ป.ป.ช.มีมติ 7-0 แจ้งข้อกล่าวหา ยิ่งลักษณ์ โครงการจำนำข้าว ผิดอาญา ม.157

ป.ป.ช.มีมติ 7-0 แจ้งข้อกล่าวหา ยิ่งลักษณ์ โครงการจำนำข้าว ผิดอาญา ม.157

ป.ป.ช.มีมติ 7-0 แจ้งข้อกล่าวหา "ยิ่งลักษณ์" โครงการจำนำข้าว ผิดอาญา ม.157 "วรงค์" ชี้เป็นไปตามคาด

 

วันนี้ 17 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)นนทบุรี นายวิชามหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. และ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าว โครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว  ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี ว่า


คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติ 7ต่อ 0 ให้แจ้งข้อกล่าวหา ต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว และได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. วิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉย ไม่ระงับยับยั้งความเสียหาย ที่เกิดจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวตามอำนาจหน้าที่ ทำให้หน่วยงานราชการได้รับความเสียหาย โดยผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแต่รับฟังไม่ขึ้น


นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
 
ซึ่งได้กำหนดนโยบายจำนำเข้า มาตั้งแต่ต้น และ ในฐานะประคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ที่กำหนด ราคาข้าวเปลือกสูงกว่าราคาตลาด เกินกว่าที่ควรคาดหมายได้ตามปกติ อันมีลักษณะเป็นการบิดเบือนกลไกราคาตลาดและการดำเนินโครงการมีการทุจริตทุกขั้นตอน ทั้งการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การสวมสิทธิ์เกษตรกร โกงความชื้น โกงตาชั่ง นำข้าวมาเวียนเข้าโครงการ


ส่วนการระบายข้าว มีการใช้อิทธิพลช่วยเหลือพวกพ้องให้ได้ข้าวจากโครงการไปจำหน่าย


นอกจากนี้ การเก็บรักษา ยังมีปัญหาทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพและเกิดการสูญหาย ทำให้การขายข้าวขาดทุน ซึ่ง รัฐบาลเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่ สร้างความสูญเสียเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ยังปรากฎว่ามีผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จำนวนหลายล้านราย ที่ยังไม่ได้รับเงินในโครงการฯ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนบางคนถึงกับฆ่าตัวตาย แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงที่สุดของประเทศ


คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด และ มีความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบ รธน. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้ารัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก้ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 


ซึ่งป.ป.ช.จะจัดส่งสำนวนฟ้องไปยังอัยการสูงสุดในสัปดาห์หน้าเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการที่จะเดินทางไปต่างประเทศ

ด้าน นพ.วรงค์ กิจเดชวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 7:0 ส่งฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ว่า เรื่องนี้อัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณาและไปจบที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นขั้นตอนสุดท้าย ส่วนตัวเชื่อว่าอัยการสูงสุดและศาลฎีกาจะพิจารณายืนตามที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลว่ามีความผิดจริง เพราะมีหลักฐานชัดเจน ดังนั้นศาลฎีกาคงไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อมูลชัดเจนว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปล่อยปละละเลย ให้มีการโกงในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหา ข้าวเน่า ข้าวหาย สีข้าวแปรสภาพ และข้าวเสื่อมคุณภาพ สอดคล้องกับที่ปชป. ได้นำเสนอในสภาฯมาโดยตลอด กรณีนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ ของการกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ทำลายระบบข้าวและชาวนาไทย รวมถึงกลไกตลาดให้หายนะทั้งระบบ

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่าดำเนินการโครงการนี้ เพราะเป็นนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ทั้งที่สังคมโจมตีว่าอาจจะมีทุจริต
 
ตนอยากถามว่าทำไมจึงเลือกทำนโยบายนี้ เพียงอย่างเดียว ทั้งที่ยังมีนโยบายอื่นที่หาเสียงไว้ เช่น การงดจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน ที่ทำได้ 2-3 เดือนก็ยกเลิก เพราะฉะนั้นจึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้เห็นหรือหวังจะได้ประโยชน์ จากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่  ทั้งนี้ การที่ป.ป.ช. ชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ถือว่าเป็นการปิดจ็อบการทุจริตจำนำข้าว เพราะยังเหลือปมในการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)  ที่มีอดีตรัฐมนตรีคนอื่น ๆ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่ตนมั่นใจว่าจะปิดจ็อบคดีต่างๆได้ เพราะหัวขบวน อย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังถูก ป.ป.ช. ชี้มูล จึงคาดว่าท้ายขบวนคงไม่รอด

ส่วนกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศได้ระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม - 10 สิงหาคมนั้น
 
นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนมองอย่างเป็นกลางว่า ขั้นตอนการดำเนินการยังอีกยาว ดังนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีเวลาต่อสู้คดีอีก แต่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะออกนอกประเทศแล้วไม่กลับมาอีกอย่างที่สังคมตั้งข้อสังเกตนั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ คสช. ว่าจะตัดสินเรื่องนี้อย่างไร

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์