“ประชาธิปัตย์”มั่นชนะคดี258ล้าน

ทีมกฎหมายประชาธิปัตย์มั่นชนะคดี 258 ล้านบาท ชี้พยานหลักฐานชุดเดียวกับคดี 29 ล้าน ด้าน “ไชยวัฒน์” จวก “เจ๊สด” ใช้อารมณ์มากกว่าสติ

วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมกฎหมายด่วน เพื่อหารือรับมือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพร้อมคู่ความในคดีที่อัยการสูงสุดร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการรับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด จำนวน 258 ล้านบาท ในวันที่ 9 ธ.ค.และติดตามท่าทีของอัยการสูงสุดกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.

ทั้งนี้ภายหลังการประชุม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน หนึ่งในทีมกฎหมาย แถลงว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา พรรคได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น เพราะข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงคดีที่นายทะเบียนยื่นคำร้องคดี 29 ล้านบาท ที่ศาลยกคำร้องไปแล้วนั้นกับคดี 258 ล้านบาทที่จะพิจารณาในวันที่ 9 ธ.ค. เป็นคดีที่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกือบจะเหมือนกัน ทางพรรคจึงขอให้วินิจฉัยยกคำร้องของผู้ร้อง เพราะเห็นว่าเมื่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ยังไม่มีความเห็นในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าให้ยุบหรือไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนในสาระสำคัญของกฎหมาย จึงไม่มีผลตามกฎหมายที่จะให้อัยการสูงสุดมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยในคดี 29 ล้านบาทที่ผ่านมามีผลผูกพันทุกองค์กรทั้งศาลรัฐธรรมนูญและอัยการฝ่ายผู้ร้อง ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 วรรค 5 

“ส่วนศาลจะวินิจฉัยให้ไต่สวนหรือสืบพยานต่อ พรรคก็จะต่อสู้ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พร้อมทั้งพยานบุคคล ที่มีอยู่แล้วด้วย ซึ่งทีมกฎหมายยอมรับว่าการสู้คดี 258 ล้านบาทไม่หนักใจเท่ากับการสู้คดี 29 ล้านบาท และมั่นใจว่าเราจะชนะคดีนี้แน่ อย่างไรก็ตามหากศาลจะวินิจฉัยคำร้องของพรรคเลย เพราะมีการสอบพยานและหลักฐานทั้งหมดมาแล้ว ก็ถือเป็นอำนาจของศาล ซึ่งพรรคพร้อมน้อมรับคำตัดสิน” นายสุทัศน์ กล่าว

นายสุทัศน์ ยังกล่าวถือเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกาศจะยุบศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระอื่น ๆ หากมีอำนาจนั้น ตนไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ก็เคยเป็นรมว.ยุติธรรมมาก่อน ทั้งนี้พรรคเห็นว่าการตั้งองค์กรอิสระต่าง ๆ ล้วนทำตามรัฐธรรมนูญปี 40 ดังนั้น ถ้าเราใจบริสุทธิ์และทำถูกต้องก็ไม่น่ากังวลเกี่ยวกับการพิจารณาของศาล เหมือนผีที่ไม่กลัวความมืด แต่กลัวความสว่าง และยืนยันว่าพรรคไม่มีความคิดออกกฎหมายเอาผิดบุคคลที่วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ

ด้าน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา หนึ่งในทีมกฎหมาย กล่าวว่า ทีมกฎหมายขอชื่นชมศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ยอมจำนนต่อม็อบและคลิป แต่ห่วงใยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคนพวกนี้จะทำอะไรก็ได้ โดยยังมีการกดดันศาลต่อไป โดยคนของพรรคเพื่อไทยก็กดดันศาลรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ มีการวางแผนเตรียมการเป็นระยะ และการที่ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่าจะยุบศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็เชื่อว่าเขาทำแน่ อาจเป็นเพราะวิ่งไม่ได้ ก็ยุบเสียเลย เพราะศาลไม่ยอมจำนนต่อคำขู่ 

อย่างไรก็ตามศาลรัฐธรรมนูญยังได้ยื่นฟ้องต่อผู้ที่กดดันด้วย โดยมีการระบุในคำฟ้องอย่างละเอียดถึงผู้มีอำนาจสูงสุด หรือนายใหญ่ซึ่งก็รู้ว่าเป็นอดีตนายกฯ คนไหน ทั้งนี้ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะยืนหยัดสู้ด้วยเหตุผลและความจริง โดยเอกสารคำฟ้องและการชี้แจงในคดี 29 ล้านบาท และ 258 ล้านบาท เหมือนกันเกือบ 99.99 เปอร์เซ็นต์  แต่ข้อเท็จจริงของคดี 258 ล้านบาท ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค เพราะเป็นการทำธุรกิจของเอกชนที่ว่าจ้างทำโฆษณาส่งเสริมการขายเท่านั้น และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอ. ก็ให้การปฏิเสธแล้วว่าไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้ง นายประจวบ สังขาว ผู้บริหารบริษัท เมซไซอะ ก็ยืนยันว่ารับงานจากพรรคประชาธิปัตย์ และยืนยันว่ารับเงินจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสั่งจ่ายตามบัญชี เพื่อการเลือกตั้งทุกประการ โดยไม่เคยรับเงินจากบริษัท ทีพีไอ เลย นอกจากนี้ยังมีการปั้นเรื่องปั้นพยาน ใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นสาระในคดี 258 ล้านบาท

ในส่วนของนายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ หนึ่งในทีมกฎหมาย กล่าวว่า ในการประชุมทีมกฎหมายได้เฝ้าติดตามถึงท่าทีของอัยการว่าจะดำเนินการอย่างไร หลังจากที่พรรคยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ธ.ค. แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยเชื่อว่าอัยการน่าจะยื่นคำร้องประกบคำร้องของพรรคมาแน่นอน ซึ่งนายชวน ยังได้เรียกประชุมทีมกฎหมาย เพื่อติดตามเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 8 ธ.ค.และถือเป็นวันสุกดิบ ในการเตรียมไปตามนัดศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 9 ธ.ค. เป็นการเตรียมการเพื่อการที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต. พยายามโยนภาระความรับผิดชอบให้กับนายทะเบียนพรรคการเมือง ถือเป็นอาการไม่ค่อยดี จึงเป็นห่วงว่าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ถ้านางสดศรี ยังเป็น กกต.อยู่ จะให้ความเป็นธรรมกับพรรคการเมืองได้ยาก เนื่องจากใช้อารมณ์มากกว่าสติสัมปัชชัญญะ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหนักใจและไม่น่าเชื่อว่าคนเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อนจะไม่เข้าใจกระบวนการพิจารณาของศาล



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์