ปชป.เชื่อถอดยศมาร์คทำตามใบสั่ง

11 พ.ย.55 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม มีคำสั่ง ถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า 1.เป็นใบสั่งจากผู้มีบารมีนอกรัฐบาล เพื่อกำจัดนายอภิสิทธิ์ออกจากเส้นทางการเมือง และสกัดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การถอดยศเป็นไปด้วยความลุกลี้ลุกลน ระยะเวลาในการทำข้อสรุปสั้นมาก ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาแก้ข้อกล่าวหา รีบร้อนสรุปให้ได้ข้อยุติในการถอดยศ 2 .ลุแก่อำนาจใช้อำนาจไม่เป็นธรรมกลั่นแกล้งทางการเมือง ทำให้เสร็จในวันที่ 8 พ.ย.55 วันเดียวกับการยื่นถอดถอนและการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 9 พ.ย. 2555 เป็นการหวังผลทางการเมืองในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และกำจัดนายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากเส้นทางการเมืองด้วย

“การถอดยศและปลดออกจากราชการทหารนายอภิสิทธิ์ มีการทำย้อนหลังไปกว่า 20 ปี เป็นการดิสเครดิตทางการเมือง หวังทำลายน้ำหนักการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายอภิสิทธิ์ ที่จะเป็นผู้นำในการอภิปราย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย จึงมีความพยายามเร่งเรื่องปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการเพื่อให้ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102(6) ต้องไม่เคยถูกปลดออกจากราชการ เพื่อให้ขาดคุณสมบัติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีผลต่อญัตติด้วย โดยขณะนี้มีความพยายามจะเร่งรีบส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัตินายอภิสิทธิ์ เพื่อล้มญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ”นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าพฤติกรรมรัฐบาลโดยเฉพาะ รมว.กลาโหม ลุแก่อำนาจ ใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม กลั่นแกล้งทางการเมืองโดยตรง ถ้าทำงานในหน้าที่ของการเป็นรัฐมนตรีไม่มีผลงานที่เด่นชัด นอกจากพยายามหาทางกลั่นแกล้งทางการเมืองในการถอดยศและปลดออกจากราชการ ถ้าทำได้แค่นี้ไม่ต้องเอาคนระดับนายพลมาเป็น รมว.กลาโหม เพราะนักเรียน รด.ปี 1 ก็ทำได้ ซึ่งพรรคมีความเชื่อมั่นว่า นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำผิดและพรรคพร้อมที่จะสนับสนุน การต่อสู้ทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ ตามครรลองของกฎหมายเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในการใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมของรัฐบาลและ รมว.กลาโหม และเราเชื่อมั่นว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ใครก็ตามที่ใช้อำนาจโดยมิชอบต่อนายอภิสิทธิ์จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างรุนแรงมากกว่าที่คนเหล่านั้นจะคาดคิด

จี้ "รัฐ"หยุด แจกหนังสือ "รู้ลึกรู้จริงจำนำข้าว"4 ประเด็น บิดเบือนความจริง

นายองอาจ แถลงข่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจัดทำหนังสือ “รู้ลึก รู้จริง จำนำข้าว”ว่า อยากให้ยุติการแจกจ่ายหนังสือเล่มนี้้ เพราะเป็นหนังสือที่บิดเบือนข้อมูล หลอกคนไทยในเรื่องการจำนำข้าว โดยพรรคตรวจสอบพบว่ามีข้อมูลบิดเบือนหลายประการ และมีการปกปิดข้อมูล เช่น 1. ในหน้าที่ 15 ระบุไทยเซ็นสัญญาจีทูจี 7.3 ล้านตัน แต่ไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนอ้างประเทศผู้ซื้อไม่ต้องการให้เปิดเผย เป็นการหลอกคนไทย เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่าเวียดนามขายข้าวให้อินโดนีเซีย รวมถึงฟิลิปปินส์ก็เปิดเผยสต๊อคข้าวชัดเจน แต่ประเทศไทยกลับไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่ทราบว่ากลัวคนรู้ว่าขายข้าวราคาต่ำ ทั้งๆที่จำนำราคาสูง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า 2. รัฐบาลประเมินว่าการผลิตข้าวนาปีและนาปรัง 2554/2555 จะมีผลผลิต 37,302 ล้านตัน แต่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรสถิติการปลูกข้่วนาปีและนาปรังปี 2554 มีกว่า 11 ล้านไร ได้ผลผลิต 381 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนนาปรังมีพื้นที่ 17 ล้านไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 62 กิโลกรัมต่อไร่ เพราะฉะนั้นไทยจะปลูกข้่าวเปลือกเต็มพื้นที่ได้ไม่เกิน 34,495 ล้านตัน แต่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปีที่แล้ว ทำให้ข้าวเปลือกที่จะเข้าโครงการ 25 ล้านตัน จึงเหลือเพียงแค่ 6.95 ล้านตัน แต่กลับมีข้าวเปลือกนาปรังเข้าโครงการอีก 14.70 ล้านตัน

นายองอาจ กล่าวต่ออีกว่า 3. ประเมินชาวนามีรายได้ทั้งระบบเพิ่มขึ้น 184,789 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะไทยไม่สามารถผลิตข้าวได้ 37,302 ตัน ตามที่ในหนังสือระบุ 4 ชาวนามีพื้นที่ปลูกข้าว 21 ล้านไร่ต่อครัวเรือน

"ทั้งนี้ 1 ปีชาวนาจะทำนา 2ครั้งได้ผลผลิตรวม 23,058 ตันต่อครัวเรือน รายได้ต่อปี 12,379 ต่อปี หรือ 1,033 บาทต่อเดือน จึงต้องจำนำข้าวช่วยชาวนา ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลแผนพัฒนาสังคมฯฉบับที่ 10 ระบุทีดินทำนา 90 % กระจุกอยู่กับนายทุนหรือชาวนาที่ร่ำรวย ชาวนารายย่อยไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง 8.1 แสนครัวเรือน เช่าที่ดิน 1.5 ล้านครัวเรือน ชาวนารายย่อยจึงไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้มีแต่ นายทุน โรงสีที่ได้ประโยชน์ เรียกร้องให้เลิกหลอกคนไทยจากข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งจะหลอกนายกรัฐมนตรีด้วยซึ่งจะทำให้ชี้แจงผิด ๆ ถูก ๆ มาหลอกลวงคนไทย" นายองอาจ กล่าว