ปทีปบอกตร.ฝักใฝ่สีแดงห้ามไม่ได้ทำหน้าที่ต้องกลาง

 

คมชัดลึก : “ปทีป” อ้างพื้นที่กทม.ไพศาล ไม่สามารถป้องกันเหตุระเบิดได้ ยันวางกำลัง-ทำงานเต็มความสามารถ ส่วนการข่าวระบุทุกโซน ทั่วกทม. แต่เน้นมากที่ ทำเนียบ รัฐสภาและ บ้านพักบุคคลสำคัญ ไม่ตอบสาเหตุที่จับคนร้ายไม่ได้เพราะมีตำรวจ-ทหารเป็นเสื้อแดง ระบุ เป็นข้าราชการต้องมีความเป็นกลาง ย้ำคำเดิมไม่เคยรับรู้ ผกก.สมเพียร ขอย้ายออกนอกพื้นที่ “ชวนนท์”ชี้ยังไม่รู้"พท."ฟ้องยูเอ็น มีประเด็นอะไรบ้าง


เมื่อถามว่าในแนวทางการสืบสวนหาตัวคนร้ายมีประเด็นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐสร้างสถานการณ์หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคิด

เอาเป็นว่า ทำอย่างไรอย่าให้เกิดดีกว่า และถ้าเกิดแล้วทำยังไงจับคนร้ายให้ได้ กรณีที่เจ้าหน้ารัฐสร้างสถานการณ์อาจจะเป็นกรณีการข่าวที่พูดกันไป สวนในแง่การสอบสวน อย่างกรณีธนาคารกรุงเทพ ที่เราจับคนร้ายได้ก็รู้อยู่ว่าอะไรคืออะไร แต่หากกรณีที่เราจับคนร้ายไม่ได้ ก็ถือว่า เป็นเรื่องการข่าวไป วิเคราะห์ วิจารณ์กันไป ส่วนจะไปคาดโทษพื้นที่ไหนที่ปล่อยปละละเลยให้มีการเกิดเหตุระเบิดก็ให้เป็นนโยบายของแต่ละ บช.ไป นโยบายจากทาง ตร. ไม่มี


“ทางการข่าวเราก็รู้มาเป็นระยะ ๆว่า จะเกิดเหตุโซนนี้ เราก็ได้วางกำลัง สรุปแล้วก็คือว่าระวังทุกโซนรอบกรุงเทพ ไม่ได้เน้นพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เพราะมีสถานทีสำคัญอยู่รอบกรุงเทพไปหมด แต่ที่เน้นมากเลยคือ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา บ้านบุคคลสำคัญที่อยู่ในกรุงเทพและรอบกรุงเทพทั้งหมด ส่วนกลุ่มต้องสงสัยมีหลายกลุ่มเราจับตาดูความเคลื่อนไหวทั้งหมดโดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมรุนแรง แต่คงไม่สามารถบอกว่าเป็นกลุ่มของใครบ้างและเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยังอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ไปไหน”พล.ต.อ.ปทีป กล่าว


เมื่อถามว่าที่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดได้ เพราะมีตำรวจมะเขือเทศหรือ ทหารแตงโม ซึ่งจิตใจฝักใผ่เลือกข้างสีแดงไปแล้ว ได้มองเรื่องนี้อย่างไร

พล.ต.อ. ปทีป กล่าวว่า ถ้าจิตใจฝักใฝ่ ก็คงไปบังคับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของจิตใจข้างใน แต่ในแง่ของการแสดงออกนั้น เป็นข้าราชการต้องมีวินัย การปฎิบัติตัวต้องยึดมั่นของความเป็นกลาง ซึ่งตำรวจทุกคนต้องมี และเป็นนโยบายอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่วันเสาร์ มีการประชุมสภาโลก ซึ่งจะมีแขกต่างประเทศกว่า 100 ประเทศมาร่วมประชุม ที่รร.เซนทาร่าแกรนด์ ย่านแยกประสงค์นั้น เราก็ต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้วเพราะอยู่ในช่วงที่นปช.มีแผนดาวกระจายด้วย


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไปขอหมายจับผู้ต้องหากลุ่มพันธมิตรบุกสนามบินที่ศาลแต่ถูกระงับการออกหมายจับ

พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า มีใครเห็นว่ามีพนักงานสอบสวนไปขอหมายจับผู้สื่อข่าวคนไหน ตนเองไม่ได้เป็นคนไประงับพนักงานสอบสวนไปขออนุญาตศาลออกหมายจับแต่อย่างใด ไม่ได้โทรไประงับจะให้สาบานไหม เรื่องที่ตนเห็นก็ยังไม่มีอะไร มีแต่กระดาษรายงานความคืบหน้ามา ตนก็ตรวจดู ก็พบว่า เป็นคดีที่มีพยาน1500-1800คน แล้วก็มีผู้ที่อาจจะเกี่ยวข้องตกเป็นผู้ต้องหาและมีจำนวนเยอะ ในทางการสอบสวนก็ต้องแยก ได้ว่า แต่ละคนมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร พงส.จะต้องแยกเป็นรายบุคคลให้ได้ นยโยบายตนก็คือต้องแยกพฤติกรรมเป็นรายคนให้ได้ เพราะแต่ละคนมีพฤติกรรมการทำผิดไม่เหมือนกันจะมาเหมารวมไม่ได้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการแยกพฤติกรรมของแต่ละคน


เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษาสบ10 ยืนยันว่าได้ขึ้นไปพูดคุยกับ พล.ต.อ.ปทีปแล้ว

กรณีต้องการช่วยเหลือให้ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ย้ายออกจากพื้นที่ ก่อนที่จะมีการทำคำสั่ง บช.ภ. 9 พล.ต.อปทีป กล่าวว่า รองผบ.ตร. ทุกคนก็เข้ามาฝากลูกน้องของตนเองทั้งนั้น แต่มาฝากใครบ้างก็ไม่รู้ เพราะมันเยอะจริงๆ และตนไม่เห็นกรณีของพล.ต.อ.สมเพียร ไม่เห็นว่ามีเรื่องนี้

นายชวนนนท์  โกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือร้องยูเอ็น

กรณีรัฐบาลนำกำลังทหาร พร้อมยุทโธปกรณ์ และลวดหนามรอบรัฐสภาเป็นการขีดขวางการทำงานและเป็นการลิเมิดสิทธิมนุษยชนฝ่ายนิติบัญญัติ ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่าพรรคเพื่อไทยยื่นประเด็นอะไร และรัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการอะไรที่ขัดต่อหลักกฎหมายของประเทศ แต่การดำเนินการเป็นเรื่องของบการรักษาความปลอดภัยให้กับส.ส.และส.ว. ดำเนินการโดยมีกฎหมายรองรับ ไม่ได้มีการกีดขวางการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด มีการเปิดช่องเข้าไปได้อยู่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ยังมองไม่เห็นว่ามีประเด็นไหนที่ต้องไปร้องยูเอ็น และเชื่อว่าทางยูเอ็นเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยดี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์