ประชาเผยยังไม่ได้รับฎีกาอภัยโทษทักษิณ


พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการพิจารณาฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า

ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานสรุปผลการตรวจสอบฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษจากกรมราชทัณฑ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามว่าฎีกาดังกล่าวที่อ้างว่าส่งถึงกระทรวงยุติธรรมแล้วอยู่ในส่วนใดของกระทรวง ขณะนี้ยืนยันว่า ตนยังไม่เห็นเรื่อง หากเรื่องถูกส่งมาถึงจะขอพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าความเห็นของกรมราชทัณฑ์ถูกรายงาน หรือส่งเข้ามาในช่วงของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรมว.ยุติธรรม


พล.ต.อ.ประชา กล่าวอีกว่า การขอพระราชทานอภัยโทษถือเป็นพระราชอำนาจ ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งปีพ.ศ.2540 และ 2550 โดยได้บัญญัติไว้ชัดเจนว่าพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการอภัยโทษ อีกทั้งวิธีพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค 7 ซึ่งบัญญัติว่าพระมหากษัตริย์มีอำนาจลดโทษและอภัยโทษได้ โดยระบุถึงผู้มีสิทธิยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ว่า มี 3 สถานะ คือ ผู้ต้องคำพิพากษา ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง และรมว.ยุติธรรม ในกรณีที่ไม่มีผู้ถวายเรื่องหากรมว.ยุติธรรมเห็นสมควร อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับเรื่องแล้ว ตนจะตั้งคณะทำงานประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ขึ้นมาเป็นผู้พิจารณาโดยตรง แต่ตามหลักปฏิบัติแล้วไม่มีใครสามารถยับยั้งการทูลเกล้าฯได้ กระบวนการต้องดำเนินต่อไป ส่วนการเสนอความเห็นเรื่องการทูลเกล้าฯเฉพาะรายเป็นหน้าที่ของรมว.ยุติธรรมต้องนำเสนอความเห็น


เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดที่ผ่านมาตรวจสอบรายละเอียดในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนานกว่า 2 ปียังไม่แล้วเสร็จ แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามากลับตรวจสอบเสร็จทันที พล.ต.อ.ประชา กล่าวต่อว่า ตนมีโอกาสได้อ่านความเห็นในเฟซบุ๊คของอดีตรมว.ยุติธรรม ซึ่งให้รายละเอียดไว้เยอะมาก ตนต้องใช้เวลาอ่านเป็นชั่วโมง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องถึงทำไม่จบ และต้องส่งต่อมาถึงตนในวันนี้

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้รับโทษ อาจไม่มีคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษนั้น พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ยังมีหลายประเด็นที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างโดยยึดกฎหมายเป็นหลักเท่านั้น


“ผมเห็นเฟซบุ๊คของอดีตรัฐมนตรียุติธรรม ต้องขอบคุณมากที่ให้ความห่วงใย แต่อยากเรียนว่าไม่ต้องห่วงใยผม ไม่ต้องมากังวลเรื่องความจงรักภักดีของผม ซึ่งผมได้ถวายความจงรักภักดีตลอดชีวิตรับราชการร่วม 40 ปีมาแล้ว และผมมีจุดยืนของผม ซึ่งจะยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ” รมว.ยุติธรรมกล่าว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์