ประยุทธ์ไม่หวั่นดีเอสไอเรียกสอบคดีแดง

ประยุทธ์ไม่หวั่นดีเอสไอเรียกสอบคดีแดง

'ประยุทธ์' ไม่หนักใจ'ดีเอสไอ'เรียก 'พลระวังป้องกัน' สอบคดีแดง วอนปล่อยศาลตัดสินผิด-ถูก เชื่อสังคมเข้าใจยันทหารไม่ทำร้ายปชช.

21 ส.ค.55 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เชิญเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำหน้าที่ พลระวังป้องกันในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 มาสอบสวนว่า เท่าที่ทราบเขารับราชการเป็นพลทหารและมียศเป็นสิบตรีกองประจำการ โดยเกษียณไปแล้ว ซึ่งทางดีเอสไอมีอำนาจที่จะเรียกไปสอบสวน ก็ต้องมารายงานตัวและให้ข้อมูล แม้ว่ากำลังพลจะเกษียณไปแล้ว ทางกองทัพบกจะจัดส่งเจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญไปดูแล คอยให้ความมั่นใจกับเขา เพราะเขาเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปลดประจำการไปแล้ว และเป็นกองหนุน ซึ่งความผูกพันที่เรามีให้กันไม่ใช่เฉพาะในส่วนของทหารที่รับราชการอยู่ เมื่อเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ยังมีชมรมทหารกองหนุนอยู่ มีการติดตามดูแลเอาใจใส่ ใครเดือดร้อนกลับมาให้ผู้บังคับบัญชาเก่าดูแล ซึ่งตนได้มอบหมายความรับผิดชอบไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เกรงกลัวอะไร จะผิดจะถูกก็เป็นเรื่องของกฎหมายและเป็นอำนาจในการเรียก โดยที่ผ่านมากองทัพบกก็ให้ความร่วมมือทุกประการ ไม่เคยปกปิดหรือพูดในสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่า มั่นใจพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ เจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงทำให้ประชาชนมั่นใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐได้มากน้อยแค่ไหน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องคำนึงในหลายส่วน ทั้งวัตถุพยาน พยานบุคคล รวมถึงการพิสูจน์นิติทางวิทยาศาสตร์ นำสิ่งเหล่านี้มาประกอบกันก่อนจะเข้าสู่กระบวนการตัดสิน หากมีพยานก็ต้องไปดูว่าพยานเชื่อถือได้หรือไม่ และในห้วงที่ผ่านมาหายไปไหน แล้วในวันนี้ถึงปรากฎตัวขึ้นมามากมาย รวมทั้งพยานของอีกฝ่ายหายว่า ไปไหนหมดก็ต้องไปว่ากัน

       
“ผมคิดว่าสังคมทราบดีว่า เกิดอะไรขึ้น ส่วนของทหารไม่ได้หวั่นไหวอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่สิ่งที่ผมพยายามอธิบายให้เข้าใจ ไม่อยากให้เอาประเด็นนี้มาทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องว่ากันไป เหมือนกับคดีอื่นๆ ถ้านำเรื่องนี้มาเป็นเรื่องใหญ่ บ้านเมืองก็วุ่นวาย เรื่องคดีก็ต้องต่อสู้กันไป คิดว่าไม่ได้มาตัดสินในวัน 2 วันนี้อยู่แล้ว ใครมีพยานหลักฐานก็เอามาประกอบ ศาลให้โอกาสทุกฝ่ายอยู่แล้ว และตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ก็ต้องชี้แจงกันไป ผมและทหารทุกคนไม่ได้หนักใจอะไร เพียงแต่ถ้าพูดกันไปมากๆ สังคมจะเข้าใจว่าการกระทำความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมไทย “ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

      
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การทำงานที่ผ่านมาไม่ใช่เฉพาะแต่ในส่วนของทหาร หรือใครคนใดคนหนึ่งแต่ทำกันเป็นรูปแบบคณะทำงาน และเป็นกฎหมายจะผิดจะถูกก็ไปว่าในกระบวนการยุติธรรม
 
สำหรับข้อมูล หลักฐานของกองทัพบกที่ส่งไปให้พนักงานสอบสวน บางส่วนหายไปไม่ได้รับการพิจารณานั้น ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เพราะเป็นหลักฐานที่ต้องลงบันทึกประจำวัน อาจจะพูดว่าไม่เห็น ไม่มีก็พูดได้ แต่หลักฐานมีอยู่จริง เราส่งอะไรไปอย่างไรก็ต้องมี ถ้าหลักฐานที่ส่งไม่ได้ถูกบันทึกไว้ก็ใช้ไม่ได้ จะต้องมีการบันทึกทั้งคนส่งและคนรับ บางครั้งผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานอาจจะไม่ทราบ จนไม่ได้พูดถึง ซึ่งต้องมี แต่ถ้าไม่มีจริงๆก็หากันใหม่ รวบรวมกันได้เพราะหลักฐานก็ต้องมีสำเนาทุกเรื่อง อย่างไรก็ตามไม่อยากให้นำหลักฐานมาตีแผ่ น่าจะนำไปพูดคุยกันในศาลมากกว่า ถ้าเอามาพูดกันตามสื่อก็ไม่มีอะไรดีกับใคร เป็นเรื่องกันแค่ 2 ฝ่าย แต่ทำไมต้องนำเรื่องดังกล่าวมายัดให้คนทั้งประเทศรับรู้ทุกวัน ตนคิดว่าประชาชนก็เครียด แทนที่จะเอาเวลาไปทำมาหากิน ต้องมานั่งฟังเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องระหว่างคน 2 กลุ่ม ตอนนี้เศรษฐกิจโลกก็แย่ลง จีดีพีก็ต่ำลงไปอีก ราคายางพาราก็แย่ลง อยากให้ช่วยกันไปทำตรงนี้ดีกว่า นั้นก็เป็นทุกข์กันอยู่แล้ว มาเจอเรื่องนี้ก็เป็นทุกข์เข้าไปอีกแล้วจะอยู่กันอย่างไร

      
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตทำอย่างไรให้สงบเงียบ และให้กระบวนการยุติธรรมทำงานไป
 
และให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสีไหน ตนไม่เคยแยกและไม่เคยสั่งว่าถ้าเป็นสีนั้นสีนี้ไม่ต้องไปช่วย ช่วยทุกสี การที่จะมามองว่าทหารทำร้ายประชาชนอย่างเดียว คิดว่าไม่ถูก อยากให้กลับไปหาว่าจริงๆแล้วใครทำร้ายใคร ใครเป็นเจ้าหน้าที่ ใครเป็นผู้ก่อเหตุ ไปหากันให้เจอว่าใครก่อเรื่อง อย่างไรก็ตามไม่อยากไปพาดพิงว่าใครเป็นพวกใคร แต่ระหว่างคนดีกับคนร้าย แยกกันให้ออกและไปหาให้เจอ ซึ่งเหตุการณ์ในปี 2553 ทุกคนในประเทศก็เห็นว่าเป็นอย่างไร ทหารไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำร้ายประชาชน ทุกคนไปทำตามหน้าที่


 อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่า ผบ.ทบ. น้อยใจที่ทำงานมาก แต่ถูกว่ากล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่เคยน้อยใจ เพราะไม่ใช่คนใจน้อย หัวก็ไม่ล้านด้วย”


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์