ปชป.โต้พท. ยันประกันรายได้ใช้เม็ดเงินน้อยกว่าจำนำข้าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายพิชัย นริพทพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยระบุว่า

การจำนำข้าวบวกบัตรเครดิตเกษตรกร พรรคเพื่อไทยจะเป็นยาแก้ทุกโรค ไม่ว่าจะเป็นการแก้สต๊อคลมข้าว ราคาสินค้า รายได้เกษตร และบอกว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่เคยทำมาก่อนและทางทีดีอาร์ไอยังไม่เคยศึกษา ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือเมื่อปี 2547 จะพบว่ามีการใช้เงินไปกับโครงการรับจำนำไปทั้งหมดร่วมแสนล้านบาท ครอบคลุมเกษตรกรประมาณ 1 ล้านครัวเรือน ซึ่งเงินในส่วนนี้ถึงมือเกษตรกรประมาณ 1 ใน 3 หรือประมาณ 30% ของเงินที่ลงไปในการจำนำ ปัญหาที่เกิดขึ้นมี สต๊อคลม นอกจากนั้นที่มีปัญหามาก โดยสต๊อคส่วนใหญ่อยู่ในมือรัฐบาลหลายล้านตัน เพราะขายไม่ออก ผู้ส่งออกข้าวส่งออกไม่ได้ เพราะราคาข้าวสูงกว่าราคาตลาด รัฐบาลจึงต้องเก็บข้าวไว้ ข้าวก็เสื่อมสภาพ บางส่วนขายไป ขาดทุนถึง 1.6 หมื่นล้านบาท ก็ไม่รู้ว่าช่วงนั้นนายพิชัยไปอยู่ที่ไหน ก็ขอให้ไปถามนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รมว.พาณิชย์ในขณะนั้น

นายเกียรติ กล่าวว่า ตัวเลขที่กล่าวไปนั้นยืนยันได้ในทุกเวที หากพรรคเพื่อไทยออกมาพูดแต่เพียงฝ่ายเดียว แล้วบอกว่าไม่มีปัญหาเลยเป็นยาสมานฉันท์ รักษาได้ทุกโรค ทั้งที่ความจริงเกิดขึ้นตอนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐมนตรี เป็นคนดำเนินการในเรื่องนี้ เท่ากับเอาข้อมูลที่ไม่เป็นความเป็นจริงมาเล่าให้ประชาชนฟัง และที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยศึกษา หรือ ไม่เคยทำนั้นก็ไม่จริง เพราะใน 2 ปีที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ ใช้โครงการประกันรายได้ จากตัวเลขเปรียบเทียบปรากฏว่า ในโครงการประกันรายได้ใช้เงินไปประมาณ 5 หมื่นกว่าล้านบาทกับพืช 3 ประเภท คือ ข้าว มันสำปะหลัง และอ้อย อย่างไรก็ตามมีเกษตรกร ที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการดังกล่าว 4 ล้านครัวเรือน เมื่อเทียบกับ 1 ล้านครัวเรือนจากการรับจำนำนั้นมากกว่า 4 เท่า ใช้เงินน้อยกว่า ครอบคลุมมากกว่าได้คุ้มกว่า ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นรายเล็กรายน้อยได้หมด แต่หากใช้โครงการรับจำนำก็จะได้เฉพาะรายใหญ่

ทั้งนี้ในโครงการประกันรายได้ผู้ส่งออกข้าวก็ส่งออกได้ ไม่ติดขัดเพราะราคาตลาดยังอยู่ ไม่ต้องเก็บสต๊อค หรือขายสต๊อคขาดทุน ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยอย่าพูดไปคนละทิศคนละทาง โดยเอาข้อมูลที่ไม่เป็นจริงมาพูด จึงเป็นห่วงความน่าเชื่อถือของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยมาก เพราะสัญญาณที่ออกมาสับสนมาก คนหนึ่งพูดอย่าง อีกคนพูดอีกอย่าง