ปชป.ดี๊ด๊า จ่อยื่นยุบพท. หลังศาลฟัน“จตุพร”

วานนี้ (18 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ให้พ้นสมาชิกภาพว่า ในฐานะเป็นนักการเมืองด้วยกันก็รู้สึกเห็นใจ เพราะคนเป็นนักการเมืองก็อยากเป็นส.ส.มากกว่าสิ่งอื่นใด แต่ทุกอย่างต้องเคารพกฎกติกาและกฎหมาย การที่นายจตุพร ระบุว่ามีกระบวนการสกัดกั้นตัวเองไม่ให้เข้ามาเป็นส.ส.นั้น เมื่อดูจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่องของนายจตุพร และพรรคเพื่อไทยที่ทำตัวเอง ไม่เกี่ยวกับกระบวนการใดที่มาเลื่อยขาหรือสกัดกั้น ดังนั้นนายจตุพรไม่ควรโยนความผิดให้กับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะการพยายามเอาเงื่อนไขนี้มาสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคมอีก ส่วนคนที่สนับสนุนนายจตุพรพากันโห่คำวินิจฉัยดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม จึงอยากให้แกนนำคนเสื้อแดง ส่งสัญญาณไปยังกลุ่มบุคคลนี้ให้เลิกพฤติกรรมดิบถ่อยเถื่อนได้แล้ว เพราะเป็นการสร้างความรุนแรงและความขัดแย้ง

นายเทพไท กล่าวอีกว่า การที่นายจตุพรถูกคำวินิจฉัยของศาลให้พ้นสมาชิกภาพ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 100(3) และ 101(3)
 
ดังนั้นนายจตุพร ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตั้งแต่ต้นแล้ว ขณะเดียวกันนายจตุพรลงสมัครรับเลือกตั้งโดยมติของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ซึ่งขัดกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. ตามมตรา 34 และ139 ซึ่งมีผลต่อนายจตุพรที่ระบุว่าผู้ใดรู้และรู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.และเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม มิให้สมัครรับเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกตั้ง โดยฝ่าฝืนมาตรา 34 และมาตรา 35 หรือมาตรา 38 วรรค 2 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1- 10 ปี ปรับตั้งแต่ 2หมื่น- 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี


ปชป.ดี๊ด๊า จ่อยื่นยุบพท. หลังศาลฟัน“จตุพร”

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง โดยเฉพาะมาตรา 94 ของกฎหมายพรรคการเมืองระบุว่า
 
เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ อาจจะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง ซึ่งในมาตรา 94(2) ระบุว่าการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และส.ว. หรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีผลทำให้ผลการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ดังนั้นก็ต้องดูว่าการที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายจตุพร ลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านายจตุพร ขาดคุณสมบัติ แล้วยังมีมติส่งลงเลือกตั้งอีก ก็ต้องพิจารณาดูว่าขัดมาตรา 94 หรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์จะนำเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาวิเคราะห์ว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 100(3) และ 101(3) และกฏหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และสว.มาตรา 34 และ 139 และกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 94(2) และมาตรา 98 หรือไม่ เพราะเชื่อว่าหากขัดจะมีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน เพราะหากขัดก็จะถึงขั้นยุบพรรคตามมาตรา 94 วรรค 2


นายเทพไท กล่าวต่อว่า จากนี้ไปกกต.จะต้องนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาพิจารณาว่าจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมืองนายจตุพร 10 ปีหรือไม่
 
และจะต้องยื่นต่ออัยการสูงสุดกรณีที่จะมีการยุบพรรคเพื่อไทยด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเพิ่ม แต่หากกกต.ไม่ดำเนินการกกต.ก็อาจถูกดำเนินการเองก็ได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าการที่นายจตุพร ถูกตัดสิทธิ์ให้พ้นสมาชิกภาพ เชื่อว่าเป็นหนทางทำให้นายจตุพร ไปสู่การเป็นรัฐมสตรีได้ง่ายขึ้น เพราะเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกฯ คงรักษาคำพูดที่เคยบอกว่าจะมีการตอนแทน ใช้หนี้ให้นายจตุพร อย่างดีเยี่ยม จึงเชื่อว่าน่าจะมีการปลอบใจนายจตุพร หนทางการเป็นรัฐมนตรีน่าจะสดใสกว่าเดิม ดังนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สามารถตั้งนายจตุพร เป็นรัฐมนตรี หากไม่กลัวคำครหาเรื่องผิดจริยธรรม


เมื่อถามว่ากรณีของนายจตุพร ต่างจากกรณีของนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯอย่างไร.
 
นายเทพไท กล่าวว่า เชื่อว่ากรณีนี้จะนำร่องไปสู่กรณีของนายก่อแก้ว และนายณัฐวุฒิ ในเรื่องสมาชิกภาพ ตามมาตรา 100 (3) และมาตรา 101(3) เพราะทั้งสองคนถูกต้องโทษจำคุกตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นทั้งสองคนถือว่าถูกคุมขังเช่นเดียวกับนายจตุพร จึงต้องไปตรวจสอบว่าหลังจากการคุมขังแล้ว คนเหล่านี้ได้กลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยใหม่อีกหรือไม่ ถ้าไม่มีหลักฐานแสดงว่าทั้งสองคนขาดคุณสมบัติตั้งแต่วันที่ถูกคุมขัง และไม่มีสิทธิ์ที่จะสมัครรับเลือกตั้ง และต้องดูว่ามีการทำเอกสารย้อนหลังหรือไม่ แต่กรณีของนายจตุพร ชัดเจนเพราะกรรมการบริหารพรรคยืนยันว่าเป็นสมาชิกพรรค เมื่อกกต.สอบถามไปจึงแสดงให้เห็นว่ากรรมการบริหารพรรคมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง


เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยจะใช้เกมแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องการยุบพรรค เพื่อให้พ้นผิดจะทำได้หรือไม่

นายเทพไท กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะการแก้ไขเรื่องการยุบพรรคในรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวกับกรณีที่กระทำผิดพ.ร.บ.พรรคการเมืองและกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.และส.ว.


ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ว่า
 
ที่ผ่านมานายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับรองว่านายจตุพร เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย จึงถือว่าเป็นการรับรองเท็จ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา นายยงยุทธ เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทย ได้ประโยชน์เพราะนายจตุพร ได้เป็นส.ส. ดังนั้นเมื่อศาลวินิจฉัยเป็นอย่างนี้ พรรคเพื่อไทยก็อาจถูกยุบพรรคได้ เพราะให้การรับรองที่เป็นเท็จ ซึ่งทีมกฎหมายกำลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการอีกครั้ง จากนั้นจะยื่นต่อกกต.เพื่อยุบพรรคเพื่อไทยเป็นครั้งที่ 3 ส่วนการที่จะมีการแต่งตั้งนายจตุพร เป็นรัฐมนตรีนั้น ก็คงจะเป็นที่เคลือบแคลงของสังคม ถ้ารัฐบาลไม่กลัวคำครหา ก็สามารถตั้งนายจตุพร ที่เคยปราศรัยจาบจ้วง สถาบัน และขาดขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีได้


ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ในความสงบ

เพราะนี่คือกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนต้องน้อมรับ การแสดงกิริยา ตะโกนด่าทอ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ต้องให้เกียรติและให้ความเคารพศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนับจากนี้ไปก็น่าเห็นใจศาลรัฐธรรมนูญที่คงต้องเจอกระบวนการต่างๆ ที่ถาโถมเข้าใส่ ท้ายที่สุดจะเป็นการมุ่งสู่การล้มล้าง และยุบศาลรัฐธรรมนูญโดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมีการแก้ไขในเร็ววัน ขอให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญ  ในสายตาของคนที่คิดจะล้มล้างศาลรัฐธรรมนูญ เขาคิดอย่างเดียวคือ ศาลรัฐธรรมนูญผิดที่ตัดสินไปตามหลักกฎหมาย ไม่สามารถให้พวกเขาวิ่งเต้นคดีได้ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นแล้วในคดีร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์