บุญรอด เชื่อไม่มีใครอมท่อพีวีซี 90 ล้านป่วนใต้ แต่สั่งตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส

พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม

ถึงกรณีผู้แจ้งเบาะแสจับกุมนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม และยึดอายัดเงินที่ซุกซ่อนในท่อพีวีซี จำนวนกว่า 90 ล้านบาท แต่นำมาแถลงข่าวว่ายึดเงินได้เพียง 30 ล้านบาท ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าว ซึ่งตนและนายกรัฐมนตรีได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวมาเช่นเดียวกัน ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการยักเงินของกลาง เพราะเจ้าหน้าที่ซึ่งนำกำลังเข้าตรวจค้นและตรวจนับเงินไม่ได้มีทหารหน่วยเดียวแต่มีตำรวจร่วมปฏิบัติการด้วย อีกทั้งในขั้นตอนการตรวจนับเงินก็ค่อนข้างเปิดเผย มีสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ หากผู้แจ้งเบาะแสมั่นใจว่ามีเงินมากกว่า 30 ล้านบาท ก็อาจจะเป็นเงินที่ยังหาไม่พบ  หรืออาจเป็นไปได้ว่าผู้แจ้งเบาะแสได้ข้อมูลทางการข่าวว่า มีเงินซ่อนอยู่ 90 ล้าน แต่ในความเป็นจริงอาจมีเงินอยู่ไม่ถึงก็ได้

'ผมคิดว่าคงไม่มีใครอมท่อพีวีซีที่ใช้บรรจุเงินได้ทั้งแท่ง เพราะขั้นตอนทุกอย่างทำอย่างเปิดเผย แต่เมื่อมีข่าวรายงานว่าไม่โปร่งใสก็ต้องตรวจสอบ ส่วนผู้แจ้งเบาะแสข่าวจนนำไปสู่การยึดอายัดเงินของกลาง จะได้รับส่วนแบ่งรางวัลนำจับร้อยละ 15 ของจำนวนเงินที่มีการยึดอายัดได้จริง'
พล.อ.บุญรอดกล่าว

ด้านนายกิตติ ลิ้มชัยกิจ เลขาธิการ (ปปส.) กล่าวว่า

ในการตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติด ทหารและตำรวจในพื้นที่ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงไม่ต้องขอหมายค้นจากศาล โดยเป็นการเข้าค้นเป้าหมายในคดีความมั่นคง สำหรับปปส.ได้รับแจ้งข้อมูลเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบเงินในท่อพีวีซี และเข้าไปอายัดเมื่อมีการตรวจนับเงินเสร็จสิ้นแล้ว ในเบื้องต้นเราต้องให้เครดิตเจ้าหน้าที่ว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง คงไม่ใครยักยอกเงินตามที่ถูกกล่าวหา แต่ข้อเท็จจริงทั้งหมดคงต้องรอให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง


พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า

ได้รับรายงานเบื้องต้นแล้วว่า มีผู้ให้ข่าวว่ามีเงินมากกว่านั้น  แต่รายละเอียดต้องรอผลการสอบสวน สำหรับตัวเลขเงินที่พบทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าไรนั้น ไม่ทราบ ต้องรอการสอบสวน แต่ที่ทราบแน่ๆ คือ ที่มีการตรวจนับแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว ส่วนที่เหลือจะมีจำนวนเท่าไร อยู่ที่ผลการสอบสวนต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมาจากสาเหตุความขัดแย้งในการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการแจ้งเบาะแสหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

'ต้องรอการสอบสวน ซึ่งเรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการคนนอกเข้าไปตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่มีการตั้งกรรมการอยู่แล้ว ซึ่งกรรมการก็ต้องทำหน้าที่ดูแลกันต่อไป' พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ว่า กองทัพไม่ได้รับรู้เรื่องราวมาก่อน แต่เชื่อในข้อมูลของผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสที่ยืนยันไปว่าพบเงินกว่า 30 ล้านบาท และได้รับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้าว่า ป.ป.ส.มาดำเนินคดีต่อแล้ว

'กองทัพจะต้องสอบข้อเท็จจริงตามที่มีคนร้องเรียนมา และนำความจริงมาชี้แจงสาธารณชนในโอกาสต่อไป'
พ.อ.อัครกล่าว และว่า สิ่งที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระมัดระวังเป็นอย่างมาก คือการทำสงครามข้อมูลข่าวสาร เกรงว่าถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงก็จะเป็นประเด็นที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามปล่อยข่าว เพื่อสร้างความแตกแยก สร้างความไม่ไว้ใจระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ทำงานร่วมกัน ที่สำคัญจะทำให้ผู้บังคับบัญชาไม่ไว้วางใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชา


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์