ประชุมสภาหงอย - โสภณ เข็ดยันไม่แตะศาล ปค.

ประชุมสภาหงอย - โสภณ เข็ดยันไม่แตะศาล ปค.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤษภาคม 2549 11:29 น.

เลขาฯ ทรท.ยืนยันลอยแพ โสภณ ยันการประชุม ส.ส.วันนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค อ้างยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ขณะที่บรรยากาศการประชุม ส.ส.ยังเงียบเหงา ด้านเจ้าตัวระบุเป็นการหารือถึงสถานการณ์บ้านเมือง ไม่แตะเรื่องศาลปกครองแต่ยินดีรับผิดชอบคนเดียวหากคำพูดหมิ่นศาล

วันนี้ (4 พ.ค.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.ของพรรคที่นำโดย นายโสภณ เพชรสว่าง ส.ส.บุรีรัมย์ กลุ่มวังน้ำยม ออกมาเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยและจะดำเนินการตามกฎหมาย หากศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาเป็นโมฆะ โดยย้ำการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัวของกลุ่ม ส.ส.เหล่านั้นที่อาจไม่สบายใจ เนื่องจากเพิ่งผ่านกระบวนการและได้รับการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม นายสุริยะซึ่งเป็นสมาชิกคนสำคัญของกลุ่มวังน้ำยม กล่าวว่า สำหรับความเห็นของแกนนำพรรคนั้น การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่จุดยืนและมติของพรรค โดยพรรคไทยรักไทยมีจุดยืนชัดเจนว่าพร้อมรับคำตัดสินและวินิจฉัยของศาลทุกประการ เพื่อเป็นการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทางพรรคได้ดำเนินการมาตลอด

ด้าน นายโสภณ กล่าวยืนยันว่า ถึงแม้ว่าจะมีส.ส.มาร่วมประชุมกี่คน แต่ไม่ว่าจะมาแค่ 9-10คนก็จะประชุม สำหรับประเด็นที่จะหารือคือเรื่องส.ส.ไม่ครบ 500คนทำให้เปิดประชุมไม่ได้จะทำอย่างไรจะให้เปิดประชุมได้ ส่วนแนวทางที่จะพิจารณาเรื่องนี้ได้วางหลักไว้ 3 ประการ คือการยึดพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ,ยึดถือรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และยึดถือคำพิพากษาของศาลเป็นหลักอย่างเช่นในวันนี้หากศาลปกครองวินิจฉัยว่ามีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้ก็จบประเด็นถัดมาคือปัญหาเศรษฐกิจซึ่งมีปัญหาน้ำมันแพงและสินค้าขึ้นราคาเมื่อเป็นส.ส.แล้วยังไม่มีสภาฯประชุมจะทำอย่างไรก็จะมาหารือในเรื่องนี้

ผมไม่ได้ประสานพรรคอื่นเลย ส่วนใครจะไม่มาก็ไม่มา ผมไม่ได้เจาะจงให้มาส่วนกรณีที่ผู้ใหญ่ในพรรคให้สัมภาษณ์ว่าพรรคน้อมรับพระราชดำรัส ผมก็น้อมรับ เพราะผมเป็นส.ส.มา 20 ปี ไม่เคยประพฤติชั่วไม่เคยกินสินบาทคาดสินบน ถ้าพรรคไม่พอใจก็บอกว่ามาว่าคุณโสภณทำอย่างนี้ไม่ถูกต้องผมจะได้ลาออกไปอยู่พรรคอื่น ผมไม่สนใจการเลือกตั้งครั้งหน้าหรอกผมขอแค่บั่นปลายชีวิตทำงานเพื่อบ้านเมืองให้โปร่งใส นายโสภณ กล่าว

ส.ส.บุรีรัมย์ กล่าวต่อว่า ที่ตนกล้าให้สัมภาษณ์อย่างไม่เกรงใครเพราะตนทำไปทำด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีแอบแฝง ไม่มีท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มาสั่ง และถ้าจะมีอะไรผิดก็ผิดที่ตนคนเดียว และขอกราบเรียนด้วยความสุจริตตนเป็นทนายความอยู่ต่างจังหวัดรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และตนยึดถือคำพิพากษาของศาลมาโดยตลอดไม่เคยจะไปละเมิดอำนาจของศาล ซึ่งศาลจะพิพากษาอย่างไรก็มีหลักของท่านมีเหตุมีผลแต่บังเอิญเรื่องศาลปกครองมีความสับสนเพราะศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเรื่องการเลือกตั้งเป็นเรื่องของกกต.พอมีคนไปร้องเรื่องการเลือกตั้งศาลปกครองก็ไม่รับ 2-3 ครั้ง เลยเกิดความสับสนว่ามีอำนาจหรือเปล่าเท่านั้นเอง รวมทั้งมีส.ส.มาหาคุยกับผมบอกว่าให้ตนนำเรื่องนี้มาคุยกันหน่อยตนก็ทำ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ศาลปกครองหาหลักฐานการแถลงข่าวของนายโสภณเพื่อนำไปตรวจสอบนายโสภณ กล่าวว่านั่นคือการที่ศาลท่านให้ความเป็นธรรมกับตนเพราะท่านต้องตรวจสอบว่าใครพูดอย่างไรเป็นอย่างไร

ขอให้เทปอย่ามีการตัดต่อก็แล้วกัน เอาตามจริงๆ ออกมา ถ้าผิดก็ยอมรับผิดลูกผู้ชาย ถ้าไม่ผิดก็ว่าไปซึ่งผมว่าผมไม่ผิดแล้วจะเอาอย่างไรก็ว่ากันด้วยเหตุด้วยผลผมไม่ได้คิดอะไรให้ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมถ้าศาลมีหมายมาผมก็ไปชี้แจง นี่ยังไม่ทันไรมีคนไปปล่อยข่าวว่ามีหมายเรียกแล้วตอนนี้ศาลแค่เอาหลักฐานไปตรวจสอบซึ่งให้ความเป็นธรรมกับผมและพวก นายโสภณกล่าว

สำหรับกรณีที่นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ วังน้ำยม พรรคไทยรักไทย อออกมาระบุไม่ให้นายโสภณเอาชื่อพรรคมาแอบอ้าง นายโสภณ กล่าวว่า เรื่องนี้นายประเสริฐไม่เข้าใจ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นนายสุริยะหรือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค ออกมาพูดก็ว่าไป ตนยืนยันว่าตนทำส่วนตัวถ้าเกิดความเสียหายให้มาบอกตนจะได้ลาออกขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้คุยกับนายสุริยะ มีเพียงเมื่อคืน(3 พ.ค.) ตอน 21.00น. ที่ได้มีการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ และนายสมศักดิ์ โทรศัพท์มาแนะนำว่าตอนให้สัมภาษณ์ให้ยิ้มๆ หน่อยเพราะดูดุดันมากไปไม่มีการสั่งกำชับอะไรทั้งนั้นเพราะตนเป็นคนที่สั่งอะไรไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้วางแนวทางด้านคดีไว้อย่างไรบ้าง นายโสภณกล่าวว่าไม่ได้วางแนวทางอะไรทุกอย่างเป็นไปตามความสัตย์จริงถ้าศาลเรียกไปชี้แจงก็จะพูดอย่างนี้ไม่มีอะไรบิดพลิ้ว ทุกอย่างตรงไปตรงมา ส่วนการให้สัมภาษณ์ในวันนั้น (2 พ.ค.)ตามประสบการณ์ที่ตนเป็นสื่อมวลชนอาจเป็นเพราะตนให้สัมภาษณ์เร็วไป

ถ้าตนจำไม่ผิดนายไพจิตร (ศรีวรขานส.ส.นครพนม พรรคไทยรักไทย) ให้สัมภาษณ์ว่าถ้าศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้การเลือกตั้งจะรวบรวมรายชื่อไปยื่นกับศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยไม่ใช่จะไปยื่นฟ้องศาลปกครอง การจะฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ถอดถอนศาลปกครองนั้นจะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยมีแต่ศาลปกครอง และเราก็ไม่ได้ว่าศาลปกครองทำทุจริตโดยศาลปกครองเองก็ยังไม่ได้มีคำพิพากษาอะไรเลยแล้วตนจะไปร้องให้ถอดถอนได้อย่างไรด้วยความเคารพต่อสื่อตนอาจจะให้สัมภาษณ์เร็วทำให้เข้าใจผิดว่าจะไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญฟ้องศาลปกครอง นายโสภณ กล่าว

ส.ส.บุรีรัยม์ กล่าวต่อว่า เราบอกแล้วว่าเมื่อศาลปกครองวินิจฉัยแล้วก็จะเป็นข้อยุติเราก็ยอมรับเราก็ไม่พูดถึงแล้วทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นข้อสับสนในข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งตนกำลังศึกษาอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอำนาจป.ป.ช. หรือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างตนมีความบริสุทธิ์ผมไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าศาลตัดสินไม่ถูกต้องเพราะคดีทั้งหมดยังไม่ได้ตัดสินถ้าศาลตัดสินแล้วตนไปพูดนั่นแหล่ะเป็นการละเมิด แต่นี่ยังไม่มีขอกราบเรียนว่าผมตรงๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะขอหลักฐานการให้สัมภาษณ์จากสื่อมวลชนหรือไม่ นายโสภณกล่าวว่า ถ้ากรุณาตนก็อยากขอด้วยซึ่งใครให้ตนก็ขอบคุณทั้งนี้เพื่อที่จะได้ไปบอกกับศาลว่าตนพูดอย่างนี้ส่วนศาลจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ศาลนายโสภณยืนยันอีกครั้งว่าการหารือในวันนี้จะไม่พูดถึงเรื่องศาลปกครองส่วนจะมีใครหยิบยกขึ้นมาหารือหรือไม่ตนไม่ทราบส่วนผลการหารือก็จะให้สัมภาษณ์กับสื่อและดำเนินการไปเท่าที่ทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้น้อยใจหรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า คนเราก็มีน้ำใจ มีเลือดมีเนื้อมีชีวิตพ่อแม่ให้มาถ้าคุณวิเศษก็ไปอยู่กับพวกคุณผมก็ไปอยู่กับพวกคนจนตามประสาไม่เป็นผู้แทนก็ได้ไปเป็นผู้สี่อข่าวก็ได้ขอยืนยันอีกครั้งว่าการทำครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเป็นการกระทำส่วนตัว

ส่วนการประชุมเริ่มขึ้นในเวลา ประมาณ10.10น. โดยนายโสภณได้เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งการประชุมในช่วงแรกส.ส.ส่วนใหญ่ได้เข้ามาให้กำลังใจนายโสภณถึงกรณีศาลปกครองที่จะฟ้องฐานหมิ่นศาล ต่อจากนั้นนายโสภณได้หารือที่จะนำเรื่องการเปิดประชุมสภาฯเข้าหารือ ซึ่งส.ส.ส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยที่จะนำเรื่องนี้เข้าหารือ เพราะปัญหาการเลือกตั้งยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อจากนั้น ที่ประชุมจึงได้ให้ส.ส.ทำการอภิปรายโดยส่วนใหญ่มุ่งไปในเรื่องการเลือกตั้งที่ระบุว่าส.ส.ของพรรคได้รับการเลือกตั้งมาอย่างถูกต้องและกกต.ก็มีอำนาจในการประกาศการเลือกตั้งและประกาศรับรอง รวมไปถึงการประกาศยุบสภาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีก็ถูกต้องเพราะเป็นไปตามมาตรา 116 ของรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการยุบสภาที่ให้ทำโดยพระราชกฤษฎีกา รวมทั้งยังได้กล่าวโจมตีการชุมนุมของประชาชนบางกลุ่มจนทำให้เกิดการยุบสภา ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของประเทศ ทำให้อนาคตอาจเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีต่อไป

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงการตัดสินของศาลที่หลายฝ่ายตั้งธงชี้นำว่าการเลือกตั้งต้องเป็นโมฆะะ ซึ่งที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการที่หลายฝ่ายออกมาพูดเช่นนี้เพราะเป็นการชี้นำ ทั้งนี้ที่ประชุมได้ระบุว่ารัฐะรรมนูญได้ให้การรับรองส.ส.ไว้อย่างชัดเจนแล้ว ฉะนั้นการจะพ้นออกจากตำแหน่งต้องเป็นไปด้วยเหตุผล 12 ประการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 118 ที่ว่าด้วยการพ้นสภาพการเป็นส.ส. ได้แก่ 1.การออกตามอายุสภาผู้แทนราษฎรหรือการยุบสภา 2.การเสียชีวิต 3.ลาออก 4.ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 107

5.มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 109 6. กระทำการต้องห้ามตามมาตรา 110 หรือ 111 7.ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯหรือรัฐมนตรี 8. ลาออกจากพรรคการเมืองที่เป็นสมาชิก 9. ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง 10. วุฒิสภามีมติตามมาตรา 317 ที่ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพตมมาตรา 96 11.ขาดประชุมเกินจำนวน 1 ใน 4 ของสมัยประชุมหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากประธานสภาฯ 12 . ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาในศาลสูงสุด เว้นแต่การกระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ

สำหรับบรรยากาศการหารือของกลุ่ม ส.ส.ที่มีการประชุมตามคำเชิญของนายโสภณ ที่ห้องกรรมาธิการการงบประมาณ สภาผู้แทนฯวันนี้ปรากฏว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ตอนนี้มี ส.ส.ทยอยเดินทางมาร่วมประมาณ 50 คน จากเดิมที่เชิญ ส.ส.ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งหมด 485 คนเข้าร่วม

โดยส่วนใหญ่เป็นส.ส.กลุ่มวังน้ำยมของพรรคที่มาร่วมประชุม นอกจากนี้ยังมี ส.ส.กลุ่มอื่น เช่น กลุ่มพ่อมดดำ คือ นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และยังมีส.ส.กทม.ของพรรค เช่น นายกฤษฎา สัจจกุล

ทั้งนี้ยังส.ส.กลุ่มอื่นเดินทางเข้าร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.กลุ่มวาดะห์ ส.ส.ภาคใต้ เช่น นายบูราฮานูดิน อุเซ็ง ส.ส.ยะลา นายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส รวมทั้งยังมีทางสายของแกนนำกลุ่มวังน้ำยม อาทิ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ส.ส.สุโขทัย ภรรยา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รักษาการรมว.แรงงาน และหัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย และเลขานุการประจำนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรคไทยรักไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมได้เริ่มขึ้นประมาณ 30 นาที นายโสภณจึงได้ขอประชุมลับ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์