ประสิทธิ์ ชี้ปัญหาที่ดินมีทั่วประเทศเชื่อนายกฯ ไม่มีเจตนารุกป่า

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ย้ำปัญหาที่ดินในป่าสงวนฯ มีอยู่ทั่วประเทศนับแสนไร่ เนื่องจากกฎหมายเก่า และการถือครองมานานปี ส่วนที่ดินของ สุรยุทธ์ ต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก

วันนี้ (28 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

เมื่อเวลา 10.15 น. นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอวยพร พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการเข้าอวยพร นายประสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่าได้นำพระพุทธรูปจากหลวงพ่อโตมามอบให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านนายกฯ ก็อวยพรขอให้เดินตามแนวทางศีลธรรม จริยธรรม ความถูกต้อง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

หลังจากนั้น นายประสิทธิ์ให้สัมภาษณ์กรณีปัญหาที่ดินบนเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรีว่า ตนเข้าใจว่าท่านนายกรัฐมนตรีพูดไปแล้วว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบหาความเป็นจริง คงไม่มีปัญหา เพราะมีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า

โดยปกติเวลาชาวบ้านไปบุกรุกที่ดินแล้วใช้สิทธิ์ในการปลูกสิ่งก่อสร้างสามารถเปลี่ยนมือไปเป็นของคนอื่นได้หรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องนี้ตนจะไม่พูดถึงกรณีของนายกรัฐมนตรี แต่ในแง่ความเห็นทั่วไป อย่างเช่นเรื่องที่ดินของรัฐนั้น ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐเองบางทีการที่จะออกเอกสารสิทธิอาจจะมีความคลาดเคลื่อน และบางเรื่องเป็นเรื่องของการที่ชาวบ้านแปรสภาพของที่ดินไปแล้ว และทำการออกเอกสารสิทธิ

ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะให้ฟังแบบหยาบๆ บางทีคงจะไปวินิจฉัยไม่ได้ เพาะบางทีที่ดินบางส่วนเป็นที่สาธารณะก็อาจจะมีการแปรสภาพ และโดยผลของการใช้ที่ดินก็ทำให้ออกเอกสารสิทธิได้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกรณีที่ดินของรัฐที่มีการออกเอกสารสิทธิไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย อันนั้นก็มีแต่ต้องมาดูในส่วนของข้อเท็จจริงด้วย

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้ปรึกษาข้อกฎหมายอะไรบ้างหรือไม่

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี แม้กระทั่งตนถามก็ไม่ได้ถามเลย เมื่อถามต่อว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการบริหารราชแผ่นดินหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่ เพราะท่านนายกฯ ได้ให้ข่าวว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อกฎหมายเป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้น อีกทั้งท่านก็ไม่ได้ยืนยันว่าทุกอย่างที่พูดนั้นถูกต้องทั้งหมด แต่คิดว่าไม่มีปัญหา

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า

ปัญหาในเรื่องของการออกเอกสารสิทธินั้น คงไม่ใช่เฉพาะที่ดินนายกรัฐมนตรีเท่านั้น บางพื้นที่เป็นแสนๆ ไร่เป็นหมื่นๆ ไร่ ที่มีเจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิมีอายุการใช้ยาวนานเสียจนไม่รู้ที่มา และไม่ได้ถอนสภาพที่ดินเดิมซึ่งมีกฎหมายอยู่แล้ว ฉะนั้นปัญหานี้จึงเป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต


อีกทั้งกฎหมายที่ดินบางแปลงเป็นกฎหมายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เขาจึงเรียกว่าเป็นที่พิเศษ เป็นที่สงวนไว้พิเศษ จนเวลาผ่านไปเป็นร้อยปีไปแล้ว เมื่อไม่ได้ถอนสภาพ ผลทางกฎหมายจึงยังมีอยู่ และผู้ที่ไปเอาเอกสารสิทธิก็ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ชาวบ้านก็อยู่กันแล้วหลายสิบปีก็มี

อย่างทางภาคใต้แถวจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็ยังมีอยู่ แต่ถ้าผู้ที่ไปบุกรุกโดยที่รู้แล้วเข้าไปยึดครองแสดงเอกสารสิทธิ อันนั้นผิดแน่ๆ แต่อันนี้ผมคิดว่าคงไม่ผิด เหมือนกับเราถ้าถูกเรียกคืนก็รู้สึกเสียดายเพราะไม่มีเจตนา เพราะบางทีก็ไปก่อสร้างด้วยความบริสุทธิ์ ขออนุญาตก่อสร้างถูกต้อง ทะเบียนบ้านก็มีแล้ว อยู่มาแล้วก็หลายปี สภาพแบบนี้ก็ยังมีอยู่ในเมืองไทยมีปัญหาเยอะ นายประสิทธิ์ กล่าว

นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า


การเข้าครอบครองถ้าเป็นกรณีที่เข้าครอบครองโดยไม่รู้ แล้วก็มีเอกสารสิทธิทุกอย่าง อย่างเช่นมีคนบังเอิญไปซื้อที่ดินสักแปลงหนึ่งโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทุกอย่างถูกต้อง โดยทำการจดทะเบียนทุกอย่างแล้วจู่ๆ จะไปลงโทษได้อย่างไร เพราะว่าไม่รู้ ส่วนคนที่ผิดหรือไม่คือเจ้าหน้าที่ที่ไปสำรวจในเรื่องของที่ดินแปลงนั้น ดังนั้น เริ่มต้นก็ต้องดูว่าเขาทำโดยสุจริตหรือไม่สุจริต ข้อเท็จจริงเป็นประการใด

เมื่อถามว่า ทางฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทยระบุว่าเข้าข่ายการบุกรุกป่าสงวนฯ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องที่ฟังข้อเท็จจริงที่สรุปแบบนั้นตนจะไม่ตอบ เพราะยังไม่ได้เห็นอะไรเลย เอกสารสักแผ่นตนยังไม่เห็นแล้วจะให้ตนมาทำตัวเป็นศาลตัดสินได้อย่างไร เพราะจะไม่ยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การที่จะตอบว่าผิดหรือถูกต้องดูเอกสารให้ครบถ้วน ประกอบข้อกฎหมายว่ามีอะไรบ้าง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์