ปชป.รุมอัด สุรพงษ์ กลางสภาทำงานเพื่อคนๆเดียว

ปชป.รุมอัด สุรพงษ์ กลางสภาทำงานเพื่อคนๆเดียว


วันนี้ (6 ม.ค.)ที่ประชุมรัฐสภาฯ การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ในมาตรา 8 ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีการตั้งวงเงินไว้ 7,733,592,500 ล้านบาท   

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ลุกขึ้นมาตำหนิการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศว่า ทำงานเพื่อคนๆเดียว ทั้งการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการไม่ประท้วงรัฐบาลกัมพูชา กรณีการยิงเฮลิคอปเตอร์ไทย ทำให้ถูก ส.ส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นมาประท้วงการอภิปรายอยู่บ่อยครั้ง และกรณีการประกาศว่า ผลงานที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไปเจรจากับพม่า เป็นผลงานของอดีตนายกฯ ทำให้ถูก ส.ส.เพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายอยู่ตลอดเวลา

ด้านนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การที่จะวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลในอดีตมีปัญหา ก็ดูจะไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องของความต่อเนื่องในการบริหารที่สำคัญ เราทำทั้งเรื่องทวิภาคี พหุภาคีในกรอบของสหประชาชาติ ทั้งนี้ บทบาทภาระของกระทรวงการต่างประเทศคือการสะท้อนความรู้สึกของต่างประเทศต่อประเทศไทย และแง่กลับสะท้อนความเป็นไปในประเทศไทยให้ชาวโลกได้รับทราบ ขณะนี้คณะทูต และวงการธุรกิจต่างประเทศอึดอัดใจต่อการดำเนินการนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น ต้องใช้งบประมาณในองค์รวมอย่างเต็มที่เพื่อสะท้อนความจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยที่ต่างชาติกังวลทั้งเรื่องการทุจริต กฎหมายหมิ่น บทบาทของอดีตนายกฯ มีความสับสนว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร เพราะไม่มีความชัดเจนโปร่งใส ดังนั้น อยากให้เน้นกับกระทรวงการต่างประเทศให้ปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นกระจกสะท้อนความเป็นไปของประเทศสู่โลก
   
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ชี้แจงว่า ไม่ได้ทำเพื่อคนๆ เดียว อย่างน้อยดีกว่ารัฐบาลที่แล้วที่ตามล่าคนๆ เดียวจนขัดแย้งไปทั่วโลก ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปรอบประเทศเพื่อนบ้าน  เพราะมีเพื่อน ไม่ใช่ไร้เพื่อน ซึ่งต่างประเทศมักพูดว่า ความสัมพันธ์ของรัฐบาลที่แล้วเย็นชากว่าน้ำแข็ง แม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่สามารถเจรจาเปิดด่านแม่สอดได้ ขณะที่รัฐบาลที่แล้วพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่า แต่เปิดด่านไม่ได้

ส่วนกรณียิงเฮลิคอปเตอร์ที่บอกตนไม่ได้ทำอะไรนั้น เป็นการเข้าใจผิด เพราะทุกอย่างได้ดำเนินการตามขั้นตอน หลังจากยิงเฮลิคอปเตอร์ทางทหารได้พูดคุยกัน โดยทหารไทยได้มีหนังสือถึงทหารกัมพูชาให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 54 สำหรับกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจเพียงแต่ไม่ได้พูดให้เป็นข่าว แต่พวกท่านพยายามพูดให้เกิดความแตกแยกให้ไทยและกัมพูชาต้องรบกันเหมือนสมัยท่าน เราได้มีหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 54 ได้มีหนังสือถึงสำนักงานเอกอัครราชทูต (สอท.) กัมพูชาประจำประเทศไทยเพื่อประท้วงทหารกัมพูชายิงเฮลิคอปเตอร์ไทยในระดับรัฐบาล รวมถึงเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวและแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบ โดยสั่งการให้ สอท. ณ กรุงพนมเปญ จัดส่งสำเนาดังกล่าวให้กัมพูชา ซึ่ง สอท.ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น อยากขอร้องว่าเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว ปากมีไว้พูดแต่สิ่งดี ไม่ใช่พูดแต่ความแตกแยก
         
 ส่วนที่กล่าวหาว่ากระทรวงการต่างประเทศโกหกประชาชนเรื่องพาสปอร์ต สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี บอกอยู่ในบัญชีแดงของตำรวจสากล พอตนมาดูก็ไม่มี ท่านโกหกหรือไม่ ระวังกรรมจะตามทันท่าน ตนยอมรับว่าฝ่ายค้านพูดเก่ง เป็นการดึงศึกเข้าบ้าน ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนบ้าน ไม่มีมิตรกับใคร ไปไหนก็มีแต่คนตำหนิรัฐบาลที่แล้ว เรื่องการขอพาสปอร์ต ตนยืนยันว่า ตนได้ยกเลิกคำสั่งของอดีต รมว.การต่างประเทศตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ ข้อ 23 (7) ที่รัฐบาลเห็นว่าการเดินทางไปไหนมาไหนของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ทำความเสียหายแก่ประเทศไทย สำหรับขั้นตอนการออกหนังสือเดินทางชนิดธรรมดาเป็นเรื่องของกรมการกงศุลที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

"ที่รัฐบาลที่แล้ว มักพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีชื่ออยู่ในบัญชีดำตำรวจสากล แต่ตรวจสอบแล้วว่า ไม่ใช่เรื่องจริง จึงขออาศัยคำพระ ระวังกรรมจะตามทัน ส่วนการยกเลิกคำสั่งยกเลิกพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเห็นว่า การเดินทางไปมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สร้างความเสียหายให้ประเทศไทย และการคืนพาสปอร์ตเป็นขั้นตอนของกรมการกงสุล ดังนั้นจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่อยากให้เป็นแผ่นเสียงตกร่อง แต่หากอยากพูด ขอให้อภิปรายไม่ไว้วางใจตนได้เลย พร้อมจะชี้แจง"นายสุรพงษ์กล่าวชี้แจง 



ปชป.รุมอัด สุรพงษ์ กลางสภาทำงานเพื่อคนๆเดียว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์