ประยุทธ์ปัดคุยทักษิณต่อรองเก้าอี้ รมว.กลาโหม

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)

ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อสายพูดคุยถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า คงต้องไปถามคนให้ข่าว ตนไม่มีการติดต่อ และไม่มีการพูดคุยกับใคร ตนเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า เรื่องนี้จะถามหารือหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าถามถือเป็นการให้เกียรติกองทัพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่การถามควรจะต้องเป็นการถามโดยตรงกับตนเองหรือติดต่อกับตนเอง คงไม่ได้เป็นการถามผ่านคนอื่นหรือคนนั้นคนนี้มาถามตน ตนถือว่า เรื่องบางเรื่องมีเหตุผลว่า เป็นอย่างนี้เพราะอะไร หรือทำไมต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ บางเรื่องเป็นเรื่องที่สำคัญต่อประเทศชาติ อยากเรียนอีกครั้งว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน และที่กล่าวอ้างว่า มีการติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านโปรแกรมพูดคุยสไกป์ (Skype) นั้น ตนไม่เคยสไกป์กับใคร และไม่เคยสั่งให้ใครไปสไกป์ด้วย ถ้ามีการพูดคุยตนจะบอกว่า คุยกันหรือยัง คุยกันเมื่อไร อย่างไร แต่ขณะนี้ยืนยันว่า ยังไม่มี


เมื่อถามว่า หากพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเสนอใครให้เป็น รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คิดว่า ไม่น่าจะใช่คนที่คุย
 
เพราะคนที่จะคุยควรจะเป็นคนที่มีสิทธิ มีเสียง มีอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล คือ ว่าที่นายกรัฐมนตรีใหม่หรือไม่ ส่วนการพูดคุยกับกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีนั้น ตนพร้อมอยู่แล้ว ตนบอกแล้วว่า เมื่อสถานการณ์การเลือกตั้งเรียบร้อยเป็นไปตามขั้นตอนแล้ว และมีการประกาศรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงพร้อมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ตนพร้อมคุยเสมอ กองทัพบกพร้อมยินดีต้อนรับทุกท่านมาคุยที่กองทัพบก เราพร้อมเปิดห้องรับรองทุกท่าน


เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า หากพูดคุยแล้วจะมีการต่อรองอะไรกับกองทัพ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

ไม่หรอก แต่ตนอยากให้พูดถึงหลักการ กองทัพไม่น่าจะอยู่ในฐานะที่ต่อรอง แต่กองทัพอยู่ในฐานะข้าราชการประจำหน่วยหนึ่ง และกองทัพพร้อมปฏิบัติตามหน้าที่ตามคำสั่งฝ่ายบริหาร แต่ถ้าถามกองทัพ หรือให้เกียรติกองทัพว่า ควรจะเป็นอย่างไร ตนก็สามารถตอบได้ว่า สถานการณ์ในวันนี้ควรจะมีคนที่เป็นแบบนี้หรือมีบุคลิกแบบนี้ เช่น บุคลิกในเรื่องความปรองดอง หรือในการทำงาน ซึ่งคำว่า ปรองดอง คือ ไม่ใช่ปรองดองแบบทั่วไป แต่เป็นการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีต่อกันในทุกเรื่อง ทุกฝ่าย ทั้งระดับบน และระดับล่าง รวมถึงทุกเหล่าทัพ ไม่เฉพาะกองทัพบก ซึ่งบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ต้องเป็นพวกมือประสานในการทำหน้าที่ เป็นผู้บังคับบัญชาที่มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพและมีความเป็นธรรม หรือมีเกียรติยศ


เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.ยังเป็นตัวเลือกที่จะเสนอให้รัฐบาลเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ความจริงพวกพี่ๆ ไม่อยากเป็น แต่ถ้าเป็นความจำเป็นก็ไม่รู้ ก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่ว่า ใครอยากเป็นก็เป็นได้ มันไม่ใช่ แต่ขึ้นอยู่กับเขาจะตั้งหรือไม่ เรื่องนี้ต้องถามคนตั้ง ทั้งนี้ทุกท่านที่เอ่ยชื่อทั้งหมด ไม่ว่า จะเอ่ยมา 2 ท่าน หรือกี่ท่านมีสิทธิ์ทั้งนั้น แต่ตอนนี้อยู่ที่ว่า ใครเป็นผู้คัดเลือก และคุณสมบัติที่ประเทศเราต้องการในส่วนงานด้านความมั่นคงต้องการในลักษณะไหน เรื่องแรกคือคุณสมบัติส่วนตัวที่จะต้องโอเค สมาร์ท ต้องรู้และมีประสบการณ์ ซึ่งทุกท่านที่ว่ามา มีคุณสมบัติเหล่านี้ทุกคน ประการที่สอง คือ สถานการณ์ด้านความมั่นคงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และแบ่งเป็นหลายมิติ ไม่ว่า จะเป็นปัญหาชายแดน ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ หรือความมั่นคงทางด้านการเมืองที่ต้องเดินด้วยกัน โดยเฉพาะงานด้านการพัฒนา ซึ่งบุคคลที่จะเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารในงานด้านความมั่นคงต้องรู้ทุกเรื่อง และเป็นผู้ที่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งมีการพัฒนามาตามลำดับ ถ้าท่านไม่รู้ หรือไม่เคยมีประสบการณ์เลย แล้วเข้ามาทำ แม้ว่า ทุกท่านสามารถทำได้ และเก่งทุกคน แต่ต้องใช้ระยะเวลามากในการแก้ไขปัญหา และการใช้เวลาจะทำให้เสียประโยชน์ไปหรือไม่ เพราะทุกวันนี้อะไรเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ไม่ว่า บทบาทต่อต่างประเทศหรือในประเทศทั้งเรื่องด้านกฎหมายก็เปลี่ยนไปหมด ดังนั้นตนอยากได้บุคลาการ ผู้บังคับบัญชาที่รอบรู้ และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล


เมื่อถามว่า กองทัพจะยอมหรือไม่ หากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่กองทัพต้องการต้องแลกกับการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ
 
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่เอ่ยชื่อได้ไหม เพราะท่านอยู่ของท่าน ตนไม่เคยเอ่ยชื่อท่านเลย เรื่องของท่านเป็นเรื่องกติกาของบ้านเมืองที่ต้องว่ากันไป เราคงไปกล่าวถึงท่านไม่ได้ ว่า จะกลับหรือไม่กลับอย่างไร เพราะไม่ใช่เรื่องของตน อยากเรียนอีกครั้งว่า ไม่ใช่เรื่องการต่อรอง แต่เป็นเรื่องการถามความคิดเห็นว่า กองทัพบกต้องการอย่างไร แต่ความต้องการของตนจะได้หรือไม่ เป็นคนละเรื่อง อย่างไรตนก็ต้องทำงานอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องส่วนตัวว่า ตนจะอยู่แล้วได้ประโยชน์ ไม่เกี่ยว เอาว่า จะทำงานได้ราบรื่นหรือไม่ดีกว่า


เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็มีสิทธิ สามารถเชิญมาเป็นได้หมด มีสิทธิได้เป็นกันทุกคน ส่วนกรณีที่มี ตท.10 ไม่เห็นด้วยกับการให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ และพล.อ.ประวิตร มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ตนไม่รู้ และไม่ได้ยินเรื่องนี้ ตนบอกแล้วว่า ทุกคนเป็นได้หมด แต่เขาจะตั้งหรือไม่


เมื่อถามว่า มั่นใจว่า นายกฯหญิงจะสามารถบริหารประเทศได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

ทุกวันนี้มีหลายประเทศในโลกที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ เขาเรียกว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน คนไทยก็เก่ง ต้องลองให้ท่านทำดู เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีนายกฯหญิง ทั้งนี้ทหารมีผู้บังคับบัญชาอยู่ 2 อย่าง คือ ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น กับผู้บังคับบัญชาโดยตรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตนคือ ผบ.ทหารสูงสุด หากสูงขึ้นไปก็เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม รมว.กลาโหม และนายกรัฐมนตรี ที่เรียกว่า สายบังคับบัญชา


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์