ปชป.ตอกกลับ ทรท.วัวสันหลังหวะ

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ได้วิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ออกสมุดปกดำแฉ 44 โครงการคอรัปชันของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เพื่อยื่นให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) เพื่อตรวจสอบต่อไป

ถือเป็นการยืมมือเผด็จการมาทำลายพรรคไทยรักไทย ว่า พรรคไทยรักไทยอย่าทำตัวเหมือนเป็นวัวสันหลังหวะ หวาดกลัวในความผิดที่เคยก่อเอาไว้ในอดีต สิ่งที่พรรคไทยรักไทยควรจะทำในวันนี้ คือ 1. ขอโทษคนไทยทั้งประเทศ 2. ควรเดินทางไปบอกอดีตหัวหน้าพรรค ว่า อย่ากลับเข้ามาในประเทศไทยอีก เพราะวันที่จะกลับเข้ามาในประเทศได้ก็คือมาเข้าคุก เนื่องจากสร้างความแตกแยกในแผ่นดินและปัญหาทุจริตคอรัปชันที่กินกันเป็นตระกูลจนถูกขนานนามว่าโคตรโกง

นายอลงกรณ์กล่าวอีกว่า ฝากไปถึงอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยด้วยว่า ถึงเวลาที่จะต้องมานั่งสรุปบทเรียนความผิดพลาดที่หลงผิดไป กลับมาเป็นนักการเมืองเพื่อประชาชน เชื่อว่าประชาชนจะให้อภัย ไม่ใช่ทำตัวเป็นพนักงานบริษัทของนายทุน ควรสำนึกว่าวิกฤติของประเทศส่วนหนึ่งเกิดจากมือที่ไปรับจ้างยกมือผ่านระบอบทักษิณในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

และควรสำนึกได้แล้วว่าชะตากรรมของพรรคที่ตกต่ำถึงขนาดนี้เกิดจากผลกรรมในอดีตที่พวกคุณก่อขึ้น ส่วนกรณีที่มีการเปรียบเทียบกันระหว่างหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กับอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยนั้น อย่านำมาเปรียบเทียบกัน เพราะไม่เหมือนกัน ตอนนี้อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเป็นคนที่ลี้ภัยไม่มีแผ่นดินอยู่ และช่วงชีวิตสุดท้ายคือถูกติดคุกและถูกยึดทรัพย์

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับ คมช.ที่จะยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพื่อเป็นของ ขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน แต่ควรประกาศยกเลิกทุกพื้นที่ ไม่ควรอ้างใบปลิวโจมตีรัฐบาล เพื่อคงกฎอัยการศึกไว้ใน บางพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เพราะเป็นเหตุผลที่เบาเกินไป ทั้งนี้เห็นว่า คมช.จะต้องชี้แจงความเคลื่อนไหวของคลื่นใต้น้ำ เพื่อให้ ประชาชนได้ร่วมตรวจสอบความผิดปกติด้วย นอกจากนี้ ยัง ได้เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจุดยืนทางการเมืองในอนาคตอย่างชัดเจนด้วยตัวเอง และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างสถานการณ์ และลดเงื่อนไข ที่จะทำให้เกิดความสับสนทางการเมือง เพื่อให้การร่างรัฐธรรมนูญสร้างบรรยากาศประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นได้

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ