิฉันเชื่อมั่นว่าทุกคนจะทำหน้าที่เพื่อประชาชนส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง และอยากให้มองที่ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง”

เมื่อถามว่าถึงกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุในการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าจะพาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านภายในสิ้นปีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถือเป็นความปรารถนาของนายสมชายที่อยากเห็น แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกกฎหมายและระบอบประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 โดยไม่สนใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จนเกิดเสียงวิจารณ์ว่าฝ่ายนิติบัญญัติไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ต้องเรียนว่าในแต่ละเสาหลักทั้งสามเสาหลักก็มีหน้าที่ของตนเอง ตนมองว่าแต่ละคนต้องหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่