ป.ป.ช.ลงมติฟันแม้วทุจริตแผนฟื้นฟูทีพีไอ ส่วนมาร์ค-กรณ์คดีsmsสอบเพิ่มเอื้อประโยชน์ธุรกิจหรือไม่

ป.ป.ช.ลงมติฟัน"แม้ว"ทุจริตแผนฟื้นฟูทีพีไอ ส่วน"มาร์ค-กรณ์"คดีsmsสอบเพิ่มเอื้อประโยชน์ธุรกิจหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 16 กรฎาคม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติ 6:2 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผู้ล่วงลับ ปรึกษาหารือเรื่องที่จะให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) พ.ต.ท.ทักษิณเห็นชอบและเสนอคณะผู้บริหารแผน และภายหลังกระทรวงการคลังได้ยินยอมเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ สำหรับ ร.อ.สุชาติมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขณะที่คดีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรี

ว่าการกระทรวงการคลัง ส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอสนั้น ป.ป.ช.ยังไม่ตัดสิน แต่ให้ไปสอบสวนรายละเอียดบางประการเพิ่มเติม 

ส่งอสส.ยื่นศาลตัดสิน-สมคิดรอด

นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. แถลงเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ว่า ป.ป.ช.มีมติ 6 ต่อ 2 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มาปรึกษาหารือเรื่องที่จะให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ทีพีไอ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณได้เห็นชอบและเสนอคณะผู้บริหารแผน และภายหลังกระทรวงการคลังได้ยินยอมเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ

อันเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2546 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ระบบ

ราชการ จึงให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป 

ส่วน ร.อ.สุชาติ นั้นการที่ยินยอมให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของบริษัททีพีไอ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แต่ปรากฏว่าในระหว่างการไต่สวน ร.อ.สุชาติได้ถึงแก่กรรม สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงย่อมระงับไปโดยความตายของผู้กระทำผิด จึงให้จำหน่ายคดีออกไป  ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ารู้เห็นหรือยินยอมในการที่กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนด้วย ข้อกล่าวหาจึงไม่มีมูลทำให้ข้อกล่าวหาตกไป ส่วนผู้แทนกระทรวงการคลังที่เป็นคณะผู้บริหารแผนและผู้บริหารแผนที่ได้รับการเสนอชื่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่พบว่าได้ร่วมกระทำความผิด เพียงแต่ได้กระทำตามหน้าที่ตามที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น
 มาร์ค ไม่กังวล-เจตนาชัดไม่ทำผิด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกเรื่องที่ถูกร้อง รวมถึงกรณีการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่เคยถูกเชิญไปให้ถ้อยคำแต่ก็มีบางเรื่องที่เคยชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น กรณีการส่งเอสเอ็มเอส เนื่องจากตอนนั้นเป็นคำถอดถอนที่ฝ่ายค้านยื่นพร้อมกับการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่ปี 2552 แต่ไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นประเด็น ที่มีการตั้งขึ้นมา เพราะยังไม่แน่ใจว่าเรื่องที่ว่านี้เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมาย หรือทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามดูเหมือน ป.ป.ช.ยังติดใจประเด็นที่มีผู้ที่ได้รับเอสเอ็มเอสแล้วโทรศัพท์ตอบกลับไปยังหมายเลขที่ให้ไว้ ทำให้บริษัทผู้ให้บริการมีรายได้ครั้งละ 3 บาท เป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนหรือไม่ ซึ่งทำให้ ป.ป.ช.ต้องไต่สวนเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ถ้ามีการตั้งประเด็นมาก็จะชี้แจงไป เข้าใจว่าตอนที่นายกรณ์ไปติดต่อพูดคุยขอ

ความร่วมมือนั้น หลักการก็ชัดว่าต้องไม่มีการเอื้อให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น ก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับทางบุคคล พร้อมๆ กันนั้นก็ต้องไม่เอื้อธุรกิจด้วยเช่นกัน จุดประสงค์ของการส่งเอสเอ็มเอสถึงประชาชนในขณะนั้น เป็นความพยายามในการสื่อสารวงกว้างที่สุด เพราะตระหนักตั้งแต่แรกว่าปัญหาความขัดแย้งมีสูงตั้งแต่ในขณะนั้น ขอเรียนตามตรงว่าถ้าไม่ต้องมาติดขัดตรงนี้ ก็น่าจะได้ใช้การสื่อสารลักษณะนี้เป็นประโยชน์ในหลายเรื่องแล้ว แต่ทุกอย่างก็ต้องว่ากันไปตามกติกา ไม่มีปัญหา

"ผมไม่รู้สึกกังวลในเรื่องนี้ เพราะเจตนาของผมและผู้ที่เกี่ยวข้องก็ชัดอยู่แล้ว และระมัดระวังกัน เพราะไม่ต้องการทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว


 กรณ์ มั่นใจ-เหตุไม่ได้มีผลประโยชน์

นายกรณ์ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครศรีธรรมราช กรณี ป.ป.ช.ให้สอบสวนคดีส่งเอสเอ็มเอสเพิ่มเติมว่า " ถึงวันนี้เรายังมีความมั่นใจว่าไม่มีความผิด ผมกับนายกรัฐมนตรีมีความหวังดี มีความ

จริงใจ ไม่ได้มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง เราตั้งใจทำงานจริง ส่วนใครจะมองว่า ป.ป.ช.ต้องการยืดเวลาคดีนี้ก็ต้องไปถาม ป.ป.ช.เอาเองว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ส่วนตัวมองว่าคดีนี้ ไม่

มีความสำคัญอะไร"

พท.โวยยื้อ-แน่จริงชี้ขาดไปเลย

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า อย่างน้อยก็ดีใจเพราะการที่ ป.ป.ช.ให้สอบเพิ่มเติม ไม่เตะตกคำร้องไป แสดงว่าเรื่องนี้มีมูล แต่เป็นเพียงความพยายามยื้อเวลาให้นานที่สุดเท่านั้น อยากเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ ว่าเรื่องนี้ความผิดเกิดขึ้นแล้ว ป.ป.ช.ถึงได้สั่งให้สอบสวนเพิ่ม ไม่ใช่ว่าความผิดยังไม่เกิด ดังนั้นนายอภิสิทธิ์และนายกรณ์จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ตามมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองในกฎเหล็ก 9 ข้อที่ได้ประกาศไว้

นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พท. กล่าวว่า ในฐานะผู้ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ในประเด็นการส่งเอสเอ็มเอส หลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว คนทั่วประเทศได้รับเอสเอ็มเอสจริง ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องกล้าตัดสินใจ โดยจะตัดสินว่ามีความผิด หรือไม่มีความผิด ก็เขียนเหตุผลมาให้ชัดเจนว่าเพราะอะไร

ส่วนการอ้างว่าต้องสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ถ้านับจากหลังวันที่พรรคอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งแรกจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสองปีแล้ว ป.ป.ช.ทำอะไรอยู่ แต่ถ้าเทียบเคียงกับกรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกร้องเพราะแค่ทำกับข้าว ป.ป.ช.ใช้เวลาไม่กี่วันในการชี้มูลความผิด อีกทั้งวันที่จะต้องชี้มูลความผิดนายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ ป.ป.ช.ก็เลื่อนออกไป แต่ไปชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณแทน อย่างนี้จะให้ประชาชนที่เฝ้าดูการทำหน้าที่คิดอย่างไรได้ นอกจากยื้อเวลาคดีเอสเอ็มเอส อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 วันใดที่งบประมาณในส่วนขององค์กรอิสระเข้าสู่วาระการพิจารณาของที่ประชุม จะสอบถามถึงการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระให้คุ้มกับงบประมาณที่มาจากภาษีอากรของประชาชนอย่างไร เพราะหากองค์กรอิสระไม่เข้มแข็ง ไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริงประเทศจะผาสุกได้อย่างไร 

พท.ระดมส.ส.วันละ10คนหาเสียง


สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 6 นั้น นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกเดินรณรงค์หาเสียงให้นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครหมายเลข 4 พท. ที่บริเวณหน้าห้างแฟชั่นไอร์แลนด์ เมื่อเวลา 07.00 น. เนื้อหาที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียงเป็นการนำเสนอการแก้ไขระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่ กทม. โดยนายวิชาญนำคณะขึ้นไปหาเสียงบนรถเมล์พร้อมแจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัคร จากนั้น นายวิชาญให้สัมภาษณ์ว่า จากนี้ไปถือเป็นโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งพรรคจะระดม ส.ส.ลงมาช่วยหาเสียงในพื้นที่เขต 6 ทุกวัน วันละประมาณ 10 คน และขณะนี้ทราบว่าทางกรมราชทัณฑ์ ได้อนุญาตให้นายก่อแก้วบันทึกเสียงเพื่อใช้ในการหาเสียงแล้ว ซึ่งหลังจากได้เทปบันทึกเสียงมาก็จะนำมาปรับใช้ในการหาเสียงในโค้งสุดท้ายนี้เช่นกัน

นายคารม พลทะกลาง ทนายความกลุ่ม นปช. กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึง ผอ.แดน 8 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และได้รับอนุญาตให้บันทึกเสียงนายก่อแก้วไว้ใช้ในการหาเสียงได้ โดยในเวลา 13.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม เลขาธิการ พท. และเจ้าหน้าที่พรรคอีก 5 คน จะเดินทางไปบันทึกเสียงที่เรือนจำ อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้จะทำหนังสือสอบถามไปยัง กกต. ว่าเสียงที่บันทึกมานั้นสามารถใช้หาเสียงได้ในขอบเขตใด เพราะทางเรือนจำเพียงระบุว่า ให้ใช้หาเสียงได้ตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเอาไว้

 "ก่อแก้ว"ร่อนจม.อ้อนเลือกเบอร์4

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายคารม และนางสุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการ พท. เข้าเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อบันทึกเทปคำปราศรัยของนายก่อแก้ว โดยมีการอัดเสียงปราศรัย 3 แบบ แบบละ 3 นาที ตามระเบียบกำหนด หลังจากนี้จะนำเสียงปราศรัยทั้ง 3 แบบไปให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์   คัดเลือกเพียงหนึ่งแบบเพื่อนำไปใช้หาเสียง ทั้งนี้ขณะบันทึกเสียงเรือนจำได้ส่งผู้อำนวยการกองนิติการ และผู้อำนวยการส่วนมาตรฐานผู้ต้องขังมาร่วมรับฟังถ้อยคำที่บันทึกไว้ด้วย สำหรับประเด็นเนื้อหาที่บันทึกนั้นคาดว่าพท.จะนำมาเปิดเผยวันที่ 17 กรกฎาคม

ภายหลังบันทึกเทป นางสุนีย์ได้นำจดหมายเขียนด้วยลายมือนายก่อแก้ว 2 ฉบับมาโชว์สื่อมวลชน เนื้อหาหลักๆคือ เรียกร้องให้ชาวเขต 6 เลือกนายก่อแก้วเพื่อให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อคนรุ่นหลังจะมีประเทศที่มีกฎหมายเป็นกฎหมายและเป็นกฎหมายมาตรฐานเดียว มีกติกาในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ประเทศมีความน่าภาคภูมิใจ ไม่อายประเทศใดในโลกนี้

กกต.ยันไม่มีหลักฐานซื้อ500/หัว

นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ขอให้ กกต.จับตาการกระทำบางกลุ่มที่มีการซื้อเสียงหัวละ 500 บาทว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องดังกล่าวเข้ามายัง กกต.  "ผมได้ฟังแต่ตามข่าวของสื่อทั้งนั้น แต่ที่มีหลักฐานนั้นยังไม่มีการร้องเข้ามา ขอให้ทุกฝ่ายร่วมตรวจสอบกันเองป้องกันแก้ไข ซึ่งกรณีนี้น่าจะเป็นการพูดกันไป ซึ่ง กกต.ยังไม่ทราบว่ามีมูลมากน้อยแค่ไหน " นายวิสุทธิ์กล่าว

นายวิสุทธิ์กล่าวตอบคำถาม นายก่อแก้ว พิกุลทอง สามารถใช้เสียงที่บันทึกเสียงจากเรือนจำเพื่อนำไปออกอากาศทางสื่อที่ กกต.จัดไว้ให้ ไปเปิดหาเสียงบนเวทีปราศรัยได้หรือไม่ว่า ขณะนี้อำนาจทั้งหลายอยู่ที่ กกต.ประจำเขตเลือกตั้งและผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งที่ดูแลอยู่ ดังนั้น ทุกอย่างหากทำตามกฎหมายถูกต้องก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้หาก กกต.กทม.บอกทำสามารถนำเสียงที่บันทึกไปเปิดตามเวทีปราศรัยได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา

ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมในการเตรียมการการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.กทม.เขต 6 ในเขตคลองสามวา เขตบึงกุ่ม เขตหนองจอก และเขตคันนายาว โดยมี

การผู้อำนวยการเขตทั้ง 4 เขตร่วมบรรยายถึงการเตรียมความพร้อมและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ 

 "สุเทพ"ซัดพท.ทำวุ่นวายคดียุบ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีสมาชิก พท.เรียกร้องให้นายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถอนตัวจากการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ จากปมปัญหาเงินบริจาค 258 ล้านบาท อาจเข้าข่ายนิติกรรมอำพราง โดยกล่าวอ้างเหตุผลนามสกุลเดียวกันกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และผู้เกี่ยวข้องกับคดีเงิน 258 ล้านบาท ว่า พท.ก็พยายามสร้างสถานการณ์ให้มันดูวุ่นวายเข้าไว้ เป้าหมายเขาเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

นายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยอมรับว่านายเฉลิมพลเป็นญาติ แต่ก็ไม่เคยได้พูดคุยกันเกี่ยวกับคดีนี้แต่อย่างใด การที่พท.อ้างว่า นายเฉลิมพลมีนามสกุลเดียวกับตนนั้น ถือว่าไม่ยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาสังคมให้การยอมรับการทำงานของนายเฉลิมพล เนื่องจากเป็นคนตรงไปตรงมา จึงน่าจะให้โอกาสนายเฉลิมพลได้พิสูจน์ตัวเอง พท.ไม่ควรคิดสั้นๆ ว่า คนที่ไม่ใช่พวกตัวเองจะทำผิดไปหมด เพราะการตัดสินคดีนี้นายเฉลิมพลจะตัดสินได้คนเดียว แต่จะใช้องค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ตัดสิน

"มาร์ค"บอกไม่รู้เกี่ยวด้วยอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า มีระเบียบ กฎหมาย หรือหลักเกณฑ์อยู่แล้วในกรณีที่มีการคัดค้านองค์คณะในการพิจารณาคดีต่างๆ และศาลรัฐธรรมนูญก็จะพิจารณา ทั้งนี้ เขาก็มีสิทธิการเรียกร้อง แต่ทั้งหมดก็ควรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เมื่อถามคิดว่าเป็นความพยายามสร้างแรงกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่เหตุผลคิดว่าที่ผ่านมาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2-3 คนที่ถูกพาดพิงนั้นได้แสดงเหตุผลชัดเจน ถึงการตัดสินใจ และศาลก็มีมาตรฐานของเขาอยู่แล้ว เมื่อถามต่อว่าแต่สิ่งที่ออกมาดูเหมือนกับเป็นความพยายามที่จะทำให้ เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญเข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีและยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่บ่งบอกอย่างนั้น

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า มองว่าทั้ง 2 คดีตั้งประเด็นต่างกัน คดีเงิน 29 ล้านบาท กกต.กล่าวหาว่า ใช้เงินผิดประเภท ส่วนคดีเงิน 258 ล้านบาท อัยการสูงสุดและ กกต.กล่าวหาว่ารับเงินบริจาคแล้วไม่รายงาน ซึ่งนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคขณะนั้นยืนยันไม่มีการรับเงิน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ขณะที่ในสำนวนคดี 29 ล้านบาท ตนถูกพาดพิงว่า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช จ้างทำป้าย พอทำเสร็จแล้วคุณหญิงกัลยาไม่จ่ายเงิน เพราะอ้างว่าเงินดังกล่าวหามาโดยตน และในเวลาต่อมาคนที่พาดพิงกลับคำให้การและบอกดีเอสไอว่าจำไม่ได้แล้ว จึงไม่รู้ว่าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร

"โต้ง" ฝันนโยบายนำปชป.ตีตื้นอีสาน

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนั้นนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวถึงกรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พท.วิเคราะห์ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะได้ที่นั่งส.ส.ในภาคอีสาน 90% ว่า ต้องยอมรับว่า พท.ได้ส.ส.เข้ามาจำนวนมากอยู่แล้ว แต่จะถึง 90% หรือไม่ไม่แน่ใจ เนื่องจากมีหลายปัจจัย และ พท.จะใช้วิธีไหนในการเลือกตั้ง จะใช้ความรุนแรงหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจจะมีการร้องจนทำให้การเลือกตั้งกลายเป็นโมฆะได้ แต่หากแข่งกันที่นโยบายแม้ว่า พท.จะชนะพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ยังมีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่แทรกขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์อาจจะตีตื้นขึ้นมาได้ด้วยการใช้นโยบายแก้ปัญหาที่ดินทำกินและหนี้สินเกษตรกร โดยรัฐบาลต้องเร่งรัดให้เรื่องนี้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวกรณีนายมิ่งขวัญวิเคราะห์ พท.อาจได้จำนวนที่นั่งสูงถึง 250 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าว่า ใครก็หวังได้ทั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็หวังได้ แต่อยู่ที่ว่าพอถึงเวลาจริงๆ จะทำได้หรือเปล่า

"เฉลิม"ขวางรื้อพท.-ชูแม้วเจ๋งแล้ว

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พท.กล่าวถึงข้อเสนอการปรับโครงสร้างพรรค เพื่อให้ผู้ที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯเป็นหัวหน้าพรรคนำรณรงค์หาเสียงในเลือกตั้งที่จะถึงนี้ว่า เห็นว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ เพราะต้องถามว่าตอนนี้มีใครในพรรคเก่งกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือประชาชนศรัทธาใครมากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และประชาธิปัตย์กลัวใครนอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมาเคยเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม 3 จังหวัด ลงไปปราศรัยหาเสียง ชู พ.ต.ท.ทักษิณและเอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านก็ชนะหมด แล้วถ้าโครงสร้างพรรคเป็นอย่างนี้แล้วจะเป็นอะไร มีอะไรเสียหาย การทำงานในสภาก็ไม่มีปัญหา อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 รอบก็ทำได้ ตนพูดเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาท กับเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ขณะนี้ก็กลายเป็นเรื่องจะยุบพรรคแล้ว 

ฉะนักรบห้องแอร์ได้แต่นั่งนึก

"แนวทางของพรรคไม่มีปัญหาอะไร ไม่จำเป็นต้องปรับ เพราะเราต้องยึดยุทธศาสตร์เอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ให้ผมเป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้ เพราะรู้ตัวดีว่าคะแนนนิยมสู้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ ตอนนี้เร็วไปที่จะพูดเรื่องปรับโครงสร้าง เพราะโครงสร้างมันทำงานไปได้อยู่แล้ว ผมอยู่พรรคนี้สบายใจ เงินก็ไม่ต้องเสีย นโยบายก็ไม่ต้องคิด เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณคิดไว้ให้อยู่แล้ว แต่ให้เป็นหัวหน้าพรรคไม่เป็น แต่ถ้าให้เป็นนายกฯเอา แล้วจะออกกฎหมายนิรโทษ อภัยโทษ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ขอเวลา 6 เดือน แล้วก็จะออกจากตำแหน่ง ที่จริงยังไม่ต้องรีบร้อนคิด เพราะเลือกตั้งมันยังอยู่อีกไกล ใครที่บอกว่าเดือนหน้ายุบสภา ฝันหรืออย่างไร จะบอกว่าศาลตัดสินยุบพรรคเดือนหน้า

  ทั้งที่กระบวนการไต่สวนมันยังมีอยู่ เอาเป็นว่าถ้าเดือนหน้ายุบสภาจริง ผมจะไม่ลงเลือกตั้ง ถือว่าผมมองการเมืองพลาดไปเอง แต่อยากจะบอกว่าเรื่องใครจะเป็นนายกฯ ให้เลือกตั้งเสร็จเป็นรัฐบาลก่อน แล้วค่อยมาโหวตกันในพรรคก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาหาตอนนี้ ทำตัวเป็นสัมภเวสีหาหัวหน้าพรรคไปได้ ไอ้พวกนักรบห้องแอร์ นั่งเอานึกเอา ผมมันนักรบในพื้นที่ลงไปปราศรัยก็ต้องมองแววตาประชาชนด้วย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว และปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องการทาบทาม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตมาเป็นหัวหน้าพรรคและไม่เชื่อว่าเป็นความจริง 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์