ปชป.จ่อฟ้องอาญา “ปู-เฉลิม-อดุลย์” ใช้อำนาจเกินเหตุ

เมื่อ10.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์

กล่าวถึงคำสั่งศาลแพ่งที่แม้จะไม่ยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ห้ามรัฐบาลสลายการชุมนุมให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์ชีวิตหรืออายัดบัญชี แกนนำว่า แสดงว่าศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กลายเป็นศูนย์ไร้อำนาจสลายการชุมนุมไปแล้วเปรียบเหมือนยักษ์ไม่มีกระบอง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. คืนความเป็นธรรมกับบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ทั้งหมดด้วย นอกจากนี้ที่ผ่านมารัฐบาลมีพฤติกรรมใช้อำนาจโดยมิชอบ จึงเชื่อว่าคนเหล่านี้จะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาโดยขณะนี้ทีมทนายจะศึกษา รายละเอียดเพื่อดำเนินคดีกับ นายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในคดีอาญา มาตรา 288, 289, 295, 297 และมาตรา157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยชอบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานความผิดของแต่ละบุคคลในการ ปฏิบัติหน้าที่ต่างกรรมต่างวาระเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับสังคม 

น.ส.มัลลิกา กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ ชี้แจงภาพที่ตำรวจติดอาวุธเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าซึ่งขัดแย้งกับ

สิ่งที่ศรส.อ้างว่า ไม่มีการใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม โดยมีหลักฐานเป็นภาพตำรวจสะพายปืนสไนเปอร์สวมรองเท้าโอ๊คเล่ จาก ตชด.นเรศวร หรือ ตชด.พลร่มที่พกอาวุธปืน AI 1.5 ใช้กับภารกิจสำคัญเช่น การก่อการร้าย ไม่ใช่ภารกิจที่จะใช้กับมวลชนแต่ศรส.กลับนำมาใช้กับการสลายการชุมนุมที่ผ่าน ฟ้า ทั้งนี้ปกติ ตชด.พลร่มจะใช้ปืน HKแต่คราวนี้กลับใช้ในภารกิจครั้งนี้ จึงขอให้ตรวจสอบว่า ประชาชนที่ใส่เสื้อธงชาติถูกยิงจากสไนเปอร์ใช่หรือไม่ โดยเชื่อว่าสามารถหา ตัวตำรวจคนดังกล่าวได้ไม่ยากนักโดยคนที่ต้องตอบคำถามมากที่สุดคือ ผบ.ตร.ที่เคยเป็น ตชด.มาก่อน หากไม่มีคำตอบ จะนำภาพนี้ไปขอเข้าพ พล.ต.อ.อดุลย์ ต่อไป นอกจากนี้ยังมีภาพตำรวจพร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก ซึ่งสงสัยว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความสูญเสียที่สะพานผ่านฟ้าหรือไม่ โดยจะขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ว่ามีการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่เพราะพบว่าตำรวจ พกอาวุธถึงสองชนิดคือปืนยาวและปืนสั้น โดยผู้ที่เข้าไปควบคุมบริเวณดังกล่าวคือตำรวจภูธรภาค2 เป็นหลัก

“ ขอเรียกร้องไปถึงนายกรัฐมนตรี 3 ข้อ คือ 1. หมดเวลาที่นายกจะซ่อนตัวหนีชาวนา ประชาชนและสื่อมวลชนแล้วขอให้เผชิญความจริงตอบคำถามประชาชน 2.ขอให้แสดงความเสียใจต่อญาติประชาชนที่เสียชีวิต 16 ศพ บาดเจ็บ 689 ราย รักษาตัวอยู่ 39 ราย ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะรอดชีวิตหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องออกมาขอโทษที่ไร้ภาวะผู้นำแก้วิกฤตไม่ได้และต้องขอโทษประชาชนที่ทำให้ เหตุการณ์ลุกลามบานปลายรวมถึงการที่ไม่สามารถจ่ายเงินชาวนาได้ เพราะมีการโกงจำนำข้าว และ 3. ลดความขัดแย้งด้วยการลาออก ไม่เช่นนั้นทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ และ คนในตระกูลจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ” น.ส.มัลลิกา กล่าว

นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

จากการเปรียบเทียบกรณีที่ศาลแพ่งไม่คุ้มครองการชุมนุมปี 53 ว่า เป็นเพราะผู้ชุมนุมเป็นผู้กระทำแต่การชุมนุมในปัจจุบันผู้ชุมนุมถูกกระทำ มีอันธพาลจัดการกับประชาชนทำให้ไทยย้อนยุคไปสู่ปี2499 จึงทำให้ศาลแพ่งออกคำสั่ง 9 ข้อห้ามรัฐบาลดำเนินการกับผู้ชุมนุม โดยขอเสนอให้เปลี่ยนชุดทำงาน ศรส.ทั้งหมดหากทำไม่ได้ก็ต้องลาออก จะได้ไม่ต้องหนีชาวนา สามารถเดินในสังคมได้มิเช่นนั้นจะต้องหนีทุกอย่างแต่ไม่มีทางหนีกรรมพ้น.